หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 205 ขอโทษที่ข้าอ่อนแอ

บทที่ 205 ขอโทษที่ข้าอ่อนแอ

บทที่ 205 ขอโทษที่ข้าอ่อนแอ

ถึงขณะนี้จะยังไม่มีวิธีถอนพิษกู่จิ้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีหนทาง เพียงแต่มันยังไม่ถูกค้นพบก็เท่านั้น

“ข้าจะหาวิธีถอนพิษกู่จิ้นให้จงได้ ต้องทำให้ได้”

แต่สิ่งแรกก็คือ กระบวนการนี้จะยืดยาวและซับซ้อน

เช่นนั้นก่อนอื่นเลย นางจะหยุดเวลา พูดให้แจ้งก็คือจะหยุดช่วงเวลาของเย่แจ๋หยิ่ง ซึ่งนางก็คิดการยับยั้งเวลาได้อยู่สองวิธี

วิธีแรกคือ เหมือนดั่งนักบินอวกาศที่นอนแน่นิ่งอยู่ในสถานีอวกาศ

วิธีที่สองคือ พาเย่แจ๋หยิ่งไปแช่แข็งก่อนที่เขาจะไร้สติจนกลายเป็นผีดิบกินคน

เย่แจ๋หยิ่งนิ่งเงียบ

หลานเยาเยามองไปที่เขาพร้อมพูดว่า: “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ก็ต้องเปลี่ยนตัวยา ถึงจะช้าไปหน่อยก็ไม่เป็นไร”

พูดจบ นางก็อยากที่จะดึงเย่แจ๋หยิ่งไปในที่พำนักอีกครั้ง แต่ก็ดึงขึ้นมาไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะหลับตาและลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะค่อยๆพูดออกมาว่า:

“เจ้า…ยังมีเรื่องอยากจะพูดอีกใช่หรือไม่?”

หากเป็นไปได้ นางก็หวังว่าจะไม่ใช่ในช่วงเวลานี้ และไม่ใช่ในสถานการณ์เช่นนี้ด้วย

“เยาเยา……”

“ไม่พูดไม่ได้หรือ?” หลานเยาเยารีบเอามือกุมปากของนางไว้ เป็นครั้งแรกที่มีน้ำเสียงวิงวอนขณะจ้องมองเขา

นางรู้ว่าเขาอยากจะพูดสิ่งใด

เช่นนั้นนางจึงจะตามใจความอ่อนแอของนางสักครั้ง

“เยาเยา ในตอนนี้มันไม่เหมือนแต่ก่อน มีสิ่งใดจำต้องพูดออกมาให้เข้าใจกัน จำได้หรือไม่ ที่ครั้งหนึ่งข้าเคยพูดว่า หลังสัญญาสามปีเริ่มดำเนินไป ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นจำต้องใส่ใจ……”

“ไม่ต้องพูดแล้ว” จู่ๆหลานเยาเยาก็พูดออกมาเบาๆ

เย่แจ๋หยิ่งจ้องมองนางที่มีแววตาวูบวาบ หลังจากเงียบไปชั่วขณะ เขาก็กระซิบว่า:

“ได้ ไม่พูดแล้ว”

“เจ้าคงจะไม่ใช่ว่าอยู่ๆก็หายไปหรอกใช่ไหม?” นางยิ้มออกมาอย่างยากเย็น

“ไม่หรอก”

ที่แห่งนี้คือปลายทางของเขา ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาจะได้เจอนาง เขาจะไปได้อย่างไรกัน?

“งั้นข้าจะไปเดินเล่นเสียหน่อย จะได้คิดหาทางแก้ไข”

“ได้สิ!”

หลานเยาเยาปล่อยมือของเขา และจากไปอย่างรวดเร็ว

นางไม่รู้หรอกว่าจะไปที่ใด รู้เพียงแต่ว่าอยากจะไปให้พ้นสายตาของเขา

นางไม่ค่อยคุ้นเคยกับชนเผ่านี้เสียเท่าไหร่ จึงได้เดินไปเรื่อยเปื่อย ยิ่งเดินก็ยิ่งออกนอกเส้นทาง ยิ่งเดินอากาศก็ยิ่งหนาวเย็น แต่นางก็รู้ว่านางยังไม่ออกนอกเขตของชนเผ่า

ที่แห่งนี้ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย จะมีก็แต่ต้นไม้ใบหญ้า

และซากปรักหักพังที่เป็นที่พักอาศัยของชนเผ่า ถึงแม้ว่าที่พักอาศัยเหล่านี้จะอยู่ในสภาพทรุดโทรม แต่ก็ไม่ได้แย่มากนัก โครงร่างการก่อสร้างที่พักอาศัยเหล่านี้ ก็มีลักษณะโครงสร้างที่แตกต่างกันไปเล็กน้อยภายในชนเผ่า

กำลังเดินอยู่ในทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อ โดยมีตะไคร่น้ำที่เกาะอยู่ตามโขดหินมานานแสนนาน ทำให้นางสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็น

แม้แต่บนกำแพงที่พุพังก็ยังคงมีตะไคร่ขึ้นเกรอะกรัง แต่ก็ยังปกคลุมไปไม่หมด และนางยังเห็นอีกว่าซากกำแพงเหล่านี้ เหมือนจะถูดสาดด้วยหมึกเมื่อนานมาแล้ว

หมึกรึ?

ผู้ใดจะไม่มีเหตุในการสาดหมึกไปบนกำแพงกันล่ะ? อีกทั้งยังมีอีกหลายจุด

หลานเยาเยาจึงเดินเข้าไปพร้อมเอื้อมมือไปสัมผัสดู จากนั้นก็ดึงมือกลับมาที่ปลายจมูกและดมกลิ่น

มันคือกลิ่นเลือด……

ปรากฏว่านี่มันไม่ใช่หมึก แต่เป็นคราบเลือดที่แห้งกรังมานานหลายปีจนกลายเป็นสีดำ

มีอยู่เต็มไปหมดบนซากกำแพง เพียงแค่ด้านๆเดียว ก็น่าสยดสยองเหลือเกิน ส่วนพื้นของหลุมบ่อ ก็ถูกปกคลุมด้วยตระไคร่น้ำมานานแสนนาน จนไม่สามารถเห็นร่องรอยใดๆ

“เหมือนว่าจะเคยมีการสังหารหมู่เกิดขึ้นที่นี่………”

ทันใดนั้น!

“ซ่าซ่า……”

เหมือนดั่งเสียงลมที่พัดผ่านใบไม้ แต่ว่าหูของหลานเยาเยานั้นไม่เคยผิดพลาด แค่ฟังก็รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติได้ทันที

“ผู้ใดกัน? รีบออกมาเสีย”

ขณะที่นางได้ยินเสียงนั้น ก็ได้ถือเข็มเงินไว้ในมือเป็นที่เรียบร้อย เตรียมพร้อมที่จะขว้างออกไปอยู่ทุกเมื่อ

“กรอบ…”

“แกรบ”

“……”

เสียงเหยียบใบไม้ของการก้าวเดินอย่างผ่อนคลายดังขึ้น เสียงค่อยๆใกล้เข้ามา จากนั้นร่างที่คุ้นเคยก็โผล่มาจากด้านหลังของซากกำแพง

ส่วนต่างๆบนใบหน้าถูกรังสรรค์มาอย่างงดงาม แต่เมื่อมาอยู่รวมกัน ก็กลายเป็นดูบ้านๆไปเสีย และในตอนนี้ใบหน้าของเขาก็ได้เผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย

หานแส!?

เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?

คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามนาง กำลังมองท่าทีของนางอย่างใจจดใจจ่อ จากนั้นก็ยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ พลางถามเรียบๆว่า:

“แปลกใจปานนั้นเชียวรึ?”

“เจ้ามาทำการใดที่นี่?” ไอ่แปลกใจน่ะก็แปลกใจ อย่างไรก็ตามในขณะนี้นางก็ระวังตัวมากยิ่งขึ้น

“แล้วเจ้านั้นมาทำการใดที่นี่กันล่ะ?” หานแสยิ้มขณะใช้คำถามตอบคำถาม

“ก็ไม่ได้ตั้งใจแค่บังเอิญเข้ามา แล้วเจ้าล่ะ? บังเอิญเหมือนกันรึ?”

ทันใดนั้นก็พบว่า ไม่รู้จะพูดเช่นไรดี หานแสผู้ไร้สัมมาคารวะกำลังยิ้มอย่างชั่วร้าย อีกทั้งรอยยิ้มที่ชั่วร้ายนี้ก็ไม่ใช่การแสร้งขึ้นมาแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าการยิ้มเช่นนี้มันช่างไม่มีความเข้ากันกับท่าทีของเขาในเพลานี้เสียเลย

หรือว่านี่คือรอยยิ้มโดยปกติของเขา……

อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มเช่นนั้นเหมือนทิ่มแทงเข้าที่ตาของนาง ทำให้นางอึดอัดเสียเหลือเกิน

“บังเอิญรึ? จะมีเหตุบังเอิญเกิดขึ้นบนโลกได้มากมายปานนั้นเชียว?”

“อืม~~พูดเช่นนั้น งั้นเจ้าก็ตั้งใจมาที่นี่ เพื่อระลึกถึงบางอย่างงั้นรึ? หรือว่ามีสิ่งใดปิดบังอยู่ที่นี่กันล่ะ?

เขาดูคุ้นชินกับที่แห่งนี้อย่างมาก

ใครจะไปรู้……

ว่าหานแสจะขำออกมา “เจ้าไม่กลัวว่ายิ่งรู้มากก็จะยิ่งเป็นอันตรายรึ?”

ในชั่วพริบตา

รังสีอำมหิตที่มองไม่เห็นก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว พร้อมล้อมรอบหลานเยาเยาไว้ในที่สุด

เขาค่อยๆเด็ดใบไม้ จากนั้นก็สูบฉีดกำลังภายใน ดวงตาขุ่นมัวอันงดงามค่อยๆเบิกกว้าง เมื่อนิ้วเรียวยาวที่ขาวผ่องตวัดขึ้น ใบไม้ใบนั้นก็พยศดั่งม้าป่า หลุดจากปลายนิ้วไปอย่างรวดเร็ว และแล้วก็แทรกเข้าไปในต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ

เสียง “ตู้ม” ต้นไม้ใหญ่ล้มลงกับพื้นเกิดเสียงดังลั่น

เมื่อเห็นเช่นนั้น!

แววตาของหลานเยาเยาก็เป็นประกาย และพูดด้วยยิ้มกริ่มว่า: “หากบอกว่าไม่รู้แล้วจะไม่เป็นอันตรายเช่นนั้นรึ?”

นางเคยฆ่าคนมาแล้วครั้งหนึ่ง รู้ว่าความรู้สึกของคนใกล้ตายนั้นเป็นอย่างไร

ถึงแม้ว่าเพลานี้นางจะรู้สึกถึงรังสีอำมหิต แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกถึงความสิ้นหวังหรือความกลัวที่จะตาย

เช่นนั้นแล้ว!

นางหาได้กลัวไม่

ตายเป็นวิญญาณทั้งๆที่ตระหนักรู้ยังแกร่งกล้า กว่าเป็นวิญญาณที่ตายเปล่า

“หึ ก็ใช่”

ขณะที่พูด หานแสก็ค่อยๆเดินเข้ามาจัดผมที่ยุ่งเหยิงของนางให้เข้าที่เข้าทาง แล้วก็เดินผ่านนางไป โดยไม่พูดอะไร และจากไปอย่างผ่อนคลายในทันที

หลานเยาเยาหันหน้าไปมองร่างของเขาที่ไกลออกไปเรื่อยๆ จึงรีบตะโกนถามว่า:

“เจ้ารู้จักหนอนพิษกู่จิ้นหรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

หานแสก็หยุดชะงัก แต่ก็แค่ชะงักเพียงเท่านั้น จากนั้นก็เดินต่อไป และก่อนที่เขาจะเดินหายลับตาไป เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา: “บนโลกนี้ไม่มียาถอนพิษนั่นอีกแล้ว”

อะไรนะ?

ไม่มียาถอนพิษอีกแล้วงั้นรึ?

นี่ก็หมายความว่า……เคยมียาถอนพิษมาก่อนงั้นสิ

เมื่อรู้เช่นนี้ หลานเยาเยาก็โล่งอกโล่งใจไปหลายเปาะ

“ชนเผ่านี้ต้องมีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับราชวงศ์เก่าเป็นแน่ นอกจากมีเรื่องตราราชลัญจกรหยกแพร่ออกมาแล้ว ยังจะมีความลับใดที่ซ่อนอยู่อีกนะ?”

เพลานี้ หลานเยาเยาก็มองไปทางกำแพงที่พุพัง และนึกถึงหานแส ในขณะเดียวกันก็นึกถึงเย่แจ๋หยิ่ง แววตาก็ดำดิ่งไปอย่างช่วยไม่ได้

……

แต่เมื่อกลับมาถึงที่พำนักของฮัวหยู่อัน ด้านในนั้นก็ไม่มีคนเสียแล้ว

และก็ได้เห็นเด็กสาวที่อุทิศตนรับใช้ฮัวหยู่อัน จึงถามไปว่า:

“คนในที่พำนักล่ะ?”

“ท่านหมายถึงพี่หยู่อันใช่หรือไม่เจ้าคะ?” เด็กสาวผู้ถักเปียสองข้าง ถามนางด้วยดวงตาที่กลมโต

“อืม นางไปที่ใดแล้วรึ?”

“พี่หยู่อันบอกว่านางจะไปหาเหล่าผู้อาวุโสเจ้าค่ะ”

“แย่ล่ะ”

เมื่อครู่ก็ลืมพูดกับเสี่ยวฮัว การที่นางไปหาเหล่าผู้อาวุโสคนเดียวเช่นนี้ จงอย่าพูดอะไรที่ผิดแผกแตกต่างออกไป

มิเช่นนั้นเสี่ยวฮัวจะตกอยู่ในอันตรายเมื่ออยู่ในชนเผ่านี้ต่อไปในอนาคต

ไม่ได้การล่ะ นางจักต้องตามไปดู

และแล้ว นางก็ให้เด็กสาวนำทางนางไป มาถึงด้านหน้าที่พำนักของผู้อาวุโสใหญ่ นางยังไม่ทันได้เข้าไป ก็ได้ยินเสียงดังมาจากในห้อง “เพล้ง”

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท