หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่190 ความผิดปกติของเย่แจ๋หยิ่ง

บทที่190 ความผิดปกติของเย่แจ๋หยิ่ง

บทที่190 ความผิดปกติของเย่แจ๋หยิ่ง

ดูจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ เขาน่าจะมาที่นี่ได้พักหนึ่งแล้ว แล้วเย่แจ๋หยิ่งที่มากับนางที่นี่ ก็น่าจะไม่ใช่เพียงแค่มาตามหานางเท่านั้น

“เป็นคุณชาย” เถ้าแก่โรงน้ำชาร้องออกมาทั้งน้ำตา และจากนั้นก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงรีบออกคำสั่งคนเรือ

“เร็วเข้า รีบเร่งเรือ ถึงฝั่งเมื่อไหร่ก็รีบไปพบหมอทันที”

“ขอรับ! ”

“ไม่ต้องหรอก” หลานเยาเยาได้จับชีพจรของจื่อเฟิงแล้ว โชคยังดีที่เขาหงายหน้าขึ้นตอนที่ลอยน้ำอยู่ ถึงแม้ว่าชีพจรจะอ่อนจนแทบจะหาไม่เจอก็ตามที แต่ยังพอมีชีพจรให้จับได้ “ข้าช่วยเขาได้! ”

ดังนั้นหลานเยาเยาจึงให้คนจับจื่อเฟิงนอนราบไปกับพื้น จากนั้นก็เริ่มฝังเข็มให้แก่เขา ในขณะที่เถ้าแก่โรงน้ำชาและคนอื่นๆ พากันไปอยู่ที่หัวเรือ

ในขณะที่พวกเขากำลังรออยู่อย่างใจจดใจจ่อนั้น หลานเยาเยาก็แย่งเขามาจากพญายมได้สำเร็จ

เมื่อหลานเยาเยาเดินผ่านม่านกั้นออกไป ก็พบว่าเรือได้จอดที่ฝั่งแล้วอีกทั้งยังดูเหมือนว่ามาจอดได้พักใหญ่แล้วเหมือนกัน

ดังนั้นนางจึงเดินเข้าไปตรงหน้าของเถ้าแก่โรงน้ำชา พูดเสียงกระซิบ: “เดี๋ยวข้าจะพาเขากลับไปเอง แต่เรื่องวันนี้ อย่าให้ใครได้ล่วงรู้”

“ข้าทราบแล้ว” จากนั้นใบหน้าของเถ้าแก่โรงน้ำชากลับดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ครุ่นคิดอยู่ครู่จึงพูดออกมา: “แล้วจะทำยังไงกับคนที่ถูกตีจนสลบไปเหรอครับ? ”

“เขา? ”

หากจะส่งพวกเขาไปให้ส่วนราชการหล่ะก็ คาดว่าไม่น่าจะเป็นวิธีที่ดี อย่างไรเสียคนพวกนั้นก็จะทำอะไรตามอำเภอใจ และรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าได้อยู่ดี แม้กระทั่งส่วนราชการก็ไม่สนใจ ดูท่าน่าจะถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ

เย่แจ๋หยิ่งเป็นอ๋องเย่ จื่อเฟิงเป็นองครักษ์ลับของเขา แม้จะไม่ได้คิดแทนคนในพื้นที่ แต่เพียงแค่จื่อเฟิงเพียงคนเดียว พี่ใหญ่คนนั้นก็สมควรแล้วที่จะโดนฆ่าตายเสียเป็นร้อยๆ รอบ

“ง่ายจะตายไป ผูกเขาเอาไว้กับก้อนหินใหญ่ แล้วก็โยนลงทะเลไปเสีย”

คำพูดที่ฟังดูง่ายๆ สบายๆ แต่ทำให้ผู้ที่ได้ยินถึงกับตัวสั่น

แต่ว่า!

อึดใจเดียวพวกเขาก็กลับมาปิติตามเคย

“เยี่ยมไปเลย! ”

ท้ายสุดแล้วก็มีคนที่กล้าจะทำ จริงๆ พวกเขานั้นอยากที่จะทำมันมาตั้งนานแล้ว แต่เพียงเพราะสู้พี่ใหญ่นั่นไม่เคยได้เท่านั้นเอง

หลานเยาเยาให้คนพาตัวจื่อเฟิงไปพักที่ห้องพักโรงเตี๊ยมของพวกเขา หลังจากที่จัดการจื่อเฟิงเรียบร้อย ถึงได้มองไปที่ท้องฟ้านอกหน้าต่าง ก่อนจะถอนหายใจออกมา

เขายังไม่กลับมา จะไปไหนได้นะ?

หลานเยาเยานั่งอยู่ข้างเตียง เหตุผลแรกก็เพื่อดูแลไม่ให้จื่อเฟิงไข้ขึ้น สองก็เพื่อจะคอยให้เย่แจ๋หยิ่งกลับมา

“ก๊อกก๊อกก๊อก······”

“แม่นางหลาน”

คือเสียงของหานแส

ออกมาด้านนอก เพื่อความสะดวก การที่จะเรียกพระชายาท่านอ๋องจะเป็นที่ดึงดูดความสนใจมากไป ดังนั้นจึงเรียกเป็นชื่อหรือแซ่ธรรมดา

“เข้ามาสิ! ”

หานแสเดินเข้ามา เมื่อเห็นว่ามีมากกว่าคนเดียว อีกทั้งไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย จึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย: “ผู้นี้คือ? ”

“จื่อเฟิง เป็นองครักษ์ลับของอ๋องเย่”

เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องปิดบัง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หานแสเป็นคนที่ไม่ได้ละลาบละล้วง แต่เขายังเป็นคนช่วยชีวิตเย่แจ๋หยิ่งอีกด้วย

เย่แจ๋หยิ่งเองก็เคยพูดแล้วว่า ตัวตนของหานแสนั้นลึกลับ หากว่าเขามีเจตนาแอบแฝง จากที่มองดูแล้วอย่างไรเสียช่วงนี้เขาก็ยังทำอะไรไม่ได้

“ที่แท้อ๋องเย่ก็มีองครักษ์ลับที่กำลังภายในมหาศาลคนหนึ่งนี่เอง แล้วทำไมเขาถึงได้กลายเป็นอย่างนี้ได้หล่ะ? ”

เห็นได้ชัดว่าเขานั้นดูประหลาดใจมาก

ไม่ต้องพูดถึงเขาหรอก แม้แต่หลานเยาเยาที่เมื่อเห็นจื่อเฟิงครั้งแรก ก็ตกใจมากเช่นเดียวกัน

เขาเป็นถึงองครักษ์ลับของเย่แจ๋หยิ่งเชียวนะ!

อีกทั้งในขณะที่เขาเป็นองครักษ์ลับนั้น ศิลปะการต่อสู้ของเขาก็ยอดเยี่ยมมากๆคนหนึ่ง ไม่ใช่งูๆ ปลาๆ เลย

ที่เขากลายมาเป็นแบบนี้ได้ คู่ต่อสู้แน่นอนว่าไม่ใช่งูพิษอย่างพี่ใหญ่ แต่น่าจะเป็นคนที่มีฝีมือคนหนึ่ง

“ไม่รู้เหมือนกัน ข้าไปเจอเขาที่ริมทะเล”

การที่หานแสรู้จักจื่อเฟิงนั้น นางไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่แปลก เพราะเย่แจ๋หยิ่งนั้นก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากๆ และจื่อเฟิงเองก็เป็นคนของเขา แล้วทำไมใครๆ จะไม่รู้จักเขาหล่ะ?

“แล้วอ๋องเย่หล่ะ? ”

“เขา เขาไปสังสรรค์หน่ะ”

เมื่อพูดถึงเย่แจ๋หยิ่ง หลานเยาเยาก็ยักไหล่ขึ้นทันที

จู่ๆ ก็พบว่า เย่แจ๋หยิ่งนั้นจากที่มองภายนอกเป็นคนเย็นชา ไม่สุงสิงกับใคร แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเขาก็เหมือนเด็กคนหนึ่งที่อารมณ์เสียง่าย แถมยังชอบหนีออกจากบ้านด้วย

เขาได้รับการผ่าตัดด้านข้างของหัวใจ แม้จะผ่านไปแล้วหลายวัน แต่ก็ไม่ควรที่จะเดินไปไหนมาไหน แถมยังเดินไปจนเวลาล่วงเลยจนบ่าย ไม่รักร่างกายตัวเองเอาเสียเลย

“ข้าไปสังสรรค์ตั้งแต่เมื่อไหร่? ” เสียงเย็นเยือกน่าดึงดูดดังออกมาจากปากประตู

ขณะที่เขาเดินก้าวเข้ามาในห้องนั้น อุณหภูมิของห้องลดลงทันที

“แค่กๆๆๆ ······”

หลานเยาเยาสำลักน้ำลายตัวเองทันที

ให้ตายเถอะ!

นี่มันไม่สามารถพูดลับหลังได้อีกจริงๆ! นี่มันอย่างกับโดนจับได้อย่างไรอย่างนั้น

“ออกไปไหนไม่บอกสักคำ อีกทั้งแถวนี้ก็มีเล้านางโลมมากมาย นอกจากไปที่นั่นแล้ว เจ้าจะไปไหนได้? ”

หลานเยาเยาตั้งใจทำเสียงฮัม ก่อนจะเอามือทาบหน้าผากของจื่อเฟิง เมื่อพบว่าไม่มีไข้ ก็ดึงมือกลับ

การกระทำนั้นมันเตะตาของเย่แจ๋หยิ่งมาก จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ร่างของจื่อเฟิง: “นั่นใครอีกหล่ะ······จื่อเฟิง”

เมื่อเห็นใบหน้าของจื่อเฟิงแล้ว ใบหน้าของเย่แจ๋หยิ่งก็เปลี่ยนไป ดวงตามองลึก

เขาผลุนผลันไปที่ข้างเตียง มองไปที่เขาเงียบๆ ก่อนจะถามขึ้นเรียบ:“อาการน่าเป็นห่วงมากไหม? ”

น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่มือกำแน่นแรงจนเส้นเลือดขึ้นเปลี่ยนเป็นสีดำ

“พ้นขีดอันตรายแล้ว ตอนนี้เพียงคอยดูไม่ให้มีไข้ มีข้าอยู่ ไม่ต้องห่วงไปหรอก”

“อื้ม! ”

หลานเยาเยามอง ในห้องนี้มีชายถึงสามคน คนหนึ่งนอน คนหนึ่งยืน คนหนึ่งนั่ง แต่ก็ล้วนป่วยด้วยกันทุกคน อีกทั้งอาการป่วยก็ไม่ใช่น้อยๆ ด้วย

ช่วงเวลานั้นนางก็รู้สึกทันทีว่านางนั้นเหมือนจะต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว

แต่ค่ารักษา······ก็เอาไม่ได้

ช่างปะไร

คนหนึ่งก็เป็นสามี อีกคนก็คนช่วยชีวิตสามี อีกคนก็ลูกน้องของสามี จะไปเอาเงินอะไรได้หล่ะ?

ทั้งสามเงียบกันอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่หลานเยาเยาจะหันมองสีของฟ้า

ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาไม่น้อย อีกทั้งยังจะถึงเวลาที่นางจำต้องปวดหัวอยู่ทุกวันแล้ว ดังนั้นนางจึงสะบัดฝุ่นที่ไม่เคยมีแล้วลุกขึ้นก่อนจะพูดช้าๆ :

“ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนยาให้พวกเจ้าแล้ว! ”

เดิมทีหลานเยาเยาคิดว่า เย่แจ๋หยิ่งจะทำเหมือนกับหลายๆ วันก่อนที่ผ่านมา ที่พอถึงเวลาทำแผล ก็จะคอยจดคอยจ้องนางราวกับกลัวว่าจะมีใครมาใช้ประโยชน์จากนางอย่างไรอย่างนั้น

เอ๋?

ดีเลย!

มันเป็นเพราะกลัวว่านางจะไปใช้ประโยชน์จากคนอื่น······

แต่ไม่คิดเลยว่า พอทำเปลี่ยนยาให้เขาตามปกติ ทั้งแอบใช้เครื่องสแกนร่างกายเขาเงียบๆ เมื่อพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติแล้วก็ไปเปลี่ยนยาให้แก่หานแสต่อ เขาไม่เพียงแต่ไม่เปลี่ยนสีหน้า แม้แต่สายตาก็ยังมองที่นางเงียบๆ

นั่นทำให้หลานเยาเยารู้สึกแปลกๆ

แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป รอจนกระทั่งรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จ จึงได้คิดว่าจะไปเยี่ยมเขาที่ห้อง

ใครจะรู้······

เมื่อไปถึงห้องแล้วนั้นก็กลับไม่เจอเขาอีกแล้ว

“ไปไหนอีกแล้วหล่ะ? ”

นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว

หลานเยาเยาเดินออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม พบเข้ากับหานแสที่กำลังจะกลับห้อง ก็อดยิ้มไม่ได้ที่จะยิ้มให้เขาอย่างเก้อๆกังๆ

“มาหาเขาอย่างนั้นเหรอ? ” หานแสถามขึ้นเบาๆ

“อื้ม! ”

“เขาเพิ่งจะออกไปหน่ะ เพิ่งจะออกไปได้ไม่นาน เดาว่าคงยังไปได้ไม่ไกล” ดูเหมือนจะรู้ว่านางคิดอะไรอยู่ หานแสจึงพูดออกมาตรงๆ

“เขาหมายจะไปที่ไหน?”เดิมทีไม่อยากที่จะถาม แต่ด้วยเพราะนางมีเรื่องจะคุย ดังนั้นจึงจำต้องถามออกไป

แต่หานแสกลับส่ายหน้า

เห้อ ก็จริง เย่แจ๋หยิ่งทำไมจะต้องมาบอกหานแสด้วยว่าเขาจะไปไหนด้วย?

เดิมอยากจะเลี่ยงหานแสและกลับไปที่ห้องตัวเอง แต่หานแสกลับขวางทางนางเอาไว้นั่นจึงทำให้หลานเยาเยานึกสงสัย อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท