หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 207 อย่างน้อยก็พบส่วนประสมนำร่องตัวยาแล้ว

บทที่ 207 อย่างน้อยก็พบส่วนประสมนำร่องตัวยาแล้ว

บทที่ 207 อย่างน้อยก็พบส่วนประสมนำร่องตัวยาแล้ว

“เห้ย! มัวยืนอึ้งอะไรกันอยู่ รีบไปหาเชือกมาช่วยผู้อาวุโสใหญ่ของพวกเจ้าเร็วเข้า”

“อ่อ ได้ ข้าไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ”

เจี่ยนหมิงตอบกลับมา แล้วรีบไปหาเชือกในทันที

ขณะที่หลานเยาเยาหันไปทางฮัวหยู่อัน กลับต้องตกใจเมื่อพบว่า นางร้องไห้ ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและหมดสิ้นซึ่งความหวัง จากนั้นตัวก็เริ่มสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ

หือ?

สภาพของคนโดนมนต์ดำดูสยองและน่าสะอิดสะเอียนก็จริง แต่ก็ไม่น่าจะทำให้นางหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้ นางนึกคิดไปถึงสิ่งใดกัน?

ไม่มีเวลาที่จะมาคิดว่าในใจของฮัวหยู่อันนั้นนึกถึงสิ่งใดอยู่ เสียงของคนโดนมนต์ดำกำลังใกล้นางมามากขึ้นทุกที ซึ่งในใจของนางนั้นก็มีแต่ความสงสัย

แม้ว่าจะไม่รู้ขีดความสามารถในการต่อสู้ของผู้อาวุโสใหญ่ แต่เมื่อดูจากลีลาการต่อสู้และพละกำลังภายในที่เขาเพิ่งแสดงออกไป ก็ไม่ได้ดูลำบากยากเย็น

แต่เพลานี้กลับดูล่าถอยเสียเหลือเกิน

หึ!

เช่นนี้ก็น่าสนใจน่ะสิ

จะเป็นเพราะว่าคิดว่านางจะกลัวเหมือนกับที่ฮัวหยู่อันกลัว หรือจะเป็นเพราะอยากจะทดสอบนางกันแน่?

จะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ วันนี้จะแสดงให้เขาเห็นเป็นบุญตาสักหน่อย ว่านางไม่ใช่คนที่เขาจะมาแหยมด้วยได้

และแล้ว!

เข็มเงินสองสามเล่มก็ปรากฏขึ้นในมือของนางทันที ยิงเป้าไปยังจุดฝังเข็มของคนโดนมนต์ดำด้วยความเร็วและแม่นยำเป็นอย่างมาก เข็มเงินทิ่มเข้าไปยังคนโดนมนต์ดำ ถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถหยุดเขาได้ในทันที แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด

และแล้วนางก็รีบนำขวดยาออกมา และแยกตัวไปทางคนที่โดนมนต์ดำ

นับตั้งแต่ที่เขาเป็นผีดิบมา แม้แต่จะเป็นผีดิบที่สมบูรณ์เขาก็ยังทำไม่ได้

ในไม่ช้า คนที่โดนมนต์ดำก็ล้มลงไปกองกับพื้น พลางส่งเสียงคำรามต่ำๆที่ไม่น่าฟัง และด้วยเข็มที่ทิ่มแทงเขาอยู่จึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามอำเภอใจ

และช่วงเวลานี้!

ก็ได้เห็นผู้อาวุโสใหญ่หรี่ตาลงอย่างเหี้ยมโหด นำผงสีขาวออกมาซองหนึ่ง เหมือนจะเอาไปโปรยใส่คนโดนมนต์ดำที่นอนอยู่บนพื้น

“เขาถูกควบคุมไว้แล้ว”

แต่มันสายเกินไป ผงในมือของผู้อาวุโสใหญ่หกลงบนร่างของคนโดนมนต์ดำไปเสียแล้ว เสื้อผ้าของคนโดนมนต์ดำเริ่มถูกกัดกร่อน

หลานเยาเยาจิตใจเต้นรัว

*ผงกร่อนร่างผงสลายศพ……

จิตใจที่ยังคงสั่นรัว รีบหยิบขวดยาน้ำสีฟ้าออกมาจากระบบ สาดลงไปที่คนโดนมนต์ดำในบริเวณเดียวกันกับที่โดน*ผงกร่อนร่างผงสลายศพ ใช้เวลาไม่มากนัก ฤทธิ์กัดกร่อนของ*ผงกร่อนร่างผงสลายศพก็ได้เสื่อมลง

หลานเยาเยาหันไปมองผู้อาวุโสใหญ่ ก็ได้เห็นแววตาที่ประหลาดใจในดวงตาของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะเม้มมุมปาก

“ท่านชาย เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้? เหตุใดถึงไม่ให้ข้าสังหารเขาเสียให้สิ้นเพื่อเลี่ยงภัยในอนาคต เจ้าก็รู้ว่าคนที่โดนมนต์ดำเช่นนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง ผู้ใดที่ถูกเขากัดหรือดูดเลือดจักกลายเป็นแบบเขา”

ผู้อาวุโสใหญ่มองมาทางนาง แววตาเต็มไปด้วยความโมโหและครุ่นคิด

“ท่านผู้อาวุโสใหญ่เข้าใจผิดแล้ว การกำจัดพิษร้ายเพื่อยุติภัยอันตรายในอนาคตอย่างแท้จริง หาใช่การสังหารเขาให้สิ้นซากไม่ ควรที่จะหาต้นตอของสิ่งที่ทำให้เขาโดนมนต์ดำนี้ จากนั้นก็ทำลายต้นตอของมันซะ เช่นนั้นก็จะเป็นการกำจัดพิษร้ายเพื่อยุติภัยอันตรายในอนาคตได้อย่างแท้จริง”

อาการของคนผู้นี้ เป็นเช่นเดียวกับอาการหลังจากโดนหนอนพิษกู่จิ้นที่เย่แจ๋หยิ่งเคยพูดถึง ดังนั้นในตอนนี้ คนโดนมนต์ดำคนนี้จึงมีความสำคัญต่อนางเป็นอย่างมาก

เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมให้ผู้ใดมาทำลายเขา

“จริงๆแล้วท่านชายเป็นผู้ใดกันแน่?” ผู้อาวุโสใหญ่หรี่ตาลงอีกครั้ง

“เป็นเพียงแค่หมอที่มีความสำเร็จอันน้อยนิดขอรับ”

จะพูดออกไปก็เกรงว่าเขาจะหวาดกลัว เช่นนั้นไม่พูดจะดีกว่า

และในช่วงเวลานี้!

ฮัวหยู่อันที่ได้สติ ก็ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา จึงรีบมาอยู่ข้างหลานเยาเยาในทันที หลังจากนั้นก็พูดกับผู้อาวุโสใหญ่ว่า:

“พ่อใหญ่ นางเป็นหมอผู้วิเศษ โรคภัยไข้เจ็บทั้งหมดทั้งมวลที่รักษาหายยากก็สามารถหายได้ด้วยน้ำมือของนาง ครั้งหนึ่งข้าเคยเห็นนางทำให้คนตายกลับมามีชีวิต ข้าเชื่อว่านางสามารถใช้คนที่โดนมนต์ดำตามหาต้นตอของมนต์ดำได้อย่างแน่นอน”

หลานเยาเยาจ้องมองด้วยแววตาที่ว่างเปล่า ฮัวหยู่อันกำลังพูดเรื่องไร้สาระด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ

หากนางทำให้คนฟื้นคืนชีพได้ นางก็คงเป็นดั่งเทพเทวดาไปแล้ว

แต่นางก็ไม่ได้ขัดฮัวหยู่อันที่กำลังพูดอยู่ เพราะเพลานี้นางต้องการให้มีคนยกย่องส่งเสริมในตัวนาง

ทันใดนั้น!

เจี่ยนหมิงที่หาเชือกเจอแล้วก็รีบวิ่งกลับมา มองเห็นคนที่เคลื่อนไหวไม่ได้อยู่ที่พื้น หลังจากที่ประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็รีบไปมัดคนคนนั้นในทันที

หลังจากมัดแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืนพลางถามว่า:

“ผู้อาวุโสใหญ่ จะทำเช่นไรกับคนโดนมนต์ดำคนนี้รึขอรับ?”

ผู้อาวุโสใหญ่เหลือบมองหลานเยาเยา จากนั้นเขาก็หันไปทางพวกชาวเผ่าที่กำลังกรูกันมา จึงพูดเสียงต่ำว่า:

“เนื่องจากเพื่อนของฮัวหยู่อันนั้นเป็นหมอผู้วิเศษ เช่นนั้นก็จะให้เขารับมือไปเสีย หากรับมือได้ไม่ดี ข้าก็จะจัดการด้วยตนเอง”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

หลานเยาเยาก็ขำเบาๆ และพูดขึ้นเรียบๆว่า: “เมื่อถึงเวลานั้นคงไม่ต้องลำบากผู้อาวุโสใหญ่หรอกขอรับ ข้าจักจัดการเขาด้วยตัวเองให้เป็นอย่างดี”

หลังจากเหล่าชาวเผ่าซุบซิบกัน เรื่องที่ผู้อาวุโสใหญ่บอกว่าหลานเยาเยาเป็นหมอผู้วิเศษ หลังจากนั้นฮัวหยู่อันก็ดำเนินเรื่องต่อ ท่าทีของทุกๆคนที่มองไปทางหลานเยาเยาก็เปลี่ยนแปลงไปราวฟ้ากับเหว

หมอผู้วิเศษที่สามารถปราบคนโดนมนต์ดำได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังบอกว่าจะช่วยพวกเขาหาต้นตอของมนต์ดำ ช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากภยันตราย

แววตาของพวกเขาไม่มีทางที่จะชื่นชมไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว ขอน้อมคาระวะ

หลังจากผู้อาวุโสใหญ่เดินไป ผู้คนก็ต่างซุบซิบและแยกย้ายกันไป

ในที่สุดเจี่ยนหมิงก็อาสานำคนโดนมนต์ดำที่แสนน่ากลัวใส่กระสอบและเดินแบกไป

เพื่อความปลอดภัย เหล่าผู้อาวุโสก็ขอให้ทุกคนช่วยกันสร้างที่พำนักให้แก่หลานเยาเยา โดยที่พำนักจะห่างจากที่ผู้คนอาศัยอยู่เล็กน้อย แต่ก็ค่อนข้างที่จะกว้างขวาง โดยทั้งหมดมีอยู่สี่ห้อง เพียงสองวันก็สร้างเสร็จแล้ว ผู้คนพากันส่งเครื่องนอนและอาหารมาให้อย่างกระตือรือร้น

เย่แจ๋หยิ่งและหานแสอยู่ในสถานการณ์ที่นางไม่คาดคิด เข้ามาอยู่อาศัยในที่พำนักที่คนอื่นสร้างขึ้นให้กับนาง อีกทั้งยังไม่บอกไม่กล่าว จนกว่านางจะรู้เอง

ตั้งแต่ที่คนโดนมนต์ดำถูกส่งต่อให้หลานเยาเยาจัดการ นางก็ตรวจสอบและค้นคว้าอยู่ทั้งวันทั้งคืน ถึงขั้นที่เกือบจะลืมกินข้าวกินปลา

และในช่วงเวลานี้เอง!

หลานเยาเยาก็มองไปทางเหยื่อผู้โดนมนต์ดำ ที่ถูกมัดติดไว้กับเสา ทันใดนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้

จึงรีบไปเอาเลือดจากร่างของคนโดนมนต์ดำมาใส่ลงในชามทันที จากนั้นก็หยิบกริชออกมา ปาดลงที่นิ้วของตน แล้วก็หยดลงบนเลือดสีดำของคนโดนมนต์ดำ

ในตอนแรกหยดลงไปหยดสองหยด ก็ไม่มีผลใดๆ

แต่หลังจากที่หยดเลือดลงไปมากขึ้น เลือดสีดำของคนโดนมนต์ดำก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลง เริ่มแรกเป็นสีดำ มันค่อยๆกลายเป็นดำคล้ำ สุดท้ายก็กลายเป็นสีแดงเข้ม

“ฮึฮึ……”

นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ปรากฏว่าเลือดชนิดA3สามารถพัฒนาเลือดของคนโดนมนต์ดำได้ ชนิดเลือดของเย่แจ๋หยิ่งนั้นเป็นชนิดเดียวกันกับเลือดของนาง เช่นนั้น เย่แจ๋หยิ่งที่เพิ่งจะเริ่มแสดงอาการ มันก็ต้องมีปฏิสัมพันธ์มากมายกับเลือดในร่างกายของเขา

แต่ว่า……

พื้นฐานที่นางวิเคราะห์ได้ เลือดหนึ่งหยดของคนโดนมนต์ดำ จะต้องใช้เลือดของนางกว่าสิบหยดเพื่อให้มันบริสุทธิ์ขึ้น แต่เช่นนี้ก็ยังไม่สามารถทำให้บริสุทธิ์ไปทั้งหมดได้

อย่างไรก็ตามนี่ก็ถือว่าเป็นข่าวดี

แต่แล้ว!

มือของนางก็ถูกจับด้วยมือที่เย็บเฉียบคู่หนึ่ง เมื่อเหลือบตามองขึ้นไป ก็ไม่นึกว่าจะเป็นหานแส

ในแววตาของเขาดูแปลกไปดั่งกับว่ากำลังย้อนอดีต จากนั้นก็ดูเหมือนกับเป็นคนละคน พลางพึมพำว่า: “ยาถอนพิษคือเลือดของเจ้า……”

เขายังพูดไม่ทันจบ ก็มีลมกระโชกแรงพัดมากวาดเขาไปติดที่ผนังในทันใด แต่เขานั้นหาได้กริ้วโกรธใดๆไม่ ทั้งยังหัวเราะขึ้นมาเบาๆ

“อย่างนี้นี่เอง อย่างนี้เองสินะ……”

อย่างนี้นี่เองอะไรกัน?

หานแสกำลังพูดถึงสิ่งใดอยู่กันแน่?

ในใจของหลานเยาเยามีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด แต่นางก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับหานแสมากนัก และได้หันไปมองทางประตู

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท