หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 208 เราเลิกกันเถอะ

บทที่ 208 เราเลิกกันเถอะ

บทที่ 208 เราเลิกกันเถอะ

เย่แจ๋หยิ่งที่ยืนอยู่ตรงประตูมองดูนางอยู่เงียบๆ จะให้พูดชัดๆก็คือเมื่อเห็นบาดแผลที่นางปาดลงไปด้วยตัวเองก็รู้สึกเศร้าใจ

“ต่อไปนี้หากเจ้ายังกล้าสัมผัสนางอีกละก็ ข้าจะตัดมือเจ้าทิ้งซะ” น้ำเสียงที่เยือกเย็นดั่งน้ำแข็งค่อยๆดังขึ้น

แม้ว่าเขาจะยังคงมองหลานเยาเยาอยู่ แต่กลับพูดให้กับหานแสที่อยู่ตรงกำแพง

“ฮึฮึฮึ……วางใจเถอะ! ข้าหาได้โง่เขลาถึงปานนั้นไม่ และมันก็สายเกินไปแล้วที่จะปกป้องนาง!”

พูดจบ เขาก็จัดเสื้อผ้าของตน จากนั้นก็เดินมาทางหลานเยาเยาอย่างสบายอกสบายใจ นอกจากนั้นเขายังนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง พร้อมสายตาที่จ้องมองไปยังเลือดในชาม ริมฝีปากเผยรอยยิ้มที่แสนคลุมเครือ……

“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าจะไปที่ใด?”

เมื่อเห็นว่าเย่แจ๋หยิ่งหันหลังออกไป หลานเยาเยาที่ไม่ได้สนใจหานแส ก็ตามออกไป “รอข้าก่อน”

นับตั้งแต่วันนั้น หลังจากที่เย่แจ๋หยิ่งอยู่ๆก็พูดคำเหล่านั้นขึ้นมา นางก็ได้เจอเขาน้อยลง แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่ในที่พำนักของนางก็ตาม อีกทั้งหลังจากที่นางรู้ว่าหานแสก็มาอยู่ด้วย จึงได้เรียนรู้จากหานแส

ยังดี ที่ครั้งนี้เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบเลี่ยงนาง

นางตามไปถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ เขาก็ได้ยืนรอนางอยู่ที่นั่นแล้ว

“ข้าหาทางออกได้แล้ว ข้าสามารถรักษาเจ้าได้”

“เจ้าจะใช้เลือดของเจ้างั้นรึ?” น้ำเสียงของเขามีความเย็นชาเล็กน้อย

เมื่อครู่ที่หลานเยาเยาใช้เลือดของนางผสมกับเลือดของคนโดนมนต์ดำแล้วมีการเปลี่ยนแปลง เขาเองก็เดาไว้อยู่แล้ว

“อืม!”

“เลือดของเจ้ารักษาข้าไม่ได้” เขารู้อยู่แล้ว ว่าเลือดของเขาและเลือดของนางมีความพิเศษเหมือนกัน

“ข้ารู้ ต่อให้ข้ามีสิบคนก็ช่วยเจ้าคนเดียวไม่ได้ แต่ชนิดของเลือดข้าก็จะเป็นส่วนประสมนำร่องของตัวยา”

ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ มันสามารถชะลอการแพร่กระจายของพิษร้ายในตัวเขา

ด้วยทิศทางเช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าสามารถพัฒนาเป็นยาถอนพิษได้

“หลังจากนี้ไปห้ามทำร้ายตัวเองแล้วนะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพลานี้ตัวเจ้ามีอันตรายมากเพียงใด?”

“ข้ารู้ แต่ข้าไม่สามารถปล่อยให้เจ้าตายได้ ถึงแม้จะมีเพียงแค่หนึ่งความหวัง ก็มิอาจมีใครมาหยุดยั้งข้าได้”

ถึงแม้ว่ารักษาเขาจนหาย แล้วเขาจะจากนางไป นางก็จะไม่ย่อท้อ เวลาแบบนี้จะไปสนอะไรกับเลือดเพียงน้อยนิด

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดชาวเผ่าหยินไห่ ถึงได้คอยดูแลคนที่หนีข้ามน้ำข้ามทะเลมา? รู้หรือไม่ว่าเหตุใดถึงได้มีคนนำข่าวคราวเรื่องตราราชลัญจกรหยกในราชวงศ์เก่ามาเผยแพร่ที่ชาวเผ่าหยินไห่แห่งนี้?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

หลานเยาเยาก็ประหลาดใจ จากนั้นก็พยักหน้า แต่แล้วก็ส่ายหน้าอีกครั้ง

“มิใช่เพื่อปลดองค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าหรอกรึ?”

“นั่นก็เป็นเพียงส่วนนึง”

กลายเป็นว่า เขารู้จุดประสงค์ในการมายังชาวเผ่าหยินไห่ของนางมาโดยตลอด แต่นางกลับปิดบังเรื่องนี้ไม่ให้เขารู้ ซึ่งเขาก็ไม่ติเตียนนางเลยแม้แต่น้อย

“ยังมีเหตุใดอีกงั้นรึ?”

“นี่เป็นเพียงการบอกใบ้ ว่ามีคนคนหนึ่งกำลังจะกลับมา” เย่แจ๋หยิ่งเงยหน้าขึ้นมองฟ้ากว้าง ไม่รู้เลยว่ากำลังนึกถึงสิ่งใด

“ผู้ใดรึ?” ผู้ใดกำลังจะกลับมากันนะ?

“คนคนหนึ่งที่สามารถปฏิบัติต่อสรรพสัตว์บนโลกเสมือนมดและแมลง ผู้ที่ต้องการจะรวบรวมทั้งแผ่นดินไว้เป็นหนึ่งเดียว”

หลานเยาเยาเบิกตากว้าง

ในสายตาของผู้คน เย่แจ๋หยิ่งนั้นเป็นดั่ง ท่านอ๋อง ผู้ไร้เทียมทานที่ทรงด้วยอำนาจบารมี ทั้งยังได้รับการเคารพนับถือจากผู้คนอย่างล้นหลาม แต่เขาเองก็ยังพูดออกปากมาถึงเพียงนี้ แสดงว่าคนคนนั้นจะต้องเป็นบุคคลอันตรายอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีความทะเยอทะยานอันเหลือล้น ถึงขนาดที่เขาเองก็ยังมองไม่ออก

คนเช่นนั้นจะเป็นคนประเภทใดกันล่ะ?

หากเป็นอย่างที่เย่แจ๋หยิ่งพูดมาละก็ งั้นคนคนนั้นก็น่าจะครอบงำพลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติได้ ควรจะเป็นตัวละครที่ผู้คนต่างรู้จักเป็นอย่างดี แต่เหตุใดนางกลับไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย?

เพียงแต่ เรื่องเหล่านี้มันก็………

“มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องอันใดกับการที่ข้าจะรักษาท่าน”

“การตกเป็นเหยื่อเพราะมีพรสวรรค์ ด้วยเหตุผลนี้เจ้ายังไม่เข้าใจงั้นรึ?”

“เข้าใจ แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับการที่ข้าจะรักษาเจ้านี่ ข้าเพียงต้องการจะรักษาเจ้าก็เท่านั้นเอง” หลานเยาเยาย้ำคำพูดของตนอีกครั้ง

หากเป็นเพราะนางมีทักษะวิชาการรักษาที่เก่งกาจ แล้วคนคนนั้นจะสังหารนางให้สิ้นละก็ เช่นนั้นนางก็หมดคำพูด แต่นางเองก็รู้ว่า เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้หมายถึงเพียงแค่เรื่องนี้

เย่แจ๋หยิ่งเงียบไปพักใหญ่ แต่แล้วก็หันหลังให้นาง หลับตาลง และกระชับกำปั้นเล็กน้อย พร้อมพูดเสียงต่ำว่า:

“เยาเยา เราเลิกกันเถอะ! เช่นนี้จะดีกับข้าและเจ้ามากกว่า”

ในที่สุดเขาก็พูดออกมา

ในที่สุดนางก็ได้ยิน……

นางไม่ใช่คนที่จะวิ่งไล่ตามใคร และนางก็เคยอ่อนแอต่อหน้าเข้าไปแล้วครั้งนึง และคราวนี้นางเลือกที่จะไม่อ่อนแออีกต่อไป

แต่ว่า……

ความรู้สึกของนางนั้นเหมือนจะขาดใจ อาการเจ็บที่เบาบาง บาดแผลที่บางเบา ทำให้สายใยค่อยๆจืดจางด้วยการแยกจากกันของทั้งสองคน

ยังไงซะนางก็ไม่ได้รักเขาหมดทั้งใจอะไรปานนั้น อย่างน้อยเลิกกันไปตอนนี้ก็ไม่ได้เจ็บมากมาย

มิใช่หรอกรึ?

ก็แค่ใจมันยังเจ็บอยู่ก็เท่านั้น……

แม้ว่าน้ำตาในดวงตานั้นจะพรั่งพรูออกมา แต่นางก็จะยังคงฝืนและอดกลั้นมันเอาไว้

หลังจากนั้นก็ก้าวไปด้านหน้า สวมกอดเอวของเย่แจ๋หยิ่งจากด้านหลัง

“ได้ แต่ก่อนอื่น…รอให้ข้ารักษาเจ้าให้หายดีเสียก่อน เช่นนี้ข้าก็จะได้ไม่รู้สึกผิดต่อเจ้า”

“……อืม”

เย่แจ๋หยิ่งมิได้ผลักไสนางแต่อย่างใด ส่วนนางเองก็มองไม่เห็นท่าทีของเย่แจ๋หยิ่ง

หลังจากผ่านไปเนิ่นนานนางก็ปล่อยเขา พลางย้ำว่า “เปลี่ยนผ้าพันแผลให้ตรงเวลาทุกวัน” จากนั้นก็หันหลังกลับไป

เมื่อเย่แจ๋หยิ่งรับปากนางแล้ว เช่นนั้นนางก็ไม่กลัวว่าเขาจะหลบหน้านางอีก

หลังจากที่กลับมาถึงในที่พำนัก ก็ยังเห็นหานแสนั่งอยู่บนเก้าอี้ ซึ่งจ้องมองเลือดในชามด้วยความผ่อนคลาย

หลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าของหลานเยาเยา เขาก็หันมามองนาง เมื่อได้เห็นแววตาของนางเพียงแว๊บเดียว

“ร้องไห้มารึ? จิ๊จิ๊ เป็นคนเลวเสียนี่กระไร! หากเป็นข้า ข้าจะรอวันที่เจ้าไร้ประโยชน์จริงๆซะก่อนแล้วค่อยทิ้งเจ้าไป”

นี่เป็นครั้งแรกที่หลานเยาเยาได้ยินคำพูดที่แสนน่ารำคาญของหานแส ด้วยน้ำเสียงเช่นนี้มันทำให้นางรู้สึกคุ้นเคย

กาลเวลามันพิสูจน์ใจคนจริงๆ!

ท่าทีของหานแสในขณะนี้ เหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรกเสียที่ไหนกัน ทั้งต่ำตมและไร้ความรู้สึกเช่นนี้ น้ำเสียงของเขาในตอนนั้นมีแต่ความอ่อนโยนเสียด้วยซ้ำ

เขาในเพลานี้ทำให้นางสัมผัสได้ถึงความชั่วร้าย เป็นเหมือนพวกวิญญาณร้ายที่เป็นพิษเป็นภัยต่อมนุษย์

ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ในตอนนี้นางเองก็อารมณ์ไม่ค่อยดี

ปัญหาของตัวเองยังจัดการไม่ได้ ก็ไม่อยากจะไปรับมือเรื่องของคนอื่นอีก นางจึงรีบเปลี่ยนเรื่องในทันที

“เจ้าสนใจสิ่งนี้มากเลยรึ?”

นางชี้ไปที่เลือดในชาม พลางมองเขาอย่างสงสัย

“นี่คือเหตุผลที่ข้ามายังที่แห่งนี้ ตั้งใจที่จะมาพบกับอ๋องเย่ แต่ก็ดันมาพบกับเจ้าอย่างไม่คาดคิด แต่อย่างไรก็ตามเจ้ากลับทำให้ข้าประหลาดใจ ซึ่งความประหลาดใจเช่นนี้ก็ทำให้ข้าพอใจยิ่งนัก”

“ตอนนี้เจ้าไม่อยากจะปั้นน้ำเป็นตัวแล้วรึ” หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่เหน็บแนมเขา

“ก็มันไม่ได้มีเรื่องอันใดแล้วนี่ เหตุใดจะต้องทำต่อเล่า? หืม?”

หานแสหยิบถ้วยชาขึ้นมา พลางจิบอย่างสบายใจ

“ฮึ ก็ใช่ งั้นเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ในเมื่อเจ้ารู้ว่านี่คือสิ่งใด ก็บอกข้าถึงต้นตอของมันเสีย ข้าอาจจะหาวิธีแก้ไขได้เร็วยิ่งขึ้น”

มองท่าทีของเขาที่ยังคงผ่อนคลายอยู่ หลานเยาเยาจึงคิดว่าเขานั้นต้องรู้เรื่องมาเยอะมากเป็นแน่ แต่มันก็ไกลเกินกว่าที่นางจะคาดถึง

และในช่วงเวลานี้!

หานแสก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆ และแล้วก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของคนโดนมนต์ดำที่ถูกมัดไว้ หรี่ตาลงเล็กน้อย แต่กลับพูดอย่างลีลาชักช้า:

“มันคือพิษกู่จิ้น โดยถูกเรียกว่าหนอนพิษกู่จิ้นซึ่งก็คือหนอนพิษกู่นั่นเอง (มันเป็นการผสมผสานของพิษจากสรรพสัตว์นานาชนิดที่พัฒนาขึ้นมาใหม่)วิชาการควบคุมพิษกู่กับพิษกู่ เป็นเหตุที่มันสามารถทำให้คนเสียสติเป็นดั่งผีดิบที่บ้าคลั่งเหมือนโดนมนต์ดำ

และที่ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นเหมือนกับโรคระบาด เพียงโดนกัดแค่ครั้งเดียวก็สามารถติดเชื้อได้ หากไม่มีวิถีทางในการถอนพิษ พิษกู่จิ้นนี้ก็จะแพร่กระจายออกไปจนกลายเป็นหายนะอันใหญ่หลวงไปทั่วทั้งแผ่นดิน

“แน่นอนว่ามีคนที่ตั้งใจ………”

หลานเยาเยาใช้กำปั้นเขกหน้าผากของตนเบาๆ ซึ่งเป็นการขัดจังหวะเขาเล็กน้อยด้วยความอดกลั้นไว้ไม่ไหว

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท