หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 214 ผู้อาวุโสใหญ่ถูกจับตัวไป

บทที่ 214 ผู้อาวุโสใหญ่ถูกจับตัวไป

บทที่ 214 ผู้อาวุโสใหญ่ถูกจับตัวไป

เพียงแค่การทรมานเค้นความจริง ให้เขาจัดการจะดีกว่า หลานเยาเยาเป็นเพียงหมอ ถึงแม้บางครานางจะดูดุร้าย แต่เขาไม่มีทางเชื่อว่านางจะทรมานอย่างโหดร้ายถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อได้หรอก

ในเวลานั้นเอง !ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา อีกทั้งเสียงเท้านั้นยังเป็นของคนถึงสองคน จากระยะไกลก็ใกล้เข้ามาแล้วสุดท้ายเสียงก็หยุดลงตรงหน้าห้อง

“ก็อกๆๆ……”

“ผู้อาวุโสใหญ่ ทุกสิ่งได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว จะลงมือกับพวกเขาจริงหรือ? กลุ่มของพวกเขามีสองคนที่มีวิชาวรยุทธ์ชั้นสูง ยากที่จะจัดการได้ ”

ผู้ที่กำลังพูดอยู่คือผู้อาวุโสสาม น้ำเสียงของเขาสามารถรับรู้ได้ถึงความกังวล

ทั้งสองที่ไม่รู้สิ่งใด ยังไม่ทันรอให้ผู้อาวุโสใหญ่ที่อยู่ในห้องตอบกลับ ผู้อาวุโสรองก็กล่าวต่อด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

” กลัวอันใดเล่า เพียงแค่หลอกล่อให้พวกเขาเข้าไปยังหุบเขาจิ้น ต่อให้มีความสามารถเพียงใดก็ตายสถานเดียวมิใช่หรือไงกัน? ”

“ท่านคิดว่าพวกเขาโง่เช่นนั้นหรือ ที่จะหลอกก็หลอกได้อย่างง่ายดาย? ”

ผู้อาวุโสสามคิดว่าเรื่องเช่นนี้ควรจะมีการปรึกษากันสักระยะ ที่จะคิดหาหนทางจัดการได้อย่างสมบูรณ์แบบถึงจะจัดการได้

แต่แล้ว ! ผู้อาวุโสรองกลับยิ้มเยาะออกมา เขารู้สึกว่าผู้อาวุโสสามนั้นขี้ขลาดเกินไป ยามจะทำสิ่งใดก็ต้องรอบคอบอยู่ตลอด พอถึงคราต้องลงมือก็เป็นเขาและผู้อาวุโสใหญ่ที่ต้องลงมือมิใช่หรือไร

” ท่านคงไม่เข้าใจ ! ท่านชายที่มีความสามารถวิชาการรักษากำลังสนใจเรื่องคนโดนมนต์ดำไม่ใช่หรือไร? เราเพียงแอบเผยยาต้นกำเนิดให้เขาสักหนึ่งตัวยา มีหรือที่พวกเขาจะไม่เข้าไปในหุบเขาจิ้น ? ”

แต่หารู้ไม่ว่า……

ผู้อาวุโสสามกลับจ้องผู้อาวุโสรองอย่างหนัก พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีมากนัก

” ท่านโปรดระวังคำพูดจาด้วย ท่านมัวแต่กล่าวอย่างไม่พลั้งปาก ระวังจะเกิดปัญหาใหญ่ ”

หืม ?

มีบางอย่างผิดปกติ !

พวกเขาพูดนานถึงเพียงนี้ ไม่มีเหตุผลใดที่ผู้อาวุโสจะไม่ได้ยิน แต่เหตุใดเขาถึงยังไม่ออกมากัน ?

“ผู้อาวุโสใหญ่?ผู้อาวุโสใหญ่ ?”

ผู้อาวุโสสามตะโกนเรียกอยู่หลายครั้ง ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ คิ้วของเขาจึงยิ่งขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ

” คงจะหลับไปแล้ว ! ” ผู้อาวุโสรองก็เกิดความสงสัยเช่นกัน เลยเคาะประตูอีกครั้ง ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับใดๆ

ทั้งสองจึงเริ่มตงิดใจขึ้นมา สุดท้ายผู้อาวุโสรองก็ใช้เท้าถีบประตูจนเปิดออก พวกเขาเดินเข้าไปอย่างไม่ไตร่ตรองสิ่งใดทั้งสิ้น

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้าไปอยู่กลุ่มควันหนาแน่น

“แคะๆๆๆ……”

“แคะๆๆๆ……”

กลุ่มควันหนาแน่จนทำให้สำลักออกมาอย่างหนัก ทั้งยังสามารถบดบังถึงขนาดที่ยื่นมือออกมาก็มองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ? นี่มันค่ายกลแบบใดกัน? ”

” ไม่ใช่ค่ายกล ถ้าหากเป็นค่ายกลจริง พวกเราคงเกิดอาการหลอนไปนานแล้ว นี่เป็นเพียงควันพิษเท่านั้น”

เมื่อคิดได้ว่าอาจจะเป็นควันพิษ ทั้งสองก็รีบปิดปากและจมูกทันที จากนั้นก็ถอยหลังออกจากห้องไป รอจนกลุ่มควันในห้องจางหายไปจึงได้กลับเข้ามาในห้องอีกครั้งแต่กลับไร้วี่แววของคน

“ผู้อาวุโสใหญ่หล่ะ? ”

“ข้าไม่ทราบ แต่ดูจากท่าแล้วคงจะถูกลักพาตัวไปแล้ว”

ผู้อาวุโสสามเป็นคนมีความคิดรอบคอบ เมื่อมองเห็นเตียงที่ว่างเปล่าก็สามารถคิดเชื่อมโยงถึงกลุ่มควันเมื่อสักครู่นี้ จากนั้นจึงได้ข้อสรุปนี้ในทันที

” จะเป็นผู้ใดกันเล่า?” ผู้อาวุโสรองขมวดคิ้วแน่น เพียงไม่นานก็นึกถึงคนที่ฮัวหยู่อันพากลับมา

” ต้องเป็นพวกเขาแน่”

ผู้อาวุโสสามสายตานิ่งลึกโดยไม่ได้กล่าวสิ่งใด

จนพวกเขาเดินหอบมาถึงห้องของหลานเยาเยา หลานเยาเยาก็กำลังทำการศึกษาคนโดนมนต์ดำอยู่

หลังจากที่รู้ว่ามีคนเข้ามาในห้อง นางก็หันหลังไปยังพวกเขา

” พรบค่ำเช่นนี้ ท่านอาวุโสทั้งสองมีธุระอันใดเล่า? ”

นางแสดงสีหน้าสงสัย ราวกับไม่รู้สาเหตุที่ผู้อาวุโสทั้งสองเข้ามาที่นี่จริงๆ

” ท่านชายก่อนหน้านี้ไม่ได้ออกไปไหนหรือ ? ”

ผู้อาวุโสรองเป็นคนค่อนข้างตรงไปตรงมา พูดจาไม่อ้อมค้อม เพราะยังไงเสียเขาก็มั่นใจว่าผู้อาวุโสใหญ่ถูกนางลักพาตัวไปแน่นอน

” ท้องฟ้ามืดค่ำเช่นนี้ ข้าจะออกไปทำสิ่งใดเล่า? ข้ากำลังคิดว่าจะศึกษาคนโดนมนต์ดำอีกสักระยะ จากนั้นค่อยไปอาบน้ำเข้านอน ! ใครจะรู้ว่าจู่ๆพวกท่านจะเข้ามา ยังดีที่ข้าไม่ใช่สตรี ไม่เช่นนั้นข้าคงจะขวัญหาย ! ”

หลานเยาเยาเองก็เป็นคนที่มากเรื่อง

ในตอนที่พักอยู่ที่จวนแม่ทัพนางก็คุ้นชินกับการพลิกผันสิ่งที่ผิดให้ถูกต้องได้ ดังนั้นตอนนี้นางจึงใช้กลยุทธ์นี้ได้อย่างใจสั่ง นอกจากนี้ยังทำให้ผู้อื่นไม่สามารถจับพิรุธได้อีกด้วย

“เจ้าๆๆ……”

ผู้อาวุโสรองพูด’เจ้า’อยู่นานสองนาน สุดท้ายก็ไร้คำจะกล่าวต่อ

หลานเยาเยาวางอุปกรณ์ในการศึกษาคนโดนมนต์ดำในมือลง แล้วพูดอย่างเอือมระอา

“ข้าจะทำไมเล่า? การศึกษาคนโดนมนต์ดำจนลืมวันลืมคืนก็มีความผิดด้วยหรือ? หากจะให้กล่าวอีกข้าเป็นแขกของพวกท่าน ทั้งข้ายังเป็นหมออัจฉริยะผู้มีชื่อเสียงอีกด้วย พวกท่านไม่สามารถนำเรื่องใดๆทั้งสิ้นมาใส่ร้ายให้เท็จกับหมออัจฉริยะอย่างข้า ! ข้าไม่อยากที่จะเสียชื่อเสียงหมออัจฉริยะของข้า”

” เจ้าเป็นคนช่างพูด ข้าคงจะดวลวาทะกับเจ้าไม่ไหว แต่ว่าเรื่องที่ผู้อาวุโสใหญ่หายตัวไปคงจะเกี่ยวข้องกับพวกเจ้าเป็นแน่ ”

เมื่อเห็นหลานเยาเยานิ่งสงบ ขนาดสีหน้าท่าทางและน้ำเสียงก็จับพิรุธใดๆไม่ได้

น้ำเสียงนั้นของผู้อาวุโสรองดูเกลียดชังจนอยากเข้าไปจัดการหลานเยาเยาสักครั้ง เพื่อระบายความเกลียดชังที่อยู่ในใจ

ได้ยินเช่นนั้น !

หลานเยาเยาก็ทำทีประหลาดใจ

” ผู้อาวุโสหายตัวไปงั้นรึ? เกิดขึ้นเมื่อไหร่กัน? ”

” เจ้าไม่ทราบงั้นรึ? เจ้ากล้าพูดว่าเจ้าไม่ทราบเช่นนั้นหรือ? ”

น้ำเสียงของผู้อาวุโสรองราวกับกำลังกัดฟันพูด เขากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ก่อนจะยกขึ้นไปยังพุ่งฝั่งหลานเยาเยา

เมื่อเห็นเช่นนั้น!

หลานเยาเยาจ้องไปอย่างไม่กระพริบตา นางยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่หลบหนีไปไหน ด้วยความรู้สึกที่แสดงว่าตนนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์

สุดท้ายหมัดของผู้อาวุโสรองก็ไปไม่ถึงนาง เพราะเขาถูกผู้อาวุโสสามที่นิ่งเงียบอยู่ข้างห้ามเอาไว้ก่อน

คราวนี้ผู้อาวุโสรองก็เริ่มร้อนรนเสียแล้ว

” ท่านจะห้ามข้าทำไม? ให้ข้าสั่งสอนเขาเสียหน่อย มีหรือที่เขาจะไม่พูดอะไรออกมา? ”

” ผู้อาวุโสรอง ความใจร้อนของท่านเมื่อใดจะเปลี่ยนกัน? ไร้ซึ่งหลักฐาน จะลงมือก่อนได้อย่างไร ?

” ท่าน ท่านช่วยพูดให้เขางั้นหรือ? ”

ความโกรธที่มีอยู่แล้วของผู้อาวุโสรอง ตอนนี้ความโกรธก็ยิ่งเดือดหนักขึ้นไปอีก แต่แล้วเขาก็กลับถูกผู้อาวุโสสามกล่าวตำหนิอย่างหนัก

“พอเถอะ ท่านไปอยู่ข้างๆสงบอารมณ์เสียก่อน”

ถึงแม้ผู้อาวุโสรองจะรู้สึกไม่พอใจ แต่เขาก็รู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้อาวุโสสามมีความสามารถในการเจรจามากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นผู้อาวุโสสามในยามลงมือนั้นรุนแรงกว่าเขาเสียอีกด้วย

ดังนั้น ! จึงทำได้เพียงอยู่นิ่งๆไม่กล่าวสิ่งใด

จากนั้น ผู้อาวุโสสามก็หันหน้ามาสบตากับหลานเยาเยา ด้วยสีหน้าที่รู้สึกขอโทษ

” ท่านหมออัจฉริยะอย่าได้เคืองไป ผู้อาวุโสรองเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว แต่นี่คงจะโทษเขาไม่ได้ เพราะอยู่ๆผู้อาวุโสใหญ่ก็หายตัวไป เขาเพียงเกิดความกังวลมากเกินไป ”

สักครู่นี้ที่เขายืนนิ่งอยู่ข้างๆโดยไม่กล่าวสิ่งใด ก็เพียงเพื่อดูการตอบโต้ของนาง แต่คาดว่าเขาคงจับพิรุธใดๆไม่ได้ ดังนั้นจึงได้ออกมือห้าม

หึ!

คนประเภทนี้เป็นผู้ที่ไม่น่าไว้ใจมากที่สุด

ยากแก่การรับมือมากกว่าคนที่พูดจาตรงไปตรงมาอย่างผู้อาวุโสรองเป็นหลายเท่า

” ไม่เป็นไร แม้การหายตัวไปของผู้อาวุโสใหญ่จะไม่เกี่ยวข้องกับพวกข้า แต่ยังไงเสียพวกข้าก็เป็นคนนอก พวกท่านจะสงสัยก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา เอาเช่นนี้เถอะ! พวกท่านทำการค้นหาได้เลย ถ้าหากหาเจอผู้อาวุโสใหญ่อยู่ในห้องของข้า เช่นนั้นข้าก็พร้อมจะให้พวกท่านลงโทษ แต่หากหาไม่เจอ ข้าต้องการให้ผู้อาวุโสรองกล่าวขอโทษข้า เช่นนี้เป็นเยี่ยงไร ? ”

หมอให้ความสำคัญอย่างมากกับชื่อเสียง หากตกเป็นผู้ต้องสงสัยชื่อเสียงของพวกเขาก็จะเสื่อมเสียไปด้วย ดังนั้นคำขอของนางก็คงไม่ได้มากเกินไป

ถึงแม้ผู้อาวุโสรองจะคัดค้าน แต่หลังจากที่ถูกผู้อาวุโสสามเหลือบตาใส่ เขาก็นิ่งเงียบ

จากนั้นก็การค้นหาก็เกิดขึ้น ทุกซอกทุกมุมในห้องล้วนถูกค้นหาจนหมด แม้แต่พื้นที่ระยะสิบเมตรด้านนอกห้องก็ถูกค้นหา แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้อาวุโสใหญ่เลย ส่วนหานแสและเย่แจ๋หยิงที่พักอยู่ในห้องอื่น ก็ถูกพวกเขาเข้าไปตรวจค้นจนทั้งสองต้องมารวมตัวอยู่ในห้องของหลานเยาเยา

หลังจากที่หาไม่เจอคน ผู้อาวุโสรองและผู้อาวุโสสามก็เดินตามกันเข้ามาในห้อง โดยที่สีหน้าของผู้อาวุโสรองนั้นดูไม่ดีราวกับไปกินแมลงมาเป็นพันๆตัว

หลังจากที่ถูกผู้อาวุโสสามใช้ข้อศอกสะกิดเตือน เขาถึงได้ระงับอารมณ์โกรธพลางกล่าวขอโทษ

“ขออภัยด้วยที่ข้าเข้าใจท่านชายผิดไป”

“ไม่เป็นไร ผ่านเรื่องนี้แล้วหวังว่าผู้อาวุโสรองจะเข้าใจ ว่าจะจับคนจะต้องมีหลักฐานเสียก่อน ” น้ำเสียงที่เรียบเฉยและสีหน้าที่นิ่งสงบของหลานเยาเยาทำให้ความโกรธของผู้อาวุโสรองแทบจะกระอักอยู่ในใจ

ผู้อาวุโสสามที่เห็นเช่นนั้น ก็รีบพูดแทนผู้อาวุโสรองอยู่หลายประโยค พลางดึงผู้อาวุโสรองเพื่อที่จะออกไป แต่เหมือนกับจะคิดบางอย่างได้ เขาจึงหยุดเท้าแล้วหันหลังกลับมา

จากนั้นจึงหยิบกระดาษสีเหลืองออกมาแล้วส่งให้กับหลานเยาเยา

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท