หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 245 การพบปะครั้งที่ 1

บทที่ 245 การพบปะครั้งที่ 1

บทที่ 245 การพบปะครั้งที่ 1

โอ้ว!

คิดจะซักชื่อเสียงเรียงนามกันเสียแล้ว

ได้! นางจะเรียบเรียงให้อย่างแนบเนียน จะดูเสียหน่อยว่าพระองค์จะตรวจสอบเช่นไร?

“ฟากฟ้าคือพระบิดา ใต้หล้าคือพระมารดา ได้รับการบำรุงจากทุกสิ่งอย่างเข้าด้วยกัน จนเติบใหญ่ขึ้นมา นี่คือสิ่งที่ท่านอาจารย์บอกแก่ข้าไว้ตั้งแต่จำความได้ เขาบอกว่าข้านั้นเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงลิขิต”

เหมือนว่านี่จะหมายถึง นางถูกพ่อแม่ทอดทิ้งให้เป็นเด็กกำพร้าในถิ่นทุรกันดาร แล้วก็มีท่านอาจารย์มาช่วยนางไว้ ถึงได้มีชีวิตอยู่มาจวบจนทุกวันนี้

จึงได้ไม่มีพ่อแม่ และชื่อเสียงเรียงนาม

ตรวจได้ก็ตรวจสิ!

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เบาะแสใดๆ

ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม มันก็เป็นสิ่งที่หลานเยาเยาได้พูดออกไป

ก็นางจะผยองเช่นนี้ ก็นางภูมิใจที่เป็นแบบนี้

แล้วพวกเขาจะทำไม?

แน่ล่ะ!

ว่าสีหน้าของฮ่องเต้จะต้องเผยความลำบากใจ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลายต่างหันมองหน้ากันและกัน

เทพธิดาองค์นี้ รอบคอบจริงเชียว

“เช่นนั้น……ท่านอาจารย์ของเทพธิดาล่ะ?” ฮ่องเต้ยังวางแผนที่จะถามลงรายละเอียด

ในท้ายที่สุด!

หากสามารถหาตัวท่านอาจารย์ของเทพธิดาได้ นั่นก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี ด้วยประการแรกคือสามารถหาตัวช่วยมาได้อีกหนึ่ง

ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่สามารถฝึกฝนคนอย่างเทพธิดาขึ้นมาได้ ยังไงก็ไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่

ประการที่สอง เมื่อถึงเวลาอันสมควร ก็สามารถใช้ท่านอาจารย์ของเทพธิดาในการยื่นเงื่อนไขแก่เทพธิดาได้อีกด้วย

ยังไงเทพธิดาก็โอหังจนเกินไป เขาไม่ถูกใจ และความเกรี้ยวกราดเช่นนี้ก็เหมือนอ๋องเย่มิมีผิด

“เขาสิ้นแล้ว!”

“สิ้นแล้วงั้นรึ?”

“ใช่!” หากยังไม่ตาย จะปั้นน้ำต่อยังไงเล่า?

ฮ่องเต้ไม่สามารถหาเหตุอันใดต่อได้ จึงเปลี่ยนเรื่องคุย จากนั้นก็เข้ากับเฉิงเสี้ยง(อัครมหาเสนาบดี)ได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย จึงได้ฤกษ์ยกเรื่องตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าขึ้นมา

เมื่อพูดถึงเรื่องตราหยกแห่งราชวงศ์เก่า ฮ่องเต้ก็กลุ้มอกกลุ้มใจ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างพากันถอนหายใจ

จากนั้นฮ่องเต้ก็ฝากความหวังไว้ที่หลานเยาเยา เขามีสีหน้าที่ไม่สู้ดี แล้วเอ่ยเสียงต่ำว่า:

“เนื่องด้วยการที่ราชวงศ์เก่าถูกไฟไหม้ เพียงชั่วข้ามคืนก็ทำลายล้างไปหมดสิ้น อีกทั้งตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าก็ไร้ร่องรอยด้วยเช่นกัน

บ้างก็ว่าราชครูแห่งราชวงศ์เก่าเอาไป บ้างก็ว่าเฉิงเสี้ยง(อัครมหาเสนาบดี)เย่นโจกชิงเอาไป

และยังมีคนพูดอีกว่า ตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าได้มอดไหม้ไปพร้อมกับความฉิบหายของราชวงศ์เก่าแล้ว

แต่ข้ารู้สึกว่า สองเรื่องแรกมีความเป็นไปได้มากกว่า ขึ้นครองราชย์บัลลังก์มาก็หลายสิบปี เรื่องตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าเรื่องเดียวนี้ ก็ทำเอากินไม่ได้นอนไม่หลับมาตลอด

มิทราบว่า เทพธิดามีข้อคิดเห็นอันใดเกี่ยวกับตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าบ้างหรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

หลานเยาเยาจึงเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากของนางก็ค่อยๆยกขึ้น

และแล้วในที่สุด ก็ยกเรื่องตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าขึ้นมาได้สักที

ด้วยความพินาศของราชวงศ์เก่า ฮ่องเต้ที่อยู่ด้านหน้าพระองค์นี้ได้ยกขึ้นมาเพียงแค่บทสรุป โบ้ยเรื่องทั้งหมดให้สิ้นไปกับการถูกไฟไหม้

หึ…

ไฟไหม้งั้นรึ?

จะใช่หรือไม่ใช่ไฟไหม้ ก็มีเพียงคนในเหตุการณ์เท่านั้นที่รู้ได้

ส่วนตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าก็คือตราราชลัญจกรหยก ราชสำนักในเพลานี้มิได้มีตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่า ฮ่องเต้พระองค์ก็นี้ไม่ได้มีความเหมาะสมกับตำแหน่งที่ครอบครอง

หากวันหนึ่ง มีคนถือตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่ามา และมีเหตุผลที่เหมาะสม ขู่เขาให้สละราชสมบัติ เขาจักทำเช่นไร?

หลานเยาเยารู้สึกว่า ฮ่องเต้ก็คงเลือกที่จะเข่นฆ่า แล้วช่วงชิงตราหยกมา

แต่เช่นนั้น จะหยุดขี้ปากชาวบ้านได้อย่างไรกัน?

ดังนั้น ก่อนที่เรื่องราวมันจะไปถึงจุดนั้น แน่นอนว่าฮ่องเต้จักต้องหาตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าให้พบเสียก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต

“ไม่ว่าตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าจักอยู่ในมือผู้ใด หรือถูกผู้ใดนำไปก็ตาม หาใช่เรื่องที่ต้องพิจารณาไม่ เพราะว่าเรื่องเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องเก่าทั้งสิ้น

“ในเพลานี้เป้าหมายของฮ่องเต้ คืออยากหาตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าให้พบ ข้าได้ยินมาว่า ช่วงหลายปีมานี้มักจะมีข่าวคราวเรื่องตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าออกมา มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”

ด้วยการถามทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจเช่นนี้

หลานเยาเยาดูเหมือนจะชำนาญการอย่างมาก

เมื่อสามปีก่อน ตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าปรากฏขึ้น เพราะมีคนจงใจปล่อยข่าว สุดท้ายก็พบว่ามีผู้สมรู้ร่วมคิดแผนการร้าย

และสามปีต่อมา นางก็จงใจให้หานแสปล่อยข่าวเรื่องการปรากฏของตราหยกแห่งราชวงศ์เก่า เพราะหนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง

แม้ว่านี่จะเป็นการสมรู้ร่วมคิดที่นางวางแผนไว้อย่างรอบคอบ

แต่ทว่า เมื่อสามปีก่อนตราหยกมิได้ปรากฏขึ้นจริง แต่ในวันนี้ ที่เป็นสามปีหลังจากตอนนั้น เรื่องตราหยกกลับกลายเป็นความจริง

นี่เป็นสามปีให้หลังที่นางได้กลับมาพบอีกครั้ง

หึ!

นางอยากจะรู้ว่า หลังจากวันนี้ไป ราชสำนักจักเป็นเช่นไร?

“ใช่แล้วล่ะ! สามปีก่อนหน้านี้ ข่าวคราวเรื่องการปรากฏของตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าแพร่มาจากทางชนเผ่าชายฝั่ง จากนั้นชายฝั่งชนเผ่าก็โดนสังหารหมู่จนสิ้นราบคาบ ซึ่งแท้จริงแล้วหาได้มีตราหยกอยู่ที่นั่นจริงๆไม่

แต่ในเพลานี้ ตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังอยู่เพียงใต้จมูกของข้า ข้าส่งคนไปเสาะหาทั่วเมืองหลวงอยู่หลายชั่วยาม เสาะหาอย่างขะมักเขม้นแต่ก็ไร้ซึ่งประโยชน์”

ไม่ว่าตราหยกจะเป็นเรื่องจริงหรือหลอก

แต่หากมีคนเผยตนออกมา นั่นก็ชี้ให้เห็นแล้วว่าคนผู้นั้นอาจจะเป็นคนของราชวงศ์เก่า

เพื่อมิให้เขาเป็นฮ่องเต้ได้อย่างราบรื่น เช่นนั้นก็ต้องเล่นกลให้ซับซ้อน ทำให้เขาลุกลี้ลุกลนจนนั่งไม่ติด

ดังนั้น!

เมื่อเขาหาตราหยกไม่พบ เขาก็จะต้องหาตัวคนปล่อยข่าว

“อืม~ หากเป็นเช่นนี้ก็น่าสนใจ นับแต่ข่าวนั้นถูกเผยแพร่ออกมาจากในเมืองหลวง หากมิใช่ว่ามีคนตั้งใจปล่อยข่าวเท็จ

ตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าก็อาจจะปรากฏขึ้นจริงๆ จากที่ข้ามอง เรื่องหลังนี้เหมือนจะมีความเป็นไปได้สูง”

เมื่อคำนี้พูดออกมา!

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ต่างพยักหน้ากันเล็กน้อย ฮ่องเต้มีความยินดีปรีดาขึ้นมาในทันใด จากนั้นก็ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กังวลใจจนนั่งไม่ติด

เทพธิดาบอกว่าเรื่องตราหยกอาจเป็นความจริง

งั้นมันก็ต้องเป็นความจริง!

ทว่า………

จะเป็นคนเช่นไรถึงได้หลบหนีจากการแสวงหาอย่างขะมักเขม้นของเขาไปได้?

“หากเรื่องตราหยกเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นมันจะไปซ่อนอยู่แห่งใดกัน?”

“ฮ่องเต้คงจะไม่ได้ลืมคำคำหนึ่งไปหรอกกระมัง?”

หลานเยาเยาค่อยๆยืนขึ้น กวาดสายตามองเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ สายตาหยุดลงที่ร่างของถังเฉิงเสี้ยงและหลานเฉินมู๋อยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นก็ดึงสายตากลับมา “ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”

“หมายถึงสิ่งใดกัน?”

ฮ่องเต้นั้นเข้าใจทุกตัวอักษร แต่เขากลับไม่เข้าใจสิ่งที่เทพธิดาต้องการจะสื่อ

“ขอประทานอภัย ฮ่องเต้ได้ส่งผู้ใดในการเสาะหาเบาะแสของตราหยกแห่งราชวงศ์เก่า? พวกเขานั้นซื่อสัตย์ในหน้าที่จริงหรือไม่?”

หลานเยาเยารู้

ว่าคนที่ฮ่องเต้ส่งไปในครานี้ ก็น่าจะเป็นคนที่จงรักภักดีต่อเขาอยู่แล้ว นางจึงอยากจะดูว่าฮ่องเต้จะมีปฏิกิริยาเช่นไร

แน่ล่ะ!

เมื่อได้ฟังคำของนาง สีหน้าของฮ่องเต้ก็ไม่สู้ดี สายตาจับจ้องไปที่นาง ด้วยแววตาที่ไม่สามารถตีความได้

แต่หลานเยาเยากลับมองเขาเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ทั้งยังเผยรอยยิ้มเรียบๆที่มุมปาก

ไม่นานนัก ฮ่องเต้ก็คุมสติอารมณ์ พลางพูดเสียงดังอย่างเย็นชา: “แม่ทัพหลาน เฉียนส้าวชิง ท่านทั้งสองได้ละเลยหน้าที่หรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

แม่ทัพหลานเฉินมู๋ ส้าวชิงจากศาลต้าหลี่ ก็รีบคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความกังวลใจ ขอเดชะ พระอาญามิพ้นเกล้า

“ฮ่องเต้ เพื่อการแสวงหาตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าแล้ว ข้าน้อยมิแม้แต่จะกินข้าวกินปลา เอาแต่แสวงหาไปทั่วบ้านทั่วเมืองโดยมิบังอาจเกียจคร้าน ฮ่องเต้โปรดพินิจพิจารณา ข้าน้อยนั้นจงรักภักดีต่อพระองค์!”

หลานเฉินมู๋ที่เหงื่อตก ก็รีบแสดงความจงรักภักดีของตนอย่างไม่รีรอ

หลายชั่วยามมานี้ เพื่อเสาะหาเบาะแสของตราหยกแห่งราชวงศ์เก่า แม้ว่าจะไม่ถึงขนาดไม่กินข้าวกินปลาอย่างที่เขาว่า แต่เขาก็ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่จริงๆ หาได้ละเลยสิ่งใดไม่พระพุทธเจ้าข้า!

“ฮ่องเต้ผู้ทรงบารมี ความจงรักภักดีที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ของข้าน้อย มีแผ่นฟ้าผืนดินเป็นสักขีพยาน เพื่อแสวงหาเบาะแสของตราหยกแห่งราชวงศ์เก่า ข้าน้อยทุ่มเททำงานกันอย่างหนัก แค่ยังค้นหาไม่พบเพียงเท่านั้น หาได้ละเลยหน้าที่การงานดั่งคำกล่าวของเทพธิดาไม่

เทพธิดาเพิ่งจะเข้ามายังเมืองหลวง แน่นอนว่ายังไม่รู้เรื่องราวภายในเมืองหลวง ฮ่องเต้โปรดอย่าได้หลงกลคำให้ร้ายของนาง”

เฉียนตุ้นน้ำตาไหลพราก ขณะที่แสดงความจงรักภักดีของตนอย่างตรงไปตรงมา

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งสองคร่ำครวญออกมาจากใจ ทำเอาเหล่าขุนนางท่านอื่นๆต่างแสดงความเห็นอกเห็นใจกันอย่างสุดซึ้ง

ส่วนเทพธิดา

นางเพิ่งจะเข้ามายังวังหลวง หาได้รู้เรื่องการสืบสวนใดๆของตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าไม่

เช่นนั้น จึงได้คิดผิดถนัดในเรื่องของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน

“นี่…

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท