หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 254 เย่แจ๋หยิ่งจะใช้อุบายชายรูปงาม

บทที่ 254 เย่แจ๋หยิ่งจะใช้อุบายชายรูปงาม

บทที่ 254 เย่แจ๋หยิ่งจะใช้อุบายชายรูปงาม

เห็นท่าทางที่เย่แจ๋หยิ่งกระอักเลือด น่าจะเจ็บปวดมาก ถ้าไม่ได้เป็นโรคที่รักษาไม่ได้ ก็น่าจะไปโดนพิษที่ร้างแรงมาก

จะไม่มีปัญหาได้เช่นไร?

ดังนั้น นางสงสัยว่าระบบจะมีปัญหา……

“ไม่ใช่ว่าเจ้าได้รับผลกระทบจากอุกกาบาต จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายดีหรอกใช่ไหม?”

“เจ้านาย ตอนนี้ข้าแข็งแรงมาก และยังมีการตัดสัญญาณรบกวนอีก ท่านไม่ต้องสงสัย” ระบบมีความโมโหเล็กน้อย

“งั้นเจ้าไปพักผ่อนเถอะ!”

“…….”

ระบบที่เต็มไปด้วยความโกรธ คิดอยากจะระเบิดไปตรงนั้น

……

วันที่สอง

ข่าวเทพธิดาสืบหาตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่ากลับมาได้ ทำให้ทั้งเมืองหลวงตกตะลึงทันที

ไม่ว่าหลานเยาเยาจะตั้งใจให้คนไปแก้ข่าวลือ บอกว่าการหาตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่ากลับมานั้นไม่เกี่ยวข้องกับนางสักนิด แต่นางยิ่งแก้ข่าวลือ ประชาชนก็ยิ่งเชื่อว่าเป็นเพราะการมาถึงของนาง ถึงสามารถตามหาตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่ากลับมาได้

ที่หลานเยาเยาต้องการก็คือผลลัพธ์เช่นนี้

แต่เรื่องเรื่องหนึ่ง มีทั้งดีและร้าย

เมื่อนางมาถึงเมืองหลวง ก็กำจัดราชครูของราชวงศ์เก่าโดยทางอ้อม ก็คือผู้ช่วยคนสำคัญอย่างเฉียนตุ้นของราชครูตอนนี้ ปลุกกระตุ้นให้คนที่ติดตามราชครูเกิดความเกลียดแค้น

ทั้งยังประสบกับการทำเรื่องไม่ดีบางอย่างที่ไม่เคยถูกสังเกตเจอ แต่ก็กลัวโดนจับได้ และยังเป็นบุคคลที่คนที่มีตำแหน่งสำคัญในราชสำนักต้องระแวดระวัง

และเมื่อนางมาถึง เพราะด้วยความมีเสน่ห์แพรวพราวจึงได้รับตำแหน่งสาวงามลำดับที่หนึ่งของราชสำนักไปครองโดยทันที

ทำให้หลายๆคนที่มีทั้งความรู้ความสามารถและหน้าตาดี แต่กลับเป็นเพียงสาวงามที่อยู่ในลำดับที่สิบยี่สิบเกิดความอิจฉาริษยา

เพราะว่า!

หลานเยาเยาเป็นทหารที่มาจากฟ้า

เมื่อมาถึงก็ได้ตำแหน่งสาวงามลำดับที่หนึ่งไปครองแล้ว และไม่ว่าพวกนางจะพยายามเช่นไรก็ไม่สามารถได้ตำแหน่งที่หนึ่งมาได้

นี่จะไม่ทำให้พวกนางอิจฉาได้เช่นไร?

สำหรับเรื่องเหล่านี้ หลานเยาเยามองดูทั้งหมดด้วยรอยยิ้ม

สถานการณ์เช่นนี้ที่นางพบเจอยังน้อยอีกหรือ?

เกือบทุกรอบก่อนที่นางจะทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ทุกครั้ง ก็จะพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้

นี่ก็คือนิสัยของคน

พวกเขาอยากทำอะไรก็ทำ

แน่นอน!

มีคนอิจฉาริษยาเกลียด ก็จะมีคนคิดอยากจะดึงมาเป็นเป็นพวก ประจบ เอาใจ

เฉกเช่นฮ่องเต้

แม้ว่าเรื่องของตราราชลัญจกรหยกจะมีความกระทบกระเทือนต่อเขา ยิ่งกว่านั้นคนที่คิดว่าซื่อสัตย์ภักดีมาตลอด เพียงเวลาชั่วข้ามคืน ก็พบว่าเป็นสาบสืบของคนอื่น

การกระทบกระเทือนเช่นนี้เหมือนเป็นการตีแสกหัวเขา แต่ก็เป็นการตีระฆังเตือนให้แก่เขา

ดังนั้นเขาจึงคิดแผนกับคนที่ซื่อสัตย์กับตัวเอง โดยการตรวจสอบทีละคน ทดสอบความซื่อสัตย์ของพวกเขา

แน่นอน!

คนที่ทำให้เขาหวาดระแวง เขาก็จะคิดวิธีกำจัดทิ้ง

ดังนั้นการดึงเทพธิดามาเป็นพวกจึงกลายเป็นหน้าที่ที่สำคัญอันดับแรกของเขา

ด้วยเหตุนี้!

เขาคิดอยู่หนึ่งคืน ในที่สุดก็คิดวิธีที่ดีที่สุดสำหรับทั้งสองทางได้

แต่วิธีนี้จำเป็นจะต้องมีอ๋องเย่เข้ามาร่วมด้วยถึงจะมีความหมาย ดีที่เมื่อเทพธิดามาถึงเมืองหลวงในวันที่สาม ฮ่องเต้ก็ได้รู้ข่าวว่าอ๋องเย่ได้กลับมาเมืองหลวงแล้ว

ดังนั้น เขาจึงได้จัดงานแข่งขันล่าสัตว์อย่างยิ่งใหญ่เอิกเกริกขึ้นมา และจัดขึ้นในนามการต้อนรับเทพธิดา

ในขณะนั้น หัวข้อสนทนากันของประชาชนในเมืองหลวงก็เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหัวข้อ

พูดว่าการจัดการของฮ่องเต้ครานี้ชั่งฉลาดนัก

และไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด

สนทนาไปสนทนามา พวกประชาชนก็ได้เอาเรื่องของอ๋องเย่และเทพธิดามาพูดเข้าไปด้วยกันแล้ว

ผู้หนึ่งคืออ๋องเย่เทพสงครามที่รบไม่เคยแพ้สู้ไม่เคยถอย!

ผู้หนึ่งคือเทพธิดาแห่งสวรรค์ที่จุติบนโลกเป็นผู้ทำได้ทุกสิ่ง!

การล่าสัตว์ของทั้งคู่ ใครจะแพ้? ใครจะชนะ?

มีบางคนที่มีสมอง ได้กลิ่นโอกาสของการหาเงิน ก็จะคิดเกมการพนันในการล่าสัตว์ครั้งนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ

ผู้เดิมพันที่สุดท้ายเป็นผู้ชนะ ก็จะได้รับเงินค่าพนันเป็นสองเท่า

เมื่อการพนันนี้ออกมา!

อ๋องเย่และเทพธิดาก็กลายเป็นบุคคลที่โด่งดังที่สุดไปทันที พวกเขาเกือบจะได้ที่หนึ่งพร้อมกันในการจัดอันดับการเดิมพัน

อาจจะเป็นอ๋องเย่เทพสงครามที่อยู่ในใจของผู้คน ที่ได้ฝังรากลงลึกเป็นเหตุ

ดังนั้น สุดท้ายแล้วจึงมีคนเดิมพันอ๋องเย่มากกว่าเล็กน้อย

หลังจากที่ฟังจื่อซีรายงานเรื่องนี้ หลานเยาเยาเพียงแค่ยิ้มอ่อนๆออกมา และไม่ได้สนใจ แต่กลับแทะเมล็ดแตงโมอย่างสบายใจ

“คุณหนู ฮ่องเต้จัดงานแข่งขันล่าสัตว์ท่านจะไปหรือไม่ขอรับ?” จื่อซีมีความเป็นห่วงเล็กน้อย

หากว่าคุณหนูไปแล้ว ล่าเหยื่อได้ไม่กี่ตัว ก็จะกระทบต่อภาพลักษณ์เทพธิดาที่ประดุจดั่งเทพเซียนของคุณหนู

“ไป ทำไมจะไม่ไปล่ะ?”

เรื่องดีเช่นนี้ นางไม่ต้องวางแผน ก็มีคนจัดการเตรียมให้นางอย่างดีแล้ว น่าสนุกเช่นนี้ไม่ไปได้เช่นไร?

จวนอ๋องเย่ ตึกเฟิงจิ่ง

ตึกเฟิงจิ่งนี้มีความสูงเท่ากับสี่ชั้น ยืนอยู่ข้างบนนี้สามารถมองเห็นทั้งจวนอ๋องเย่ได้ทั้งหมด

ด้านบนตึกเฟิงจิ่ง บนโต๊ะหิน มีกาน้ำชาที่มีไอร้อนระเหยออกมา กระเป๋าพยาบาลอัตโนมัติวางไว้อยู่ที่นั่นเฉยๆ

และข้างโต๊ะหิน มีเตียงที่ดูวิจิตรตระการตาอยู่หลังหนึ่ง เย่แจ๋หยิ่งเอนกายอยู่บนเตียงที่งดงาม ตาทั้งคู่ปิดลงเล็กน้อย ราวกับว่านอนอยู่ และก็เหมือนกับว่ากำลังงีบหลับ

ทันใดนั้น!

มีเงาดำหนึ่งเหาะลงมา คุกเข่าลงข้างหนึ่งรายงานต่อเขา :

“เจ้านาย นี่เป็นข่าวที่มาจากพระราชวังขอรับ”

หลังจากที่องครักษ์ลับรายงานเสร็จแล้ว ก็เอากระดาษข้อความที่ม้วนอันหนึ่งไว้ยื่นให้

แต่นานแล้วก็ไม่เห็นเจ้านายจะพูดออกมา ดังนั้นเขาจึงได้แต่ก้มหน้าตลอด มือทั้งสองข้างก็ยังคงอยู่ในท่าที่ยื่นกระดาษข้อความให้ ไม่ขยับสักน้อย รอคอยต่อไป

หลังจากครูหนึ่ง!

เหมือนกับว่ามีลมกระโชกผ่าน กระดาษข้อความในมือขององครักษ์ลับก็หายไป

“ไปเรียกเหลียงเฉินมา”

เสียงที่ดึงดูดดังขึ้นอย่างช้าๆ เย่แจ๋หยิ่งยังคงปิดตางีบหลับอยู่ ราวกับว่าคนทั้งคนยังไม่ได้กระดิกตัวมาก่อน แต่มือขวาของเขากลับมีกระดาษข้อความม้วนหนึ่งเพิ่มขึ้นมา

“ขอรับ!”

องครักษ์ลับรับคำสั่งแล้วจากไป

ไม่นาน โม่เหลียงเฉินก็เดินขึ้นมาบนตึกเฟิงจิ่งอย่างไม่เต็มใจ เมื่อมาถึงขึ้นบนสุด ก็เห็นเย่แจ๋หยิ่งใช้กำลังภายในเปลี่ยนกระดาษอักษรในมือให้กลายเป็นผุยผง

จากนั้น มือที่เรียวยาวของเขาก็วางไว้บนที่วางมือบนเตียงที่วิจิตรนั้นแบบตามสบาย นิ้วมือทั้งห้าที่แยกกันเคาะไปที่วางมือเป็นระยะๆ

จากนั้นริมฝีปากบางๆก็เริ่มปริ :

“อุบายสาวงามล้มเหลวแล้ว?”

ประโยคนี้ เหมือนกับว่าเย่แจ๋หยิ่งเพียงพูดออกไปงั้นๆ

แต่ว่า!

โม่เหลียงเฉินรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากทันที

วันนั้นเขาใช้อุบายสาวงามอย่างกล้าหาญกล้าได้กล้าเสีย คิดอยากจะยั่วยวนเทพธิดา

ใครจะรู้……

ยั่วยวนไม่สำเร็จ ข่าวก็สืบมาไม่ได้ กลับยังโดนขู่กลับมาไม่น้อย

ที่เขาไม่ยอมมารายงานอ๋องเย่สักที ก็เพราะจะอายคนไม่ได้

ตอนนี้ ดูท่าแล้วอ๋องเย่ได้รู้เรื่องนานแล้ว ดังนั้นเขาทำได้เพียงจำใจบอกเรื่องราวทั้งหมดออกไปอย่างละเอียด

สุดท้ายยังเพิ่มไปอีกหนึ่งคำ

“ไม่เช่นนั้นท่านออกโรงเอง?”

โม่เหลียงเฉินรู้สึกว่า คงจะมีเพียงเย่แจ๋หยิ่งที่จะสามารถปราบเทพธิดาได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โฉมหน้าของอ๋องเย่ก็งดงามไร้ที่ติ บวกกับรูปร่างที่ทรงพลังดั่งราชาของเขา หญิงผู้ใดเห็นแล้วจะไม่หลง?

แต่ว่า!

เมื่อเขากลับมาคิดอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้

อ๋องเย่อำนาจบารมีกว้างขวาง อิทธิพลมหาศาล อยากจะรู้เรื่องอะไร เขาจะต้องลงมือเองทำไม?

ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้อุบายชายรูปงามไปยั่วยวนผู้หญิงผู้หนึ่ง

เรื่องเช่นนี้ ไม่คุ้มค่าที่เขาจะไปทำ

“เจ้าใช้ชีวิตพอแล้ว?”

เย่แจ๋หยิ่งลืมตาขึ้นทันที ดวงตาที่ดูลึกลับดั่งวังน้ำวน ที่สามารถดูดทุกสิ่งลงไปได้

มือข้างหนึ่งของเขาค้ำศีรษะไว้อย่างสบายๆ เหลือบมองโม่เหลียงเฉินแวบหนึ่ง

ได้ยินดังนั้น!

โม่เหลียงเฉิงก็เย็นวาบที่สันหลังทันที

ก็รู้ว่าจะเป็นเช่นนี้

แต่ว่า คำพูดต่อจากนี้ของเย่แจ๋หยิ่ง เกือบทำให้เขาตะลึงจนขากรรไกรหลุด

“แต่ว่า คำแนะนำของเจ้าก็ใช่ว่าจะใช้ไม่ได้”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไป

โม่เหลียงเฉินก็เบิกตาโพลงทันที มองดูเย่แจ๋หยิ่งอย่างคาดไม่ถึง

พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว?

ท่านอ๋องจะใช้อุบายชายรูปงาม?

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท