หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 260 ลงจากม้าเพื่อรับการตรวจสอบ?

บทที่ 260 ลงจากม้าเพื่อรับการตรวจสอบ?

บทที่ 260 ลงจากม้าเพื่อรับการตรวจสอบ?

หานแสถูกราชครูโจมตีไปอยู่กลางทะเลดอกกระดูกขาว และทุ่งทะเลดอกไม้ล้วนเป็นพิษกู่จิ้นทั้งหมด ในร่างกายของเขาจะต้องมีพิษกู่จิ้นอยู่มากมายเป็นแน่ แต่ตอนนี้เขาก็กลับยังปลอดภัยดี

นั่นก็อธิบายได้ว่า……

หานแสก็ได้รับยาถอนพิษแล้ว

ที่สามารถปรุงยาถอนพิษได้นั้นก็มีเพียงเจ้าลิงน้อยแล้ว

“เช่นนั้นทำไมนางจึงต้องแกล้งตาย? แล้วทำไมถึงไม่กลับมาหาท่าน?”

“นางกลับมาแล้ว?”

“อะ อะไร?”

โม่เหลียงเฉินเบิกตาโพลงทันที

ชั่วขณะหนึ่ง ก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

มองดูท่าทางของเย่แจ๋หยิ่ง คาดเดาว่าน่าจะรู้มานานแล้ว หากว่าไม่มีเรื่องวันนี้ เขาคาดว่าเขาคงยังจะไม่บอกสิ่งเหล่านี้

“เช่นนั้นนางอยู่ที่ไหน? ไม่ถูก……”

ทันใดนั้นโม่เหลียงเฉินก็คิดอะไรขึ้นได้ ก็สังเกตดูเย่แจ๋หยิ่งอย่างละเอียดทันที

“ท่านไม่ได้ลืมนางไปแล้วหรือ? แล้วทำไมถึงได้รู้ว่านางกลับมาแล้ว? หรือจะบอกว่า ท่าจงใจทำให้คนอื่นคิดว่าท่านลืมแล้ว?”

เจ้านี่

หลอกได้แม้กระทั่งเขา

“ไม่ ข้าจำนางไม่ได้แล้วจริงๆ”

คราวนี้ ดวงตาของโม่เหลียงเฉินก็เศร้าไปเล็กน้อย : “เช่นนั้นท่านรู้ได้ยังไงว่านางกลับมาแล้ว?”

“เพราะว่ามุกเย่หมิงเม็ดหนึ่ง!”

เขาได้ตรวจสอบความเป็นมาของมุกเย่หมิงอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว จากนั้นก็มองดูกระเป๋าพยาบาลที่ถือไว้ในมือ แววตาแสดงออกถึงความหมายอันลึกซึ้ง

……

สนามล่าสัตว์

ด้านข้างป่าไม้ล่าสัตว์ มีสนามม้าของราชวงศ์ ม้าในด้านในสนามม้าใช้เพื่อล่าสัตว์โดยเฉพาะ

เพราะเป็นสนามม้าของราชวงศ์ ดังนั้นสิ่งก่อสร้างในสนามม้านี้ก่อสร้างตามความต้องการของราชวงศ์ ใช้เป็นที่พักผ่อนโดยเฉพาะ

มีสนามแข่งม้าขนาดใหญ่ และยังมีองครักษ์ของพระราชวังคุ้มกันแน่นหนา

เพราะเป็นอาณาบริเวณของราชวงศ์ ดังนั้นทุกอย่างต้องเข้มงวดมาก

จะเข้าร่วมการแข่งขันล่าสัตว์ ก็จะต้องเข้าไปในสนามม้า และสนามม้ามีทางเข้าเพียงทางเดียว ตรงทางเข้าก็ต้องต่อแถวตรวจสอบ เพื่อความปลอดภัยขจัดอันตรายที่แฝงมา

เมื่อหลานเยาเยามาถึงด้านนอกของสนามม้าก็มีรถม้ามากมายจอดอยู่ รถม้าส่วนตัวของฮ่องเต้และไทเฮาพวกเขาได้จอดอยู่ตั้งนานแล้ว

ผ่านเข้าทางเข้าสนามม้า มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่มากมายที่พาครอบครัวมาต่อแถวรอ

แต่ว่า!

ที่ทำให้หลานเยาเยาคาดไม่ถึงก็คือ คุณหนูสองสามคนที่กำลังต่อแถวอยู่เป็นผู้นางรู้จักทั้งหมด

คนหนึ่งเป็นบุตรสาวของเฉิงเสี้ยง ถังมู่หวั่นเป็นที่รู้จักในนามของสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง คนหนึ่งคือฉินหลิงเจียวบุตรสาวคนที่สามของสิงปู้ช่างชูที่ได้ทำผลงานชิ้นใหญ่เมื่อไม่กี่วันก่อน ยังมีคนหนึ่งหลินเฟยหรันเป็นหัวแก้วหัวแหวนของไท่ฟู่

พวกนางยังคงสวยงามกินใจเหมือนเมื่อสามปีก่อน แต่ว่า เวลาผ่านไปสามปีแล้ว ดูท่าทางพวกนางกลับเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมามาก

เพราะว่าเฉิงเสี้ยง ไท่ฟู่และสิงปู้ช่างชูล้วนเป็นขุนนางของราชสำนักที่ฮ่องเต้แต่งตั้ง เจอหน้ากันก็ต้องทักทายกันเป็นธรรมดา ดังนั้นคุณหนูที่อายุไล่เลี่ยกันก็ต้องเดินไปรวมกลุ่มกันเป็นธรรมชาติ

แม้ว่าระหว่างฉินหลิงเจียวและหลินเฟยหรันจะโกรธเคืองกันมานาน แต่นี่ไม่ได้มีผลกระทบต่อการเป็นพี่น้องที่ดีกับถังมู่หวั่นของพวกนางเลยสักนิด

สายตาของหลานเยาเยาเพียงแค่กวาดมองจากตัวของพวกนางผ่านไป จากนั้นก็ละสายตาแล้ว

แต่นางก็ไม่ได้ลงจากม้า และก็ได้แต่นั่งอยู่บนม้าตลอด และไม่ได้รีบร้อยจะเข้าไป

ไม่นานนักก็มีคนเห็นนาง

“นี่ เจ้าเป็นคุณหนูบ้านไหน? ยังไม่ลงจากม้าอีก? ทำไมไม่รู้จักมารยาทเช่นนี้ ไม่รู้หรือว่าเข้าไปในสนามม้าของราชวงศ์ต้องต่อแถวตรวจสอบ?”

ที่เห็นนางก่อนเป็นคนแรกก็คือฉินหลิงเจียว

ฉินหลิงเจียวมองดูนางที่ขี่หลังม้าซึ่งห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าสีแดง แล้วก็ไม่ที่ใบหน้าอันงดงามพริ้มเพราของนางอีก ในใจก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที

ได้ยินดังนั้น!

หลานเยาเยาก็มองนางด้วยหางตาแวบหนึ่ง ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย : “ไม่รู้!”

คราวนี้ ฉินหลิงเจียวก็ลำพองใจ นางเย่อหยิ่งจองหองขึ้นมาทันที

“ก็รู้ว่าเจ้าไม่รู้ เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะบอกเรื่องสำคัญนี้แก่เจ้า ที่นี่เป็นสนามม้าของราชวงศ์ อยากจะเข้าไปก็จำเป็นจะต้องได้รับการตรวจสอบ

ดูที่เจ้าขี่ม้าอะไร น่าเกลียดจะตาย ยังเทียบไม่ได้ยังเทียบไม่ได้กับม้าชั้นต่ำด้านในสนามม้าเลย ถ้ารู้ว่าต้องทำเช่นไรก็รีบลงมา ไม่เช่นนั้นข้าจะให้องครักษ์ไล่เจ้าไป”

เพราะว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนท่านพ่อได้ทำผลงานชิ้นใหญ่

นางไปที่ไหนก็จะได้รับยกย่อง?

ตอนนี้นับว่าในบรรดาคุณหนูด้านหน้า นางก็เป็นคนพิเศษระดับที่หนึ่ง

ตอนนี้กลับมีคนหนึ่งที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ พูดจากับนางเช่นนี้

ไม่รู้มารยาทก็ไม่เท่าไหร่ ยังกล้าอวดดีต่อหน้านางเช่นนี้ นางจำต้องสั่งสอนดีๆสักหน่อยอย่างแน่นอน

ทันใดนั้น!

พาหนะของหลานเยาเยาสวนหยู่ ก็ไม่รู้ว่าฟังคำพูดของฉินหลิงเจียวออกหรือไม่ ก็หันไปจามใส่ฉินหลิงเจียวโดยตรง

น้ำลายเหล่านั้นพ่นออกไปเต็มหน้านาง

“อ้าย……”

ฉินหลิงเจียวที่โดนพ่นเข้าให้เต็มหน้าก็ร้องออกมา จนแทบจะทรุด

ถังมู่หวั่นและหลินเฟยหรันได้ยินดังนั้นจึงเดินขึ้นไปด้านหน้า

เรื่องราวเมื่อสักครู่พวกนางได้เห็นอย่างชัดเจน ถังมู่หวั่นรีบให้สาวใช้ข้างกายนางเช็ดหน้าให้ฉินหลิงเจียว และหลินเฟยหรันที่ได้เห็นท่าทางของฉินหลิงเจียวก็กลับรู้สึกสะใจในทันที

สะใจถึงแม้ว่าจะสะใจ แต่นางก็เกลียดผู้หญิงชุดแดงที่จองหองพองขนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เช่นกัน

เพราะว่าหน้าตาของนางที่ชั่งงดงามเกินไป!

และ ยังไม่เข้าใจถึงความหวังดีของผู้อื่น ทั้งยังไม่เห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาอีก

ผู้หญิงที่งดงามเช่นนี้ก็เพียงแค่อยากจะได้รับโปรดปรานจะพวกคุณชายเท่านั้น……

หึ!

รูปโฉมเช่นนี้หากว่าได้เข้าไปในสนามม้า จำต้องทำให้เกิดความตกตะลึงเป็นแน่ นางจะไม่ให้นางเข้าไปเป็นแน่นอน เพื่อหลีกเลี่ยงการที่ตัวเองจะโดนบดบังความสนใจ

“ผู้หญิงเช่นเจ้านี้กล้าดียังไงมาถือดีในสนามม้าของราชวงศ์เช่นนี้ เจ้าก็หรือไม่ว่าฮ่องเต้ก็อยู่ในสนามม้า ไม่ลงม้ามารับการตรวจสอบ ก็เท่ากับว่าเจ้ามีเรื่องชั่วร้ายในใจ คิดอยากทำการที่ไม่ดีต่อฮ่องเต้”

หลินเฟยหรันไม่ได้โง่เหมือนกับฉินหลิงเจียว

คิดว่าตัวเองเป็นบุตรสาวของสิงปู้ช่างชู ก็สามารถที่จะข่มคนอื่นได้

ต่อกรกับคนแบบนี้ นางจะต้องใช้อำนาจของฮ่องเต้มาข่มคนอย่างแน่นอน

ฮ่องเต้เป็นถึงจักรพรรดิของประเทศ ไม่ให้เกียรติฮ่องเต้นั่นก็จะต้องโดนตัดหัว

แม้ว่าจะไม่โดนตัดหัว ก็หนีพ้นการโดนจองจำในคุกยาก ผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปในคุก นั่งยังจะมีวันที่ดีหรือ?

“น่าสนุก ข้าขี่ม้าก็เป็นการกระทำที่ไม่เป็นผลดีต่อฮ่องเต้ เช่นนั้นมือข้าที่ถือมีดสั้นอยู่ ก็เป็นการลอบทำร้ายฮ่องเต้ใช่หรือไม่?”

หลานเยาเยารู้สึกน่าขัน

จากนั้นก็ถือมีดสั้นเล่นในมือ มุมปากยกขึ้นเคลือบด้วยรอยยิ้มที่เย็นยะเยือกเล็กน้อย

นางขี่ม้าที่ยืนอยู่ตรงนี้ดีดี ไปสร้างความวุ่นวายให้ใครหรอ?

มีบางคนที่รู้สึกขวางหูขวางตา ต้องเข้ามาหาเรื่องให้ได้ นางก็จนปัญญา

สามปีแล้ว พวกนางยังไม่เปลี่ยน

ได้สิ!

เช่นนั้นก็ทำให้พวกนางได้เปิดหูเปิดตาสักหน่อย!

“เจ้า…..เจ้ากล้าซ่อนมีดสั้นไว้ ให้คนมา! ให้คนมา! มีคนจะลอบทำร้ายฮ่องเต้ รีบให้คนมา! จับตัวคนที่ต้องการจะลอบทำร้ายฮ่องเต้ผู้นี้เอาไว้”

เดิมทีคนที่ดูอยู่ก็มีเพียงไม่กี่คน เมื่อถูกหลินเฟยหรันร้องตะโกนเช่นนี้ ทุกคนก็มุงกันเข้ามาหมด

สิงปู้ช่างชูได้ยินบุตรสาวของตัวเองร้องตะโกนก็รีบพุ่งเข้ามาในกลุ่มคนทันที ถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม :

“เป็นใครกันที่กล้าลอบสังหารฮ่องเต้? ข้า……เทพธิดา? !”

สิงปู้ช่างชูที่เดิมทีที่สดใสชีวิตชีวาอย่างที่สุด เมื่อได้เห็นใบหน้าที่เย็นชาของหลานเยาเยา ก็ใจหายวูบ รีบร้อนยกมือขึ้นทำความเคารพ

เฉิงเสี้ยงและไท่ฟู่ที่ตามาด้านหลังมาติดๆ หลังจากที่ได้เห็นหลานเยาเยา ก็รีบยกมือขึ้นทำความเคารพทันที : “เทพธิดา!”

เทพธิดาถูกเล่าขานกันดั่งเช่นเทพเซียน

เมื่อมาถึงเมืองหลวง ก็หาตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่ากลับมาได้

แต่ภายนอกเหมือนกับว่าเป็นความดีความชอบของสิงปู้ช่างชู แต่ว่า ผู้ที่มีเล่ห์เหลี่ยมจัดหน่อยใครบ้างจะไม่รู้ เป็นของขวัญในการพบเจอกันที่เทพธิดามอบให้กับฮ่องเต้?

ตอนนี้ฮ่องเต้อยากดึงเทพธิดามายืนอยู่ข้างๆเป็นพวกเดียวกับเขา การแข่งขันล่าสัตว์ในวันนี้ก็จัดเตรียมขึ้นเพื่อเทพธิดา แล้วเทพธิดาจะลอบสังหารฮ่องเต้ได้เช่นไร?

“ว้าว……”

เมื่อทุกคนได้ยินคำว่าเทพธิดาสองคำนั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงอื้ออึงขึ้นทั่ว.

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท