หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 261 แอบกิน

บทที่ 261 แอบกิน

บทที่ 261 แอบกิน

เมื่อทุกคนได้ยินคำว่าเทพธิดา ก็แตกตื่นกันในทันใด

“เทพธิดานั่นเอง! ไม่แปลกใจเลยที่จะสง่าผ่าเผยโดดเด่นเกินบรรยายเช่นนี้”

“สมดั่งคำร่ำลือ ความงดงามที่หาใครเปรียบมิได้ สวยกว่าสาวงามผู้เป็นที่หนึ่งในเมืองหลวงเป็นไหนๆ”

“คุณหนูสามฉินกับคุณหนูใหญ่หลินนี่ใช้ไม่ได้เอาซะเลย เทพธิดากรุณาเสด็จมา มิใช่แค่ไม่หลีกทางให้เท่านั้นนะ ยังทำให้มากเรื่องอีกด้วย ไม่รู้เลยว่าจิตใจทำด้วยสิ่งใดกัน”

“……”

ผู้คนต่างซุบซิบกัน

มีคนจำนวนหนึ่งเฝ้าดูอยู่ด้านข้างมาตลอด แน่นอนว่ารู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง หลังจากที่รู้ว่าเป็นเทพธิดา ก็พูดเรื่องต่างๆนาๆกันออกมาในทันที

เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน

ทำเอาหลินเฟยหรันมึนงงไปชั่วขณะ

ปรากฏว่านางคือเทพธิดา เหตุใดนางถึงได้งี่เง่าถึงเพียงนี้? เหตุใดจึงคิดไม่ถึงกันนะ?

แต่ นางได้ลั่นวาจาออกไปแล้ว งั้นก็ต้องทำมันต่อไป!

“นาง นางคือเทพธิดางั้นรึ? จะเป็นไปได้อย่างไร? เทพธิดาผู้ประทานพรแก่ราษฎร สั่งสมแต่คุณความดีงาม จะใช้ของมีคมเหล่านั้นในมือฆ่าคนได้อย่างไรกัน?”

เมื่อหลินเฟยหรันโพล่งออกไป

“เงียบปาก!” ไท่ฟู่จ้องนางด้วยความกริ้วโกรธในทันที เพลานี้อยากจะตบหน้าหันเสียเหลือเกิน

เทพธิดาเป็นคนแบบไหนกัน?

ช่วงเวลาเพียงสองสามปี ก็เป็นที่เลื่องลือไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะไปยังที่แห่งใด ที่นั้นๆจะเหมือนดั่งพายุที่โหมกระหน่ำเป็นระลอกๆ

หรือว่านี่จะเป็นสิ่งเดียวที่เทพธิดาทำได้?

ไม่มั้ง……

ยังไงก็เป็นไปไม่ได้!

พละกำลังที่นางมีอาจจะเป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง

แต่หลินเฟยหรัน

ไม่นึกเลยว่าจะมาโชคร้าย หรือว่านางจะเอาแต่ใจตัวเองเกินไป?

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้

ไท่ฟู่ก็รีบคารวะพร้อมพูดว่า: “เทพธิดา สาวน้อยยังเยาว์วัยนักไม่รู้เรื่องรู้ราว ขอประทานอภัยด้วยขอรับ หลังจากกลับไปแล้ว ข้าจักตักเตือนอย่างเข้มงวด”

“ก็สมควรจะตักเตือนให้เข้มงวด!”

หลานเยาเยาเล่นกับกริชในมืออย่างไม่แยแส จากนั้นก็ลูบหัวของสวนหยู่อย่างแผ่วเบา เดินมาด้านหน้าของสวนหยู่ ไม่กี่ก้าวก็มาถึงข้างกายหลินเฟยหรัน

เมื่อเห็นว่านางหลบสายตา มีทีท่าเกรงกลัว จึงยกมุมปากขึ้น

จากนั้นไม่ถึงหนึ่งวิ

เมื่อหลานเยาเยาขยับ มีดก็หลุดมือไปในพริบตา

ยังไม่ทันเห็นกริชออกจากฝัก กริชก็หวนคืนกลับไปเสียแล้ว อีกทั้งผมตรงคอของหลินเฟยหรันก็หล่นลงมากองอยู่ที่พื้น………

หลินเฟยหรันที่คิดว่าจะถูกตัดคอ ก็หวาดกลัวจนหน้าซีดเซียว ปากสั่นพับๆๆ ถอยหลังไปได้สองสามก้าว ก็ล้มลงบนพื้น

“พ่อ……พ่อ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากตาย……”

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ บรรยากาศก็เงียบงัน

“หากมีคราวหน้าอีกละก็ ข้าจะไม่ออมมืออีก”

น้ำเสียงอันเรียบนิ่งเอ่ยออกมา ดั่งกับว่าคนที่ลงมือมิใช่นางซะอย่างนั้น รอยยิ้มที่น่าหลงใหลยังคงปรากฏอยู่เรื่อยมา

“โปรดเทพธิดาจงวางใจ ข้าจักตักเตือนนางให้เป็นอย่างดี จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแน่นอนขอรับ” ไท่ฟู่พูดอย่างหนักแน่น

“หึ!”

หลานเยาเยาส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา

กวาดสายตามองผู้คนอย่างไม่ใยดี ทุกคนที่ถูกสายตานางเพ่งเข้า ก็เรียงรายออกไปในทันที

“ฮึ่ย……”

จากนั้นหลานเยาเยาก็ควบสวนหยู่ที่แสนสง่ามุ่งไปด้านในของสนามม้า แม้แต่องครักษ์รักษาพระองค์ที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าสนามม้าต่างก็มิกล้าที่จะหยุดนาง

หลังจากเห็นเทพธิดาเข้าไปแล้ว หลินเฟยหรันก็ดูผ่อนคลายขึ้นมา

เมื่อทุกคนออกไปกันหมด ดวงตาของนางก็หลั่งน้ำตา รีบมองไท่ฟู่ด้วยความรู้สึกผิดอันล้นหลามในทันที: “พ่อ เทพธิดาทำสิ่งใดก็ไม่รู้ ไม่คิดเลยว่านางจะ……”

“เพี๊ยะ……”

ไท่ฟู่ฟาดไปอย่างไร้ความปราณี

“พ่อ ท่านตีข้า พ่อตีข้าเพราะคนนอกคนเดียว” หลินเฟยหรันกุมใบหน้าที่ระอุเป็นฟืนเป็นไฟ พร้อมมองไท่ฟู่อย่างไม่พอใจ

“ข้าตีเพื่อเตือนสติเจ้า ต่อจากนี้ไปอย่าได้ไปยั่วโมโหเทพธิดาอีก มิเช่นนั้น ในวันนี้มันจะไม่ใช่แค่ผมของเจ้าที่ถูกตัด แต่มันอาจจะส่งผลกระทบไปทั้งจวนไท่ฟู่เลยก็ได้”

พูดจบ!

ไท่ฟู่ก็ให้องครักษ์ข้างกายพาหลินเฟยหรันกลับจวนในทันที

ด้านในสนามม้า

เมื่อหลานเยาเยาเข้ามาด้านใน สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องมาที่นาง สุดท้ายแล้วคนที่ขี่ม้าเข้ามาเช่นนี้ นางก็ยังเป็นคนเดียวที่ทำ

ภายใต้การจับจ้องของสายตานับหมื่น นางลงจากม้าด้วยความคล่องแคล่วเรียบเนี้ยบ

องครักษ์ที่ขยิบตาอยู่ด้านข้างรีบมานำม้าออกไปในทันที นางก้าวไปทางฮ่องเต้ที่ประทับอยู่ก่อนแล้ว

“ถวายบังคมฮ่องเต้ ไทเฮา!”

นางเพียงประกบมือคารวะเล็กน้อย

แต่ก็ยังดีกว่าท่าทีของนางในวังหลวงเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่อย่างไรนางก็ยังไม่คุกเข่าให้อยู่ดี

ฮ่องเต้เองก็มิได้ติดใจอันใดกับเรื่องนี้ จึงพระราชทานที่นั่งให้นางนั่งทันที

เพิ่งจะนั่งลง นางก็รู้สึกถึงสายตาที่ดุดันจับจ้องมาที่นาง ทั้งยังมาจากทางฮ่องเต้อีกด้วย

นางรีบเงยหน้าขึ้นไปมอง………

แต่กลับเห็นว่าฮ่องเต้กำลังออกคำสั่งแก่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งอยู่ และไทเฮาด้านข้างพระองค์ ก็กำลังจิบชาอยู่เงียบๆ ส่วนพระสนมสองสามคนนั้น ก็ดูเหมือนจะมิได้มองนางอยู่แต่อย่างใด

น่าแปลก……

หรือว่าจะเข้าใจผิดนะ?

แต่เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง ขณะที่นางไม่ได้ใส่ใจ สายตาที่ดุดันนั้นก็จับจ้องนางอีกครั้ง

คราวนี้ นางไม่ได้หันมองไปทางสายตาที่ดุดันนั้น เพราะนางพอเดาออกว่าเป็นผู้ใด

หึ!

สนุกขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ

ไม่นานนัก องค์ชายหกคนจากเหล่าองค์ชายทั้งเจ็ดของเมืองหลวงก็มาถึง

หลังจากที่พวกเขาถวายบังคมแก่ฮ่องเต้ เย่หลีเฉินก็ได้พาพระราชธิดาจาวหยางมาด้านข้างนาง เขายังไม่ทันได้นั่ง ก็โดนไทเฮาเรียกตัวไป

เหลือเพียงพระราชธิดาจาวหยางที่ยืนด้วยความอึดอัดอยู่คนเดียวข้างๆนาง

นางจะนั่งก็ไม่นั่ง จะยืนก็ไม่ยืน จะเดินก็ไม่เดิน

หลังจากลังเลใจอยู่นาน ก็รวบรวมความกล้าที่จะนั่งลง เดิมทีนางอยากจะทักทาย แต่เมื่อเห็นว่าเทพธิดาไม่ได้มองมาทางนาง นางจึงก้มหน้าก้มตา หยิบขนมบนโต๊ะมากินเล่น

ยังไม่ทันครู่หนึ่ง

นางก็กินขนมหมดไปสามจาน

เนื่องด้วยแต่ละโต๊ะสามารถนั่งได้สองคน และพระราชธิดาจาวหยางก็ได้นั่งร่วมโต๊ะกับนาง

ดังนั้น……

หลานเยาเยา: “……”

โอ้โห!

โหลวเย่วแม่กินเก่งคนนี้ จะเหลือไว้ให้นางหน่อยก็ไม่ได้เลยรึไง?

เพื่อภาพพจน์แล้ว นางจึงยังไม่ได้ชิมขนมเลยสักชิ้น!

หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะนวดขมับ จากนั้นก็ถามโหลวเย่วด้วยสายตา แต่นางก็ยังคงกินต่ออยู่

เมื่อเห็นว่านางมองมา นางก็หยุดกินขนมในทันที หลังจากที่นางละสายตาไป นางก็เริ่มเคี้ยวตุ้ยๆอีกแล้ว

เหมือนหนูตัวน้อยที่ชอบแอบกิน เมื่อมีคนมองนาง นางก็จะไม่ขยับเขยื้อน พอไม่มองนาง นางก็จะเริ่มแอบกินอีกครั้ง

ไม่นานนัก!

เหล่าสาวใช้ก็มาบริการขนมอีกสองสามจาน โหลวเย่วก็เปิดฉากกินต่ออีกแล้ว

หลานเยาเยากำหมัดแน่นในชั่วพริบตา พยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมตนเอง ไม่ให้ได้กลิ่นอันหอมหวานที่โชยมาของขนมเหล่านั้น

นางไม่รู้เลยว่าตัวเองกลืนน้ำลายไปกี่อึกแล้ว

และแล้วก็สุดที่จะทน นางเด้งตัวลุกขึ้นยืน ทำเอาโหลวเย่วตกใจกลัว

“เทพ เทพธิดา?”

“มิมีสิ่งใด เจ้าทานต่อเถอะ!” นางต้องไปสงบสติอารมณ์สักหน่อย

ครู่หนึ่ง!

หลานเยาเยาก็ได้พบกับสถานที่อันเปล่าเปลี่ยวเงียบสงบ โดยมีพุ่มดอกไม้สูงกว่าครึ่งตัวคนกั้นเอาไว้

หลังจากนั่งลง ก็รีบหยิบน่องไก่จากในระบบออกมากิน

ว้าว……

อดใจคันไม้คันมืออยู่ตั้งนาน ในที่สุดก็ได้กินโดยไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์สักที

ทว่า กำลังจะอ้าปาก ยังไม่ทันได้กัดสักคำ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามา: “ดอกไม้แถวนี้สวยจังเลย! รีบมาเก็บกันเร็วเข้า”

ปัดโธ่เอ้ย!

ที่เปลี่ยวถึงเพียงนี้ ยังจะมีคนมาเก็บดอกไม้อีกรึนี่?

ใจของหลานเยาเยารีบกลั้นหายใจในทันที แต่กลับไม่มีที่ใดที่จะปล่อยมันออกมา จึงต้องจำใจหลบไป ก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า

ไม่นานนักนางก็เจอศาลาหลังหนึ่งที่โดยรอบระย้าด้วยผ้าโปร่งแสง เดิมทีคิดว่าปลอดภัยมากพอ ที่จะไม่มีคนเดินผ่านมา

ผู้ใดจะรู้ได้……

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท