หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 307 ขอความสมหวังใต้ต้นปรารถนารัก

บทที่ 307 ขอความสมหวังใต้ต้นปรารถนารัก

บทที่ 307 ขอความสมหวังใต้ต้นปรารถนารัก

ทันใดนั้น!

มัคนายกก็รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เขารีบสูดหายใจเข้าลึก ยังไม่ทันได้ปล่อยออกมา ก็ได้ยินเสียงต่ำที่กดดันของเทพธิดา

“พิธีใกล้จบแล้วใช่หรือไม่?”

เมื่อมัคนายกได้ยินเช่นนั้น จึงยกมุมปาก

แล้วหันกลับมา โดยมือข้างหนึ่งที่อยู่ด้านหน้า ห้อยสร้อยประคำเส้นใหญ่คล้องมืออยู่ เขาโค้งคำนับและพูดว่า:

“อมิตตาพุทธ เทพธิดาโปรดอย่าเพิ่งร้อนใจ ขอประทานอภัยที่อาตมาต้องพูดตามตรง พิธีการเพิ่งจะเริ่ม”

เพิ่ง! จะ! เริ่ม!?

ยังจะมาบอกว่าอย่าเพิ่งร้อนใจงั้นรึ?

เดี๋ยวก็ใส่หน้าให้ซะเลย!

ยืนจนตีนชาหมดแล้ว แต่กลับมาบอกว่าเพิ่งเริ่มเนี่ยนะ?

แกล้งกันรึไง?

หลานเยาเยาแทบจะกระอักเลือดตาย จึงขมวดคิ้ว แล้วมองเขาอย่างไร้อารมณ์

“มีทางออกอย่างไรบ้าง?” ใช้เส้นสายให้จบๆไปไรงี้?

หากยังประกอบพิธีต่อไปละก็ นางกลัวว่านางจะพลั้งทำเรื่องผิดศีลธรรมไปซะก่อน

อย่างเช่น: ทุ่มไอ้กระถางธูปนี่ซะ!

มัคนายกดูเป็นคนจริงจังและเที่ยงธรรม เหมือนว่าจะไม่มีจังหวะที่จะพูดคุยเลยแม้แต่น้อย

หลานเยาเยาจิตใจหมองหม่น

พวกพระหัวโล้นต่างก็เป็นเช่นนี้ พอไม่เข้าใจก็จะเบี่ยงหน้าหนีไม่รับรู้

ดูทรงแล้วคงจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ แม้แต่จะหลับหูหลับตาทำๆไปก็คงจะไม่ทำ

ดังนั้น!

นางจึงถอดใจ ตัดสินใจที่จะหาวิธีอื่น

แต่ใครจะไปรู้……

ว่ามัคนายกจะไอ: “แค่กๆ!” ดึงดูดความสนใจของนาง

หลังนางหันไปมองเขา ตาของเขากระพริบปริบๆๆ

“……”

ตากระตุก?

หลานเยาเยามองเขาที่ทำเรื่องบาปกรรมอยู่เงียบๆ……

เมื่อเห็นว่านางไม่ตอบสนอง มัคนายกก็เหมือนจะรู้ตัวว่าสื่อสารพลาดไป เช่นนั้น จึงเริ่มขยับปากอีกครั้ง

ปากพะงาบๆ ทั้งยังพะงาบแบบน่าเกลียดสุดๆ อย่างกับคนลงแดงยังไงยังงั้น

โชคดีที่ครั้งนี้ หลานเยาเยาเข้าใจแล้ว มุมปากของเขายื่นบอกให้มองไปด้านขวา ตรงนั้นมีประตูหลังอยู่……

พริบตาเดียว!

หลานเยาเยาเผยอมุมปาก แล้วหายวับไปต่อหน้าต่อตามัคนายก

“เห้อ……”

มัคนายกถอนหายใจออกมา!

อั่ยย๊า!

เป็นมัคนายกปีนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ!

อย่างไรก็ตามความน่าเกรงขาม และความซื่อตรงอันเที่ยงธรรมของเขาคงยังไม่เสียหายไปหรอกกระมัง?

แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นเหล่าสาวกที่นั่งอยู่บนอาสนะ แต่ละคนมองเขาอย่างอ้ำอึ้ง

มัคนายกแข็งทื่อ………

——

แทบจะทุกคนที่มาร่วมงานวัด ต่างกำลังคุกเข่าด้วยความเลื่อมใส ณ บันไดที่ทอดยาว เฝ้ารอจนกว่าจะเสร็จสิ้นพิธีของงานวัด

ส่วนหลานเยาเยาที่ชิ่งออกมา ตอนแรกกะว่าจะกลับไปที่เรือนสี่ประสานนอนดีดเครื่องดนตรีเล่นสักหน่อย

แต่!

คิดไปคิดมา

นางก็อยากจะตรวจสอบดูสักหน่อยว่าปีก่อนๆแม่มาทำการใดที่นี่ ว่าจะไปถามมัคนายกของที่นี่ก่อน

แต่ว่า มันเป็นเรื่องตั้งกี่สิบปีมาแล้ว มัคนายกก็เปลี่ยนไปตั้งสอบรอบ คิดว่ามัคนายกคนปัจจุบันคงรู้อะไรไม่มากนัก

หากจะไปถามมัคนายก สู้ไปหาประวัติการบูรณะของวัดจะดีกว่า

จากนั้นก็ไปหาตามช่วงปีที่แม่มาที่นี่ แล้วดูว่ามีเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำคัญๆอะไรบ้างก็สิ้นเรื่อ

หากหาไม่ได้จริงๆละก็ ค่อยไปถามมัคนายกว่าเขารู้เรื่องอะไรบ้างหรือไม่

จากนั้น!

หลานเยาเยาก็มาถึงหอไตรอย่างรวดเร็ว

แต่ หน้าประตูหอไตรมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา คนที่คุ้มกันไม่ใช่พระสงฆ์ในวัดหลวง แต่เป็นองครักษ์ของวังหลวงที่ฮ่องเต้ส่งมารักษาความสงบเรียบร้อย

เหมือนว่าจะเข้าไปดูโจ่งๆไม่ได้แล้วแหล่ะ

“หึ!”

หลังหัวเราะออกมาเบาๆ หลานเยาเยาก็หรี่ตาลง หลบเลี่ยงจากไป

เมื่อเปลี่ยนเส้นทาง นางก็ย่องเบาเลี่ยงการลาดตระเวนขององครักษ์ ลอบมาด้านหลังของหอไตร

เจอหน้าต่างอยู่หลายบานจึงพยายามจะเปิดออก แต่ก็เปิดไม่ได้สักบาน เพราะหน้าต่างมันถูกลงกลอนจากด้านใน

หมดหนทาง

หลานเยาเยาทำได้แต่จำใจเหาะขึ้นไปบนชั้นสอง แล้วพยายามเปิดหน้าต่างอีกครั้ง ซึ่งเหมือนกับชั้นแรกมิผิดเพี้ยน พวกมันต่างถูกลงกลอนจากด้านใน

นางจึงกะว่าจะใช้วิธีที่เฉียบขาดกว่านี้ในการเปิดหน้าต่าง แต่ก็เห็นว่ายังเหลืออีกบานสุดท้ายยังไม่ได้ลองเปิดดู

ก็เลยว่าจะไปลองเปิดดูสักหน่อย

ถ้าเกิดว่าหน้าต่างมันเปิดของมันอยู่แล้วล่ะ?

มันจะไม่เป็นการเสียทั้งเวลาและพลังงานที่ดันไล่เปิดทุกบานมาตั้งนานอย่างนั้นรึ?

ไหนๆก็มาถึงขนาดนี้แล้ว นางก็จะทำอย่างนี้นี่แหล่ะ

แต่สิ่งที่ไม่คิดไม่ฝันก็คือ คราวนี้มันได้ผล

“แอ๊ด……”

เมื่อเสียงอันแผ่วเบาของหน้าต่างที่เปิดออกดังขึ้น คิ้วของหลานเยาเยาก็เผยถึงความสุข

หลังจากเข้ามาแล้ว นางก็เริ่มค้นหาของไปทั่ว

สิ่งที่ทำให้นางเจ็บหัวก็คือ นอกจากของบนชั้นหนังสือจะมีแต่คัมภีร์และคัมภีร์แล้ว มันยังหนา และคละกันไปหมด

มีอยู่ไม่กี่เล่มที่ไม่ใช่คัมภีร์ แต่มันกลับเป็นพวกวิทยายุทธกังฟูทั้งนั้น

ห้ากระบวนท่าการชกต่อยเอย

สิบสามระเบียบการเคลื่อนไหวของสงฆ์

ทานตะวัน………ไม่ๆๆ คัมภีร์ทานตะวัน

สรุป!

ถ้าไม่ใช่คัมภีร์ก็เป็นตำรับตำราวิทยายุทธ รื้อหามาตั้งนาน ไม่เจอบันทึกประวัติศาสตร์ของวัดหลวงสักที

จากนั้นจึงลงมาที่ชั้นหนึ่ง พอมาถึงยังไม่ทันได้เริ่มหา นางก็เห็นป้ายที่แขวนอยู่บนชั้นวางหนังสือแถวแรก

บนนั้นบอกว่า มีคัมภีร์ทั้งหมดแสนเล่มได้เก็บรักษาไว้ที่ชั้นหนึ่งนี้

เมื่อได้เห็นจำนวน หลานเยาเยาก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย แล้วบ่นออกมาเบาๆว่า:

“ตายแล้ว ตายแล้ว ตายแล้ว……”

ขณะที่บ่นออกมา นางก็เหาะขึ้นไปชั้นสามอย่างรวดเร็ว

เป็นอย่างที่คิด!

เมื่อมาถึงชั้นสาม ก็เห็นป้ายที่แขวนไว้บนชั้นหนังสือแถวแรกเช่นเดิม แต่ที่นี่ไม่ได้มีแค่คัมภีร์กับตำราวิทยายุทธเท่านั้น มันยังมีทั้งพงศาวดาร งานประพันธ์ที่น่าสนใจ บทกวี……

และในบรรดาคำเหล่านั้น ก็มีบันทึกประวัติศาสตร์ของวัดหลวงอยู่ด้วย

หลังจากที่หาเจอได้อย่างรวดเร็ว

นางก็แทรกตัวเข้าซอกมุมไปดู

นางอ่านการบูรณะของวัดในช่วงแรกอย่างคร่าวๆ

ก็เจอสิ่งที่ไม่คาดคิด:

เทพธิดาตัวจริงสิ้นไปตั้งหลายร้อยปีแล้ว และยังเคยมาที่วัดแห่งนี้ด้วยเหมือนกัน อีกทั้งยังอุ้มจิ่วเซียวหวงเพ่ยไปให้คำมั่นสัญญาใต้ต้นปรารถนารัก หลังจากนั้นก็หายตัวไปอย่างปริศนา

และในหนังสือที่เขียนคำว่าต้นปรารถนารัก ก็เหมือนจะมีร่องรอยบางอย่าง

ไม่รู้ว่านั่นเป็นรอยเล็บหรือไม่ เพราะเหมือนเป็นการเน้นโดยใช้ความคมจิกไว้ใต้คำว่าต้นปรารถนารัก ถึงได้มีร่องรอยทิ้งไว้

ซึ่งก็ไม่รู้เลยว่าจงใจทำไว้หรือไม่

แต่มันมีแค่หน้าที่เทพธิดาเคยไปยังต้นปรารถนารักหน้าเดียวเท่านั้น ที่มีรอยยับ ตรงที่เขียนว่าต้นปรารถนารักในหน้าอื่นๆ ก็ไม่ได้เป็นรอยแต่อย่างใด

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่

ในที่สุดนางก็เจอปีก่อนที่แม่จะจากไป

เป็นอย่างที่คิด

แม่เคยมาที่นี่จริงๆ แล้วก็ยังอุ้มจิ่วเซียวหวงเพ่ยไปใต้ต้นปรารถนารักด้วย………แล้วก็ให้คำมั่นสัญญา

เอ่อ……

ตอนนั้น แม่ก็แต่งกับหลานเฉินมู๋แล้วนี่ แถมนางยังเกิดมาแล้วด้วย

งั้นแม่จะยังไปให้คำมั่นสัญญาด้วยเหตุอันใด?

เหมือนกับเทพธิดาเมื่อร้อยปีก่อนมิมีผิดเพี้ยน

ประหลาดเกินไปแล้ว………

แล้วการที่อุ้มจิ่วเซียวหวงเพ่ยไปให้คำมั่นขอความสมหวังที่ใต้ต้นปรารถนารักด้วย มันสมเหตุสมผลตรงไหน?

คราวนี้นางก็ตั้งใจอย่างมาก ในการดูที่คำว่าต้นปรารถนารัก แต่กลับไม่พบสิ่งใด

มันน่าสงสัยจริงๆ

แล้วรอยก่อนหน้านี้มันจะมีความหมายอะไรไหมนะ?

หลังจากนั้น!

นางก็มีความคาดเดาที่บ้าบิ่น

เดาว่าตอนนั้นแม่คงรู้อะไรเกี่ยวกับจิ่วเซียวหวงเพ่ย หรือไม่ก็เรื่องยาอายุวัฒนะ

เช่นนั้น จึงได้มาที่แห่งนี้เพื่อหาบันทึกประวัติศาสตร์ของวัด

เช่นเดียวกับนาง แล้วก็เห็นเหมือนกันว่าเทพธิดาเมื่อร้อยปีก่อนได้ไปที่ต้นปรารถนารัก จึงได้ทำตามเทพธิดาโดยการอุ้มกู่ฉินไปใต้ต้นปรารถนารักแบบนาง

ผลที่ได้……

ด้านหลังของหนังสือ ก็บอกว่าแม่ได้หายตัวไปเช่นเดียวกัน

ผ่านไปประมาณหนึ่งเดือน อยู่ๆก็กลับมาที่จวนแม่ทัพ พอผ่านไปได้ไม่นานนักก็สิ้นใจจากไป

“เจ้าเองก็สนใจหนังสือประวัติศาสตร์เล่มนี้เหมือนกันล่ะสิ!”

เสียงที่ดังมาจากไหนก็ไม่รู้

ทำเอาหลานเยาเยาอกสั่นขวัญหาย……

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท