หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 315 การปรากฏตัวของราชครูใหญ่

บทที่ 315 การปรากฏตัวของราชครูใหญ่

บทที่ 315 การปรากฏตัวของราชครูใหญ่

พูดจบก็ตายไปด้วยความรัก

หลานเยาเยาไม่ได้หยุดรั้งไว้อีก และจ้องไปยังฉากตรงหน้าด้วยความงุนงง ความเจ็บปวดในใจเหมือนมีดทิ่มราวกับว่ายามที่ฮ่องเต้ได้ปิดตาลงนั้น ก็ค่อย ๆจางหายไป

จากนั้นนางก็มองเห็นดวงดาวนับหมื่นที่ร่วงตกลงมา ภูเขาทลายแผ่นดินนแตกออก ทั้งผืนแผ่นดินตกอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิง

แต่เดิมคิดว่าภาพลวงตาจะจบลงที่นี่

แต่!

ต่อจากนั้น นางก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงผันผวนของชีวิตบนโลก การเติบโตอย่างต่อเนื่องของต้นบุพเพ เสื้อผ้าของนางเปลี่ยนไปตามความเปลี่ยนแปลงผันผวนนั้นอย่างต่อเนื่อง

ความรู้สึกนั้นราวกับว่า นางเป็นคนที่ผู้ที่รอดชีวิตมาได้ยาวนานมาก เมื่อมองลงไปยังการสลับเปลี่ยนระหว่างกลางวันและกลางคืนบนผืนแผ่นดิน และการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ในไม่ช้า ภาพเหล่านั้นก็หยุดลง

ในคืนข้างแรม……

ผู้หญิงในชุดขาวสวมผ้าคลุมหน้าสีขาว โอบกอดจิ่วเซียวหวงเพ่ย กำลังเข้ามาประจันหน้า

ผู้หญิงที่ไร้ซึ่งลมหายใจอย่างมนุษย์ที่มีชีวิต ได้ดึงดูดความสนใจของหลานเยาเยาในทันที

หลังจากเพียงได้เห็นผู้หญิงในชุดขาวเดินมายังเบื้องหน้าของนาง ผ่านทะลุร่างของนางไป และลอยตรงขึ้นไปบนต้นบุพเพ ท้ายที่สุดก็เหมือนกับนาง พิงกายกับต้นบุพเพ และเริ่มบรรเลงจิ่วเซียวหวงเพ่ย

เสียงของพิณที่นุ่มนวลและหม่นหมองเคล้าอยู่ด้วยกัน

คนที่เดินตามผู้หญิงในชุดขาวอย่างเงียบ ๆ ก็เริ่มฆ่ากันในทันที

เสียงของพิณนี้ที่เกิดขึ้นก่อนภาพลวงตาจะปรากฏออกมา เป็นเสียงที่จิ่วเซียวหวงเพ่ยบรรเลงออกมาเอง

ในขณะนี้ นางดูเหมือนจะเห็นผู้หญิงในชุดขาวยิ้มให้นางอย่างแผ่วเบา

หลานเยาเยาลอยขึ้นไปยังต้นบุพเพด้วยตนเองอย่างช่วยไม่ได้……

หลังจากลอยขึ้นไปยังต้นบุพเพ นางและผู้หญิงในชุดขาวก็เหมือนแม้เหล็กสองอัน ถูกดึงดูดเข้าหากัน และซ้อนทับกัน

“ตึง ตึง ตึง ตึง ……”

เสียงของพิณยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เสียงของการต่อสู้ยังคงดังไม่หยุดหย่อน

ภาพลวงตาได้หายไปแล้ว

เพียงแต่ภาพลวงตาของนางนั้นเกิดขึ้นเพียงไม่นาน ผู้อื่นยังคงดื่มด่ำอยู่กับมันโดยถอดถอนตนเองออกมาไม่ได้

เมื่อคนที่เหลือทั้งหมดต่อสู้กันจนตาแดง หลานเยาเยาหยุดบรรเลง จิ่วเซียวหวงเพ่ยก็หยุดบรรเลงเสียงพิณด้วยตนเองไปด้วย

หลังจากเสียงของพิณหยุดลง

คนที่ยังไม่ตายได้ฟื้นมีสติขึ้นมา พวกเขาจึงได้พบว่า คนที่ฆ่ากันจนตาแดงนั้น ก็ฆ่ากันได้แม้แต่คนของตนเอง

แต่ละคนเต็มไปด้วยสายตาที่หวาดผวา จ้องมองไปยัง เทพธิดาที่ยังคงนั่งอยู่บนต้นบุพเพ

มันช่างน่ากลัวเกินไป!

เดิมที เทพธิดาสามารถใช้เสียงพิณฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอย

เอ่อ……

ล้วนแต่มองมาที่ข้าทำไมกัน

อีกอย่างมันก็ไม่ใช่ภาพลวงตาที่ข้าสร้างขึ้น เรื่องนี้ข้าไม่รับผิดชอบหรอกนะ

ทันใดนั้น

หลานเยาเยาเงยหน้ามองไปยังป่าใบเมเปิ้ล สายตาก็หรี่ลงเล็กน้อย เจตนาของการฆ่าก็ได้หายไป

“ซ้วด ซ้วด ซ้วด……”

มีเพียงไม่กี่คนที่ต่อสู้จนถึงที่สุด ภายใต้ความหวาดกลัวไม่มีวิธีใดจะถอนตนเองออกมาได้ ได้ถูกอาวุธลับของอุปสรรคที่ฝ่าฟันแทงผ่านทะลุหัวใจ จากนั้นก็ล้มลงถึงแก่ชีวิต

“ซา ซา ซา ……”

เงาร่างเหล่านั้นมาพร้อมกับลมหายใจอันหนาวเหน็บ จากนั้นจึงล่องลอยไปยังร่างที่ไร้ชีวิต

ดูเหมือนว่าพวกเขารังเกียจร่างที่ไร้ชีวิตเหล่านี้ ต่างพูดจาดูถูกเหยียดหยามทีละคน

หนึ่งในนั้นยังโบกมือขึ้นโดยตรง ทำการกวาดซากศพออกไปไกล ๆ

เอ๊ะ!

ในที่สุดพวกเขาก็มาแล้ว

หลายวันมานี้ไม่ได้มีความพยายามลงมือลอบสังหารนางอีกต่อไปแล้ว บางทีอาจจะกำลังรอวันนี้สินะ

การสู้รบนัดแรกของพวกเขาเหล่านี้คงมาถึงแล้ว

เดาได้ว่าคนที่อยู่ข้างหลังคงอยู่ไม่ไกลแล้วใช่ไหม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สวมเสื้อคลุมในคืนนั้น เขาจะมาด้วยตัวเองอย่างแน่นอน

เป็นไปดั่งที่คาดไว้!

มีเพียงไม่กี่คนนั้นที่ทำความสะอาดซากศพ จัดการกวาดเก็บสถานที่ ก็เพื่อสำหรับให้คนสำคัญออกโรง

ในไม่ช้า!

ทันใดนั้นความกดดันอันทรงพลังได้กดลงมา ทันใดนั้นหลานเยาเยาก็ถูกกดจนเริ่มหายใจไม่ออก

เดิมทีนางไม่เห็นด้วยซ้ำว่า คนชราผมขาวที่สวมเสื้อคลุมคนนั้นมาจากทิศทางไหน และไม่กะพริบตา

แต่…….

คนชราในชุดคลุมปรากฏตัวต่อหน้าลูกน้องของเขา และจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา

หลายเยาเยาหรี่ตาลงอย่างช่วยไม่ได้!

การบีบบังคับกดดันของเขาแข็งแกร่งมากเกินไป

“เทพธิดา ไม่พบกันนานสบายดีไหม! แฮะ ๆ ๆ……” ความมืดครึ้มน่าสะพรึงกลัวได้ดังขึ้นมา

“เจ้าก็สบายดีไหม ราชครูใหญ่!”

เมื่อพูดคำนี้ออกไป

ราชครูใหญ่ก็สะดุ้งเล็กน้อย ก็หรี่สายตาลงทันที

ไม่นึกเลยว่านางจะรู้จักสถานะของเขา

“เจ้าฉลาดมาก”

“ฉลาดงั้นหรือ ไม่ฉลาดหรอก ข้าโง่จะตายไป เพียงแต่ไม่รู้ว่า ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกเจ้าว่าราชครูราชวงศ์ก่อนหรือ ราชครูเทียนเวิง”

ในราชวงศ์ก่อนหน้านี้

ราชครูราชวงศ์ก่อนชื่อว่าอะไร ในหนังสือไม่ได้มีการบันทึกไว้

แต่!

ในตอนนี้ประเทศก่วงส้า เขาใช้ชื่อว่าโจ้จ้านเทียนเวิง ดังนั้นหลายคนจึงเรียกเขาว่าราชครูเทียนเวิง

เมื่อเสียงของนางพูดออกไป

ก็ได้เห็นราชครูเทียนเวิงที่เดิมทีทำตาหรี่อยู่นั้น ตอนนี้ได้หรี่มากขึ้นกว่าเดิม

ต่อจากนั้น

เขาแอบรวบรวมกำลังภายในขึ้นมาอย่างลับ ๆ และหลังจากลืมตาขึ้นเล็กน้อย กำลังภายในของเขาก็ทำให้เกิดลมแรงพัดเข้าหาหลานเยาเยา

หลานเยาเยารู้มานานแล้วว่าราชครูเทียนเวิงไม่สามารถระงับความหงุดหงิดไว้ได้ ดังนั้นก่อนที่จะมีลมพัดแรง จึงได้กระโดดจากกิ่งไม้ด้านนี้ไปยังกิ่งไม้อีกด้านหนึ่งแล้ว

“ข้าจะบอกให้นะท่านราชครูใหญ่ เจ้าก็แก่จนผมหงอกแล้ว อายุก็มากแล้ว

ยังมีอุปสรรคอะไรที่ยังไม่เคยพบเจออีกหรือ ถึงได้ไม่สามารถรับแรงกระตุ้นเล็กน้อยได้

หากให้เจ้าได้สมดั่งฝันและได้รับยาสำหรับชะลอวัย ไม่อย่างนั้นก็คงจะเอาแผ่นดินทั้งแผ่นดินเก็บใส่กระเป๋าใช่ไหม

จากนั้นใครกล้าที่จะอยู่เหนือเจ้า เจ้าก็จะฆ่าคนนั้น”

แม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของราชครูเทียนเวิงจะไม่สามารถจะคาดเดาได้ แต่นางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ อย่างไรก็ตามคนเราก็ย่อมมีจุดอ่อน

และนางก็รู้ถึงจุดอ่อนของเขา——กลัวตาย

ใช่แล้ว ก็แค่กลัวตาย

บ่อยครั้งที่เป็นเช่นนี้ คนที่ยิ่งยืนอยู่ที่สูง ก็จะกำลังก็จะมาก อำนาจยิ่งใหญ่เท่าไรกลัวที่สุดก็คือความตาย

นอกจากนี้!

ราชครูเทียนเวิงยังมีชีวิตอยู่ตั้งแต่ราชวงศ์ก่อนถึงปัจจุบัน บวกกับบันทึกในหนังสือ เขาต้องมีอายุอย่างน้อยเก้าสิบกว่าปี

สำหรับชีวิตที่ยืนยาวเช่นนี้ของเขา

ก็ไม่มีทางหนีชะตากรรมในยามชราไปได้อย่างแน่นอน

ไม่เช่นนั้นทำไมเขาจึงไม่เอาแผ่นดินทั้งแผ่นดินเข้าตัวเองก่อน และใช้พละกำลังทั้งชีวิตในการตามหา สิ่งที่อาจจะไม่มีอยู่เลยอย่างยาแห่งความหนุ่มสาว

จากมุมมองของพวกเขา

นางเป็นเพียงผู้เดียวที่มีแนวโน้มว่าจะค้นพบยาแห่งความหนุ่มสาว

ดังนั้น!

นางไม่สามารถตายได้

อีกทั้งยังสำคัญมากด้วย

แม้ว่าจะไม่สามารถตายได้ แต่มีบางคนที่ต้องการควบคุมนาง จึงคิดบีบบังคับให้นางอยู่ในความเชื่อฟัง จึงจะต้องคิดหาวิธีการทรมานต่างๆอย่างแน่นอน

ดังนั้น!

นางไม่สามารถจะให้คนอื่นทำตามอำเภอใจได้

เนื่องจากไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา อย่างนั้นไม่ต้องลงมือดีกว่า ไม่จำเป็นต้องทารุณใช่ไหม

เป็นอย่างที่คิด!

หลังจากได้ยินคำพูดของเขา

ราชครูเทียนเวิงไม่ได้โจมตีนางอีก แต่กลับจ้องมองไปยังตัวนาง สำรวจอยู่เป็นเวลานาน

ท้ายที่สุด

พูดอย่างน่าขนลุก “สมกับที่เป็นเทพธิดา เจ้ารู้ความลับของพิณกู่ฉินจื่อหลิง จริงๆ บอกความลับออกมา ข้าก็อาจไว้ชีวิตเจ้าได้”

น้ำเสียงที่แก่ชรา ราวกับออกมาจากนรก กำลังร้องเรียกความตายอยู่ตลอดเวลา

“ความลับก็ส่วนความลับ แต่ข้าก็ไม่รู้ว่ายาแห่งความหนุ่มสาวอยู่ที่ใด

เจ้าก็ควรจะรู้ไว้ด้วย ข้าเพิ่งจะมาที่นี่ ยังไม่ทันจะพบสาเหตุอะไร และแล้วฝ่ายนักฆ่าก็มา จากนั้นพวกท่านก็มา”

นี่เป็นคำพูดที่สมเหตุสมผล

อีกทั้งหลานเยาเยากล้าที่จะแน่ใจ ราชครูเทียนเวิงต้องคอยแอบสังเกตอยู่นานแล้ว

ดังนั้น!

คำพูดที่นางพูดไปตอนนี้ เขาคงจะไม่สงสัยเป็นแน่

“อย่างนั้นก็คงต้องรบกวนเทพธิดาช่วยตรวจสอบเดี๋ยวนี้”

ปากกล่าวว่าขอรบกวน

แต่น้ำเสียงที่ออกมาล้วนแต่เป็นวาจาออกคำสั่งทั้งสิ้น

ราวกับว่านางเป็นนักโทษของเขาอยู่แล้ว และนางจำเป็นจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขา

ฮึ!

นางไม่มีทางยอมให้ใครมาจูงจมูก

“ตกลง!”

พูดจบ หลานเยาเยาก็ทำการค้นหา ทั้งด้านบนและล่างของต้นบุพเพอยู่เป็นเวลานาน แน่นอนในระหว่างนั้นก็ได้ทำอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครรู้เห็น

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน