หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 318 ไม่เป็นไร กอดข้าไว้แน่น ๆ

บทที่ 318 ไม่เป็นไร กอดข้าไว้แน่น ๆ

บทที่ 318 ไม่เป็นไร กอดข้าไว้แน่น ๆ

เมื่อได้ยินเสียงที่เป็นกังวลของเขา ในใจของหลานเยาเยา ก็เกิดความรู้สึกสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเสียแล้ว

หลานเยาเยาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร จึงทำเพียงเอ่ยพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า:

“ เย่แจ๋หยิ่ง อันที่จริงแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ก็ได้”

เขารู้อยู่เต็มอกว่านางคือหลานเยาเยา แต่กลับไม่เปิดโปงนาง

เป็นเพราะความรู้สึกผิดในใจอย่างนั้นหรือ?

หรือเป็นเพราะมีแผนการร้ายอื่น?

แต่ถ้ามีแผนการอย่างอื่นจริงๆ ทำไมเขาถึงต้องตามเข้ามาล่ะ? เข้ามาในนี้จะอยู่รอด หรือตกตายล้วนไม่สามารถคาดเดาได้แม้แต่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้น ในสถานการณ์ที่วิกฤตอันตรายอย่างใหญ่หลวง จำเป็นต้องตัดสินใจในชั่วพริบตาอย่างนั้น ขอเพียงหยุดคิดไปเพียงแค่เสี้ยววินาทีล่ะก็ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ามาได้ทัน

แต่ทว่า……

เมื่อย้อนนึกถึง ที่บนยอดหน้าผาของหุบเขาต้องห้ามนั่น ดวงตาที่เย็นชาราวจะทิ่มแทงของเขา ….

กับทุกคำพูดทิ่มแทงหัวใจที่เอ่ยออกมาทีละถ้อยทีละคำนั้น…..

ยังมีอีกหนึ่งกระบี่ ที่แทงลึกเข้าที่ช่วงท้องของนางนั่นอีก …..

นางคอยกระตุ้นย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลา แม้กระทั่งในฝันร้าย นางก็ยังฝืนใจกัดฟันทำลายความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในหัวใจ ให้มันแหลกสลายอยู่เสมอ มันทำให้นางไม่กล้าลืมเลือนบทเรียนราคาแพงเหล่านี้แม้แต่วินาทีเดียว

สามปีแล้ว!

เป็นเวลาสามปีเต็มๆแล้ว …

หัวใจที่ถูกนางแช่แข็งไปเมื่อนานมาแล้ว กลับต้องสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเขามาปรากฏตัว

เฮอะ!

ช่างน่าขันเสียนี่กระไร!

ดังนั้นนางจึงบอกตัวเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นภาพลวงตา

ว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนมีเป้าหมายบางอย่าง

ว่าสิ่งเหล่านี้คือกลวิธีไร้ยางอายของพวกเขา เป็นสิ่งที่พวกเขาทำได้ทุกอย่าง โดยไม่เลือกวิธี เพื่อให้ตนเองบรรลุเป้าหมาย ….

แต่ทว่าในตอนนี้

ในช่วงเวลาวิกฤติ เย่แจ๋หยิ่งไม่กลัวอันตรายหากว่าราชครูเทียนเวิงมาพบเข้า กลับปรากฏตัวออกมาเพื่อปกป้องนาง

และในตอนนี้ เขากลับยอมตกลงมา ในสถานที่ที่เหมือนหุบเหวไร้ก้นบึ้งแห่งนี้พร้อมๆกับนาง

ราชครูเทียนเวิงเป็นอาจารย์ของเย่แจ๋หยิ่ง จากบนยอดหน้าผาของหุบเขาต้องห้าม นางสามารถเห็นได้ว่า เย่แจ๋หยิ่งเชื่อฟังยึดถือคำพูดของอาจารย์เขาเป็นสิ่งสำคัญ เทียบเท่ากับชีวิตเลยทีเดียว

ดังนั้น ……

มันก็แค่ละครแหกตาทั้งเพ!

จะต้องมีแผนการร้ายอะไรบางอย่างแน่นอน

ทั้งหมดเพียงเพราะอยากจะช่วยให้ราชครูเทียนเวิง ได้รับยาอมฤตที่ทำให้เยาว์วัย ไม่แก่ชราก็เท่านั้นแหล่ะ

แต่ว่า

ทำไม?

นางไม่อาจแยกแยะสิ่งใดในตัวเขาได้อีกต่อไปแล้ว ว่าอะไรเป็นความจริงหรืออะไรที่มันเท็จ

“ ข้าเพียงทำตามหัวใจของตัวเองก็เท่านั้น”

เสียงทื่อด้านชาคล้ายแม่เหล็กดังขึ้นที่ข้างหู

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น!

หลานเยาเยาผงะไปเล็กน้อย

นางเงยหน้าขึ้นทันที แต่น่าเสียดายที่สถานที่แห่งนี้ มืดมิดเสียจนกระทั่งยืดนิ้วทั้งห้าออกไปก็ยังมองไม่เห็นด้วยซ้ำ นางจึงมองไม่เห็นว่าสีหน้าเย่แจ๋หยิ่งในยามนี้เป็นเช่นไร

“ แคว่ก … ”

เสียงที่ฟังดูเหมือนเสียงเสื้อผ้าโดนอะไรบางอย่างแทงทะลุขาดดังขึ้น

ถัดจากนั้น นางพลันได้กลิ่นคาวเลือดฉุนจนเตะจมูกลอยมา

“ เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?” เมื่อครู่นี้ จะต้องถูกอะไรบางอย่างแทงจนได้รับบาดเจ็บแน่

“ไม่เป็นไร กอดข้าไว้แน่น ๆ ”

ขณะที่พูดไป โดยไม่รอให้หลานเยาเยากอดเขา เขาก็กอดนางเอาไว้จนแน่นอีกครั้ง

“รีบบอกข้ามาว่า บาดเจ็บที่ตรง … ”

นางยังเอ่ยคำพูดไม่ทันจบ จู่ๆร่างก็หมุนไปตลบหนึ่ง เย่แจ๋หยิ่งพลันใช้มือกดศีรษะของนางเข้าไปในอ้อมแขนของเขาทันที จากนั้นจึงใช้แขนปกป้องนาง

ในไม่ช้านางก็ได้ยินเสียงอื้ออึงบางอย่างดังมาเข้าหู อีกทั้งกลิ่นเลือดก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ทันใดนั้นเอง!

“ แปะ……”

ของเหลวอุ่น ๆ หยดหนึ่งหยดลงบนใบหน้าของนาง

กลิ่นของของเหลวที่ส่งมา ทำให้นางคุ้นเคยเป็นพิเศษ ไม่จำเป็นต้องเดา นางก็รู้แล้วว่ามันคือเลือด และเป็นเลือดที่เย่แจ๋หยิ่งหลั่งออกมาเพื่อปกป้องนาง

“ เย่แจ๋หยิ่ง เจ้า….. เอ๊ะ … ”

นางอยากรู้ว่าเย่แจ๋หยิ่งได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด แต่ก่อนที่นางจะทันพูดจบ นางก็ชนกระแทกเข้ากับบางสิ่ง

แรงชนกระแทกอันหนักหน่วงนั้น ทำให้อวัยวะภายในตันทั้งห้า อวัยวะกลวงทั้งหกของนางกระเทือนจากตำแหน่ง แรงชนยังส่งผลให้นางถึงกับหมดสติไปทั้งอย่างนั้นอีกด้วย

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด

หลานเยาเยาค่อยฟื้นคืนสติอย่างช้าๆ ในช่วงเวลาที่ฟื้นคืนสตินั้น ความหนาวสั่นอันท่วมท้นก็แล่นปราดไปทั่วร่างกาย

หนาว······

มันหนาวเหลือเกินแล้วจริงๆ

หนาวมากจนถึงขั้นที่นางไม่รู้สึกถึงแขนขาทั้งสี่ของตัวเองด้วยซ้ำ

เย่แจ๋หยิ่ง …

ทันทีที่คิดได้ว่าเย่แจ๋หยิ่งได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งในขณะที่ถูกแรงโจมตีนั้น เย่แจ๋หยิ่งก็คอยปกป้องนางไว้ในอ้อมแขนของเขาตลอดเวลา

นางที่ไม่ได้รับบาดเจ็บถูกชนเข้าไป ยังถึงกับทำให้สลบได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเย่แจ๋หยิ่งที่ปกป้องนางเลยจะดีกว่า

ตอนนี้ต้องมาอยู่ในสถานที่ที่หนาวเย็นขนาดนี้ คนที่ได้รับบาดเจ็บเช่นเขา ไม่มีทางอยู่รอดปลอดภัยไร้เรื่องราวเป็นแน่

ในความเป็นจริง!

ที่นี่หนาวถึงขนาดนี้ เลือดที่ไหลออกมาจากตัวเขาน่าจะต้องถูกแช่แข็งเป็นแน่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขาเลย

เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าอย่าเป็นอะไรไปเด็ดขาดนะ!

นางลืมตาอย่างยากลำบากเท่าที่จะทำได้ แต่เปลือกตาของนางหนักราวมีน้ำหนักสักพันชั่ง หนักเกินกว่าจะเปิดได้ไหว

อีกทั้งร่างกายก็เหมือนถูกรถทับอย่างไรอย่างนั้น เจ็บมากเสียจนขยับไม่ได้

“ฮึก!······”

ยิ่งมีสติมากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดบนร่างกาย ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น

หลังจากที่ลืมตาขึ้นมาได้อย่างยากลำบากในที่สุด กลับถูกแสงพร่าพราวเจิดจ้าเสียดแทงเข้าใส่ บังคับให้ต้องปิดตาลงไปอีกครั้ง

ไม่มีทางเลือก

นางทำได้เพียงค่อยๆ ปรับสายตาให้เข้ากับแสงจ้าทีละนิด

หลังจากที่ลืมตาขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์ ที่ปรากฏแก่สายตาเบื้องหน้าคือ ก้อนน้ำแข็งอันขาวพิสุทธิ์ราวหยกแกะสลักชิ้นหนึ่ง ก้อนน้ำแข็งมีลักษณะยาว ก่อตัวเรียงกันขึ้นเป็นชั้นๆ รูปทรงเหมือนหยดน้ำค้าง ล้อมรอบสี่ด้านด้วยพื้นผิวน้ำแข็ง และเสาน้ำแข็งใสกระจ่างราวคริสตัล

หลังจากหลานเยาเยาตกตะลึงเสร็จ ก็รีบไปตามหาร่างของเย่แจ๋หยิ่งทันที

แต่ทว่า!

ตามหาทั่วทั้งสี่ทิศจนครบรอบหนึ่งแล้ว

กลับตามหาเย่แจ๋หยิ่งไม่พบ

เขาอยู่ที่ไหนกันล่ะนี่?

แม้ว่าพื้นผิวของที่นี่จะเป็นน้ำแข็งทั้งหมด และมีเสาน้ำแข็งแซมอยู่บางส่วน แต่เสาน้ำแข็งนั้นก็มีอยู่ไม่มากนัก หากมีคนอยู่จริงๆ ย่อมจะต้องมองเห็นได้อย่างแน่นอน

แม้ว่านางจะไม่เห็นใคร แต่ก็มีเสาน้ำแข็งต้นหนึ่งที่ดึงดูดสายตาของนาง ให้ต้องเพ่งมองดู

ที่เสาน้ำแข็งต้นนั้นมีเลือดเปื้อนอยู่

เป็นเลือดที่เปียกชุ่มชโลมไหลจากด้านบนลงมาด้านล่าง

เมื่อนึกถึงสถานการณ์บางอย่าง หัวใจของหลานเยาเยาก็หนักอึ้งจมดิ่งลงทันที

นางเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่ปรากฏสู่สายตา คือรอยเลือดที่ชวนตกตะลึงรอยหนึ่ง

และเย่แจ๋หยิ่งอยู่ด้านบนนั้น …..

ปลายแหลมส่วนยอดของเสาน้ำแข็งต้นนั้น แทงทะลุร่างของเขา ……

และเลือดที่ไหลลงมาเหล่านั้น ได้อาบย้อมเสาน้ำแข็งต้นนั้นไปเกินครึ่งแล้ว เลือดถูกความเย็นจัดแช่แข็ง จนจับตัวเป็นน้ำแข็งไปนานระยะหนึ่งแล้ว

เมื่อได้เห็นฉากนี้

มันเป็นอะไรที่เสียดแทงดวงตาของหลานเยาเยาอย่างลึกล้ำ

ดวงตาของนางชื้นน้ำขึ้นมาทันที ดวงตาที่พร่ามัวทั้งสองข้าง มองจ้องไปที่ร่างอันพร่ามัวไม่ต่างกันของเย่แจ๋หยิ่ง นางอ้าปากเค้นพละกำลังเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี เพื่อจะเรียกชื่อเขา

แต่กลับพบว่า ……

ไม่ว่านางจะกู่ก้องร้องตะโกนอย่างไร สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีคำไหนหลุดรอดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียว…..

ด้วยเหตุนี้!

นางจึงเช็ดน้ำตาในดวงตาของตนอย่างลวกๆ ไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกาย ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกเสียขวัญ วิ่งล้มลุกคลุกคลานสะดุดนั่นนี่ไปยังเสาน้ำแข็งอาบเลือดต้นนั้น

เห็นอยู่ชัดๆว่าอยู่ห่างออกไปแค่เพียงไม่กี่ก้าว แต่กลับดูเหมือนว่า นางใช้เวลาวิ่งยาวนานราวครึ่งศตวรรษ ก็ยังไปไม่ถึงที่ที่สายตาของนางมุ่งหมายเอาไว้เสียที

สุดท้ายหลังจากร้องตะโกนไปหลายต่อหลายครั้ง นางก็ส่งเสียงออกมาได้ในที่สุด

“ เย่แจ๋หยิ่ง เย่แจ๋หยิ่ง เย่แจ๋หยิ่ง….. ”

เมื่อเข้ามาใต้เสาน้ำแข็ง มองขึ้นไปยังร่างของเย่แจ๋หยิ่ง ที่ห้อยค้างอยู่บนเสาน้ำแข็งนั้น ทั่วร่างของเขาล้วนอาบไปด้วยเลือด

แต่เมื่อนางมองดูไปเรื่อยๆ นางถึงกับหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาเลยทีเดียว

โชคยังดี……

โชคยังดีที่น้ำแข็งอันแหลมคมไม่ได้แทงทะลุร่างของเขา เพียงแค่เจาะจากด้านข้างของเขาทะลุไปยังเสื้อคลุม

ดังนั้น !

เขาจึงถูกห้อยแขวนค้างไว้ที่นั่น

ร่างของเย่แจ๋หยิ่งถูกห้อยแขวนไว้บนเสาน้ำแข็ง เหนือปากถ้ำอันใหญ่โต ที่มีหลุมดำขนาดใหญ่

พวกเขาตกลงมาจากบนนั้น

ด้วยเหตุนี้!

หลานเยาเยายื่นมือออกมาโบกครั้งหนึ่ง ด้ายสีเงินเส้นยาวบอบบาง พลันเหินทะยานออกมาจากแขนเสื้อ ลอยขึ้นไปยังเสาน้ำแข็งที่เย่แจ๋หยิ่งห้อยค้างอยู่ พันเกี่ยวทั้งคนทั้งเสาไว้แน่นหนา

จากนั้นจึงเหินบินขึ้นไปยังข้างกายของเย่แจ๋หยิ่ง หลังจากตรวจจับชีพจรให้เขาอย่างรวดเร็วแล้ว

“ฟู่······”

นางจึงถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอกได้ในที่สุด

หัวใจที่เหมือนถูกแขวนลอยค้างกลางอากาศเมื่อครู่ ก็ค่อยๆผ่อนคลายลงมาช้าๆ

จากนั้นจึงค่อยนำตัวเย่แจ๋หยิ่งลงมาที่พื้น เนื่องจากที่พื้นเต็มไปด้วยน้ำแข็งลื่นๆ ทำให้นางจำเป็นต้องเอาเตียงเปลที่เคลื่อนย้ายได้ ออกมาจากระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของนาง …..

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท