หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 320 โดนวางอุบายหลอกอีกแล้ว

บทที่ 320 โดนวางอุบายหลอกอีกแล้ว

บทที่ 320 โดนวางอุบายหลอกอีกแล้ว

หลานเยาเยาปรายตามองมือตัวเองที่ถูกเขาจับเอาไว้ คิดจะชักมือกลับ ด้วยท่าทางที่ดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก แต่กลับถูกเขาจับไว้แน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม

หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่อาการบาดเจ็บของเขา นางคงจะชักมือกลับมาอย่างสิ้นเยื่อใยไม่ให้ความหวังไปแล้ว

ช่างเถอะ!

ก็แค่จับมือเองไม่ใช่หรือ?

ไม่ถึงกับเส้นเอ็นบาดเจ็บ กระดูกเคลื่อนที่หรอกน่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเสียหน่อย

“เยาเยา”

เย่แจ๋หยิ่งจ้องมองนาง ส่งเสียงเรียกอย่างสงบนิ่งประโยคหนึ่ง

เอิ่ม……

ทำไมจู่ๆถึงได้เรียกชื่อนางขึ้นมาล่ะนี่ ?

ทำไมไม่เรียกนางว่าเทพธิดาล่ะ? แบบนี้บรรยากาศมันก็จะยิ่ง กระอักกระอ่วนขึ้นเรื่อย ๆน่ะสิ !

เห็นนางไม่พูดอะไร ดวงตาก็ไม่ได้มองเขา เอาแต่มองบนล่างซ้ายขวาไปเรื่อย ริมฝีปากบางของเขาที่บัดนี้ขาวซีดเผือดสีจึงเปิดออกเล็กน้อย

“เยาเยา ข้าเจ็บที่ตรงนี้”

เขาชี้ไปที่หัวใจของตัวเอง ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำราวกับว่ามันเจ็บปวดอยู่จริงๆ

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น!

หลานเยาเยาย้ายสายตาไป จ้องมองที่ตำแหน่งหัวใจของเขาทันที จากนั้นจึงยื่นมืออีกข้างเข้าไปลองสำรวจในเสื้อคลุม ทาบลงบนตำแหน่งหัวใจ แล้วกดคลำตรวจสอบอาการ

“ ใช่ตรงนี้หรือไม่?”

“ ไม่ใช่ !”

ไม่ใช่?

นางขยับมือขึ้นไปด้านบนเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือความกังวลว่า: “แล้วตรงนี้ล่ะ”

“ ไม่ใช่ !”

“ แล้วตรงนี้ล่ะ” นางเคลื่อนย้ายมือไปยังตำแหน่งอื่น

“ นั่นก็ไม่ใช่”

ถ้าเช่นนั้นเป็นที่ตรงไหนกันแน่ล่ะ!?

หลานเยาเยาอดไม่ได้ ที่จะเริ่มสงสัยในความสามารถของตัวเองเสียแล้ว แม้ว่าเย่แจ๋หยิ่งจะได้รับบาดเจ็บภายในอย่างหนัก แต่หากพูดกันตามเหตุผลแล้ว อาการเจ็บปวดไม่น่าจะอยู่ตรงนี้นี่นา!

เมื่อนางลูบคลำสำรวจบริเวณหน้าอกของเขา ไปจนทั่วรอบหนึ่งแล้ว เย่แจ๋หยิ่งก็ยังคงตอบว่าไม่ใช่อยู่อย่างนั้น

นางถึงได้เริ่มสงสัยขึ้นมาในที่สุด

เอิ่ม……

คงไม่ใช่ว่ากำลังหลอกลวงนางอยู่หรอกนะ?

ดังนั้น นางจึงเงยหน้าขึ้นมองสำรวจดูสีหน้าของเขา จึงได้เห็นว่าเขาดูมีความสุขเพลิดเพลินเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าจึงเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึนทันที

“ เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าคนบัดซบนี่!”

เห็นได้ชัดแล้วว่าเขาแกล้งใช้แผนทำเป็นเจ็บตัว เพราะมีเป้าหมายอยากจะเอาเปรียบนางนี่เอง

นี่มันอันธพาลชัดๆ!

หลังจากที่หลานเยาเยา ชักมือที่แตะอยู่บนหน้าอกของเย่แจ๋หยิ่งออก ก็คิดจะชักมือที่ถูกเขาจับไว้จนแน่นข้างนั้นออกมาด้วย

แต่ทว่า!

หลังจากเห็นสีหน้าดื้อรั้นที่ถึงตาย ก็ไม่ปล่อยมือของเขา นางพยายามจะชักมือกลับอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่อาจชักกลับมาได้เสียที นางจึงคร้านจะชักมือกลับในที่สุด

เพราะกลัวว่ารออีกสักครู่ เกิดไปทำให้ปากแผลเขาฉีกคงจะไม่ดีแน่

หลังจากเงียบงันไปครู่ใหญ่

นางจึงเอ่ยถามอย่างเฉยชาว่า “ เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าข้าคือหลานเยาเยา? ”

“ตอนที่เจ้าเข้าไปสำรวจในพระราชวังคืนนั้น เจ้าเคยนำมุกเย่หมิงออกมาด้วย”

เอิ่ม……

หลานเยาเยามุมปากกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่

ที่แท้ก็รู้มาตั้งนานแล้วนี่เอง ก่อนที่นางจะตกลงมาที่นี่ นางยังคิดมาตลอดว่าเขาไม่น่าจะรู้ได้

ผลสุดท้ายแล้วเป็นตัวเองคิดไปเองว่า ข้านั้นยิ่งใหญ่ที่สุด ไปเสียได้!

“ ถ้าเช่นนั้น ที่เจ้าเข้ามาอยู่ในตำหนักเทพธิดา เจ้ามีแผนการอะไรกันแน่?”

ในเวลานี้เอง เย่แจ๋หยิ่งไม่พูดอะไรออกมาอีก แต่เบนสายตาออกไปมองที่อื่น

ตอนนี้เขาไม่อยากพูดอะไร ที่เป็นการโกหกหลอกลวงนาง

ทั้งยังไม่อยากพูดความจริง ที่จะไปกระตุ้นให้นางโกรธเคืองขึ้นมา

ดังนั้น !

เขาจึงทำได้เพียงเลือกที่จะเงียบไว้เท่านั้น

เห็นปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ ต้องเป็นเพราะว่า มีแผนการบางอย่างอยู่ไม่ผิดแน่แล้ว

เป็นผลให้หลานเยาเยายกนิ้วโป้งให้เขา แต่ในดวงตากลับมีประกายไฟเปลวเล็กๆ พวยพุ่งขึ้นมา

“ดีมาก! อย่างไรก็เป็นถึงอ๋องเย่ ทำการใดย่อมต้องยิ่งใหญ่ใจกว้าง ทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนเองอยู่แล้วนี่นะ เรื่องรถม้านั่น ก็เป็นเรื่องที่เจตนาทำล่ะสิ ?”

ผู้ชายคนนี้ ยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนอย่างที่คิดไว้จริงๆ

“ เยาเยา … ”

รู้ว่านางโกรธขึ้นมาแล้ว เย่แจ๋หยิ่งจึงรีบเอ่ยเรียกนางทันที “ข้าสามารถอธิบายได้นะ”

“ช่างมันเถอะ! มีอะไรต้องอธิบายกันอีกล่ะ ถึงอย่างไรเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว ต่อให้อธิบายอะไรไปมันก็ไม่มีประโยชน์ มันทำให้เรื่องต่างๆ ย้อนกลับไปก่อนที่มันจะเกิดขึ้นได้อย่างนั้นหรือ ?

เจ้าปล่อยมือข้าก่อนจะดีกว่า ข้ายังมีเรื่องที่ต้องไปทำ ”

ในตอนนี้ มีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าที่ต้องไปทำ

การพูดถึงเรื่องในอดีต ก็มีแต่จะเพิ่มความยุ่งยากใจเสียเปล่าๆ

“เจ้ากำลังตามหาพิณกู่ฉินจื่อหลิงใช่หรือไม่?”

หลานเยาเยาไม่อยากเอ่ยถึง เช่นนั้นก็ไม่เอ่ยถึงแล้วกัน

“ใช่ เจ้ารู้หรือว่ามันอยู่ที่ไหน ?”

เมื่อเห็นท่าทางเหมือนจะรู้ของเย่แจ๋หยิ่ง ดังนั้นดวงตาของนาง จึงสว่างวาบขึ้นมาในทันที

“ตอนที่พิณกู่ฉินจื่อหลิงตกลงมา มันลื่นไถลไปทางนั้น”

พิณกู่ฉินจื่อหลิง ตกลงมาก่อนหน้าพวกเขาหนึ่งก้าว ก่อนที่เขาจะถูกแขวนห้อยค้างอยู่บนเสาน้ำแข็ง เขาเห็นทิศทางที่พิณกู่ฉินจื่อหลิง ร่วงตกลงไปบนพื้นผิวน้ำแข็งแล้วลื่นไถลออกไปพอดี

หลังจากชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง เขาก็ปล่อยมือของหลานเยาเยา

เมื่อมองไปตามทิศทางที่เขาชี้ไป เพียงไม่นาน ก็เห็นหลานเยาเยาโอบกอดพิณเดินกลับมาด้วยท่าทางมีความสุข

“คุณภาพของพิณคันนี้ดีจริงๆเลยนะนี่ พวกเราตกลงมาจากความสูงขนาดนั้น ยังได้รับบาดเจ็บมากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป

แต่พิณคันนี้กลับไม่เป็นอะไรชนิดที่ว่า สมบูรณ์เหมือนเดิมทุกประการ นี่มันเป็นของวิเศษชัดๆ ”

“ ไม่เสียหายตรงไหนก็ดีแล้วล่ะ!”

เย่แจ๋หยิ่งมองดูนางที่สวมเสื้อผ้าบางๆ สีหน้าของนางตอนนี้ ถูกความหนาวเย็นทำให้เปลี่ยนเป็นสีม่วงไปแล้ว แต่นางก็ไม่พูดอะไรสักคำ

จึงอดเผยสีหน้าที่แฝงความหดหู่ใจไม่ได้

“ ขึ้นมาสิ”

“ไม่ต้องหรอก ข้ายังสามารถเอาเตียงกับผ้าห่มออกมาได้อีกเยอะ”

หลังจากที่เย่แจ๋หยิ่งเอ่ยเตือนขึ้นมา หลานเยาเยาจึงค่อยพบว่า ทั้งมือและเท้าของนางเย็นเฉียบจนแทบจะหมดความรู้สึกไปแล้ว

หลังจากพูดจบ ก็ตั้งใจว่าจะนำเตียงอีกหลัง ออกมาจากระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

ใครจะรู้ว่า…..

เสียงทุ้มทื่อเหมือนแม่เหล็กดังลอยมาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

“ร่างกายข้าอุ่นยิ่งนัก สามารถอุ่นเท้าให้เจ้าได้”

เวลานั้นเอง

หลานเยาเยานิ่งชะงักไปชั่วขณะ

มันก็จริงอยู่

จะนำเตียงออกมาอีกหลัง จะห่มผ้าห่มให้หนาแค่ไหน ในสถานการณ์ที่มือและเท้าเย็นเป็นน้ำแข็งเช่นนี้ หากนอนคนเดียว ก็ยากที่จะอุ่นขึ้นมาได้โดยเร็ว

ไม่สู้คนสองคน แลกความอบอุ่นให้กันและกันทั้งสองฝ่าย

ด้วยวิธีนี้ทั้งสองคนต่างก็ล้วนอบอุ่น ทั้งยังสามารถ สังเกตสถานการณ์ของเย่แจ๋หยิ่งได้ทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ !

นางก็ไม่เสแสร้งทำตัวสูงส่งใดๆให้เสียเวลา

เพียงนำเอาอาหารและผลไม้บางส่วน ออกมาจากระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

โชคดีที่นางเป็นนักชิมอันดับต้น ๆ จึงมีอาหารอร่อยๆ มากมายที่เก็บสะสมไว้ใน พื้นที่ว่างเปล่าของระบบ ภายใต้สถานการณ์ปกติ อาหารที่นางเก็บสะสมไว้เหล่านี้ สามารถทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ได้นานเจ็ดหรือแปดวันเลยทีเดียว

แต่ถ้ากินอย่างประหยัดหน่อย ก็สามารถอยู่ได้เป็นสิบกว่าวันอย่างไม่มีปัญหา

เพียงไม่นาน

หลานเยาเยาก็ถอดรองเท้า แล้วขึ้นเตียงนอน

พวกเขาแต่ละคนนอนบนหัวเตียงคนละด้าน โดยมีอาหารอยู่ตรงกลาง กินไปพลางก็คุยกันไปพลางว่าจะหาทางออกไปได้อย่างไร

ขณะที่พูดคุยกันนั้น หลานเยาเยาก็รู้สึกว่าเท้าทั้งคู่ของนาง ถูกห่อพันด้วยฝ่ามืออุ่น ๆ สองข้าง จึงปรายตามองเย่แจ๋หยิ่ง

“เจ้าได้รับบาดเจ็บภายในค่อนข้างหนัก ไม่ควรโดนความเย็น มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายอย่างมาก”

“ ไม่สำคัญเท่ากับเจ้า ”

ขณะที่พูด

เย่แจ๋หยิ่งก็เอาผ้าเก็บความร้อน และเสื้อคลุมมาพันรอบเท้าของนาง แต่หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง กลับพบว่าเท้าของนางยังคงเย็นเฉียบอยู่

หรือจะถูกความหนาวเย็นแช่แข็งจนมีปัญหาแล้ว?

เท้ายังเย็นมากถึงขนาดนี้ มือกับลำตัวก็ไม่น่าจะมีอาการดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่แล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง!

เขามองหลานเยาเยา ที่กึ่งๆนั่งอยู่ ริมฝีปากบางเปิดออกเล็กน้อย

“เยาเยา เจ้านั่งแบบนี้ไม่เพียงแต่ร่างกายของเจ้าจะไม่อบอุ่น แม้แต่เท้าของข้า ก็จะพลอยถูกอากาศเย็นไปด้วย”

“เจ้าหดๆเท้าของเจ้าไปก่อนแล้วกัน รอข้ากินของพวกนี้หมด ข้าก็จะนอนลงไปแล้ว”

อาหารที่นางนำออกมามีไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอที่จะเติมกระเพาะพวกเขาสองคนจนเต็มได้ สาเหตุอาจเป็นเพราะเย่แจ๋หยิ่งได้รับกลูโคส จึงไม่ได้กินอะไรมากนัก

ดังนั้น อาหารเหล่านี้ไม่ควรกินทิ้งกินขว้าง! นางต้องกินให้หมด

ใครจะรู้ว่า…..

“ที่เท้ามีบาดแผลอยู่หลายแห่ง ไม่เหมาะจะงอเท้า เจ้ามาทางนี้เถอะ”

หลานเยาเยาคิดไปคิดมาก็ถูกอยู่

ไปเบียดตรงหัวมุมนั้นกับเย่แจ๋หยิ่ง น่าจะอุ่นกว่าหน่อยจริงๆนั่นล่ะ อย่างนี้เท้าของเย่แจ๋หยิ่งก็ไม่ต้องถูกลมเย็นเพราะการนั่งของนาง อีกทั้งยังสามารถกินอาหารต่อได้

หลังจากที่นางพยักหน้า

จึงลงจากเตียงไป ดึงเข็มที่ให้น้ำเกลือซึ่งใกล้จะหมดพอดีออกมาเก็บให้เรียบร้อย

หลังจากกลับขึ้นไปบนเตียงนอนอีกครั้ง เย่แจ๋หยิ่งก็ใช้เท้าอันอบอุ่นของเขา คลุมทับบนเท้าของนาง จากนั้นจึงกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน

เป็นเพราะความหนาวเย็น นางจึงค่อนข้างจะชื่นชม ต่อพฤติกรรมที่เย่แจ๋หยิ่งทำต่อนางไม่น้อย

อาหารที่เหลือถูกจัดการจนหมดในเวลาไม่นาน

เย่แจ๋หยิ่งจึงพานางเอนตัวลงนอน

อาจเป็นเพราะที่นี่มีน้ำแข็งอยู่ทุกทิศทาง บวกกับก่อนหน้านี้ นางเดินสำรวจไปตามช่องทางเหล่านั้นเพื่อทางออกเป็นเวลานานมาก จนทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมาได้ยากยิ่งนัก

ในขณะที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเย่แจ๋หยิ่ง นางก็ยังคงตัวสั่นสะท้าน

ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ เย่แจ๋หยิ่งจึงเริ่มถอดเสื้อผ้าบนร่างตัวเองออก…….

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท