หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 359 อาคารไหม้ที่กำลังถูกไหม้

บทที่ 359 อาคารไหม้ที่กำลังถูกไหม้

บทที่ 359 อาคารไหม้ที่กำลังถูกไหม้

เป็นเพราะนางคาดหวังว่าราชครูเทียนเวิงจะไม่ลงมือ แม้ว่าจะมีความคิดฆ่านางในตอนนี้ เขาก็ไม่มีทางจะทำ

อันที่จริงแล้ว!

เมื่อเทียบยาฉางตานกับชีวิตของนางแล้ว ยาฉางตานมีความสำคัญกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า

เป็นอย่างที่คิดไว้ แววตาที่มีความแค้นของราชครูเทียนเวิงปรากฏขึ้นอย่างสั้นๆ เพียงชั่วพริบตา ก็กลับมาอยู่ในท่าทางที่นิ่งลึก ราวกับว่าไม่เคยมีเจตนาความแค้นปรากฏมาก่อน

“หากราชครูใหญ่ต้องการรู้ที่ซ่อนของยาฉางตาน รอหลังจากสองสามวันนี้ หวังว่าราชครูใหญ่คงจะได้คำตอบจากโยนหินถามทางที่มากมาย”

หลานเยาเยาพลางพูดไป พลางเดินไป และยังมองไปยังมุมหนึ่งในระยะไกลอย่างสบายๆ พร้อมกับรอยยิ้มจางๆบนปากของเขา

จนกระทั่งขึ้นรถม้า จากนั้นรถม้าก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกช้าๆ

หลานเยาเยายังคงเห็นกำปั้นที่กำแน่นของราชครูเทียนเวิง

เหอะ!

ประมาณว่าไม่มีคนมากวนประสาทเขาแบบนี้มานานแล้ว !

เมื่อได้เห็นท่าทางที่อดทนของเขาก็ยังรู้สึกโล่งใจ

หลังจากพ้นสายตาของราชครูเทียนเวิง จื่อซีก็ยิ่งเร่งความเร็วของรถม้าขึ้นอย่างมาก และสวนหยู่ก็วิ่งไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อกลับถึงตำหนักเทพธิดา

หลานเยาเยาลงจากรถม้าทันที รีบเข้าไปในห้องบรรทมของตนเอง เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าผู้ชายสีแดงเข้มปนดำ มัดผมอย่างเรียบง่ายแบบผู้ชาย จากนั้นก็ออกมาทางหน้าต่างด้านหลัง

มายังกระท่อมไม้ที่ถูกทิ้งร้างมานานหลังหนึ่ง

ก็ได้เห็นสวนหยู่ที่กำลังยืนอยู่ในกระท่อมไม้อย่างเป็นระเบียบ มันสะบัดหางใส่นางสองสามครั้ง ดูเหมือนจะเป็นการทักทาย

จื่อซีได้ขี่ม้าตัวหนึ่งเข้ามา ตามด้วยชายคนหนึ่งของสำนักหงอี

ทันทีที่ได้เห็นว่าหลานเยาเยากำลังเข้ามา ทั้งสองคนก็ประสานมือแสดงความเคารพ

“คุณหนู!”

“เจ้าสำนัก!”

“พบตัวฮัวหยู่อันแล้วหรือยัง” หลานเยาเยาถาม

ตอนที่นางได้ถามคำถามนี้ นางก็ได้ลอยตัวขึ้นไปบนม้าแล้ว

“เรียนเจ้าสำนัก ยังไม่เจอครับ แต่มีคนที่เชิงเขายิงจวนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง ได้พบขอทานคนหนึ่ง เดินไปมาอยู่รอบเมืองหลวงแต่สุดท้ายก็หายไปในสายหมอก

คนของพวกเราได้ตรวจสอบที่นั่นอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบความผิดปกติใดๆ ทั้งสองด้าน”

ผู้ส่งสารรีบกลับไปอย่างรวดเร็ว เพื่อจะนำข่าวรายงานต่อเจ้าสำนัก

ดีมาก!

การแต่งเป็นขอทานยังต้องแต่งต่อไป

แต่ แต่งเป็นขอทานก็ดีนะ!

ไม่เพียงแต่จะปกปิดอาการบาดเจ็บของร่างกายได้เท่านั้น แต่ยังไม่เป็นที่สะดุดตา ถือว่าเป็นความคิดที่ไม่เลว

“ไป ไปที่นั่นกัน ไป….”

เสียงเกือกม้าดังขึ้น ฝุ่นคละคลุ้งไปทั่ว เสียง “กุบกับ” ของเกือกม้าดังไกลออกไปเรื่อย ๆ

——

เมื่อพวกหลานเยาเยามาถึงยังเชิงเขาของสาขายิงจวนจึงได้รู้ว่า ครึ่งชั่วโมงก่อน มีคนแต่งตัวเหมือนขอทานปรากฏขึ้นอีกครั้ง

จึงได้ขึ้นไปบนเขาอย่างระมัดระวัง และคนของสำนักหงอี ของพวกเขา ก็ได้เดินตามไปอย่างเงียบๆ

เงยหน้าขึ้นไปมองต้นไม้ที่เขียมชอุ่ม ป่าไม้ที่ห้อมล้อมไปด้วยม่านหมอก หลานเยาเยาก็อดจะขมวดคิ้วไม่ได้

หมอกนี้ดูท่าจะไม่ใช่หมอกที่ดี

ครึ้มขมุกขมัว ทำให้ยิ่งต้องระมัดระวัง!

“ขึ้นเขา!”

หลังจากที่เข้าไป

พวกเขาก็เดินผ่านป่าสีเขียวชอุ่ม เท้าได้เหยียบลงไปบนหญ้าเขียวนุ่ม เหนือศีรษะของพวกเขามีใบไม้หนาทึบซึ่งยากที่แสงแดดจะส่องผ่านได้

มีบางแห่งที่ต้นไม้อยู่ห่างกัน แสงแดดก็สามารถส่องผ่านลงมาได้ ทำให้ป่ามีความสว่างไสว

เมื่อมาถึงครึ่งทางของภูเขา

เบื้องหน้าของคนผู้สำรวจทาง ก็พบกับสัญลักษณ์พิเศษของสำนักหงอีที่ทิ้งเอาไว้

ด้านข้างของสัญลักษณ์นั้นยังมีชิ้นส่วนถูกทำลาย และยังมีคราบเลือดที่ยังไม่แห้งอยู่ด้วย

แต่ไม่พบศพ

คาดว่าคงมีผู้ได้รับบาดเจ็บ

“คนที่นำทัพมาที่นี่คือตาแก่หรือ” หลานเยาเยาถามขึ้นมา

การตั้งกลไกที่นี่เป็นความลับมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะมีผู้เสียชีวิต แต่มีเพียงคราบเลือด ไม่มีศพกลไกยังถูกทำลายด้วย

พอที่จะบอกได้ว่า

ในกลุ่มคนที่มายังสาขายิงจวนจะต้องมีผู้ที่ชำนาญเรื่องกลเม็ดกลไก

หลานเยาเยาคิดอยู่ครู่หนึ่ง

ในบรรดาสำนักหงอีของนาง คนที่มีกลเม็ดกลไกดีที่สุดคือตาแก่

แต่!

ตาแก่เป็นพ่อบ้านอยู่ในตำหนักมิใช่หรือ! นางจะยอมให้เขามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด

“ใช่แล้ว เจ้าสำนัก!”

หลังจากได้ยินว่าเป็นตาแก่อย่างที่คิดไว้ หลานเยาเยาก็ถอนหายใจอย่างอธิบายไม่ถูก

แย่แล้ว!

ตาแก่หลงใหลในกลไกที่สุดแล้ว

มีเขาอยู่ด้วย เดาว่าในอาวุธที่ซ่อนอยู่ในป่าแห่งนี้ทั้งหมดต้องถูกเขาทำลายไปแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขานำกลุ่มไปทำลายกลไกที่ใดอีก

คงจะลืมภารกิจที่สำคัญที่สุดไปนานแล้วแน่นอน

“ไม่ต้องไปตามสัญลักษณ์ พวกเรามุ่งหน้าขึ้นเขา”

ชัดเจนว่าสัญลักษณ์นั้นไม่ได้มุ่งขึ้นไปบนเขา

ก็รู้แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้……

พวกของหลานเยาเยาเดินทางไปเป็นเส้นตรง

เมื่อเห็นสถานที่ที่มีหมอกคลุม ก็รีบใช้ผ้าที่แช่ในยาแก้พิษมาปิดจมูกและปาก เพื่อป้องกันสารพิษ

เพื่อป้องกันการเหยียบถูกกลไก

ผู้สำรวจทางแต่ละคนจะถือไม้ยาวไว้ในมือ และจะสามารถสัมผัสได้ก่อนที่จะย่ำเท้าลงไป

ระหว่างทาง พบกับสี่ถึงห้ากลไก ผ่านหมอกพิษจำนวนมากมาย

ในที่สุดก็เดินขึ้นไปถึงบนภูเขาได้อย่างปลอดภัย มาถึงด้านหลังของสาขายิงจวน

บริเวณรอบนอกของสาขายิงจวนมีการป้องกันสามอย่าง เพียงทางเข้าเพียงทางเดียว และมีรั้วสามรั้วปิดกั้นอยู่

ด้านในล้วนสร้างเป็นอาคารไม้ขนาดใหญ่สองสามชั้น และแต่ละอาคารก็มีสะพานเชื่อมต่อกัน พูดได้ว่าเชื่อมต่ออาคารไม้หลังใหญ่สองสามหลังนั้นเข้าด้วยกันทั้งสิ้น และอาคารใหญ่เหล่านั้นก็มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ

อาคารไม้ทุกหลังล้วนมีองครักษ์ลับอยู่ห้าถึงหกคน องครักษ์ลับทุกคนล้วนมีหน้าไม้ที่ยิงได้ระยะยาวในมือ

เมื่อได้เห็น!

หลานเยาเยาก็แอบยกนิ้วโป้งให้

ไม่เลว มาตรการป้องกันแบบนี้เหมาะสมเป็นอย่างมาก คนนอกยากที่จะเข้าโจมตี แม้ว่าจะเข้าไปโจมตีแล้ว ก็ยังไม่อาจรู้ได้ว่าภายในมีอะไรรออยู่อีก!

แต่……

ไม่ว่ามาตรการป้องกันจะดีเท่าไร มันก็ยังมีข้อบกพร่อง ถึงอย่างไรภายในนั้นก็เป็นวัสดุจากไม้ทั้งหมด

แค่ไฟไหม้ขึ้นมา ก็ไม่เหลืออะไรอีกเลย

แต่ นางยังสามารถคิดได้ แล้วทำไมคนสร้างจึงคิดไม่ถึงเรื่องนี้

ณ ขณะนี้!

ทางทิศใต้ของพวกเขาได้มีแสงสว่างจ้าขึ้น ดูเหมือนไฟประหลาด หรือจะเป็นคบเพลิง

หลานเยาเยาสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ว่านั่นเป็นลูกธนูที่กำลังลุกไหม้ เป้าหมายเป็นอาคารไม้หลังหนึ่ง

เสียง “ฟู่ว” ดังขึ้น

ลูกธนูได้แหวกอากาศไปยังอาคารไม้อย่างรวดเร็ว

เนื่องจากเปลวไฟของลูกธนูมีขนาดเล็กมาก หลังจากชนกับอาคารไม้ จึงไม่สามารถลุกไหม้อาคารได้ทั้งหมดในคราวเดียว

ทันใดนั้น ก็ได้เห็นว่าทางทิศทางที่ลูกธนูพุ่งมานั้น ได้มีการโยนสิ่งของอีกสิ่งเข้าไป สิ่งของนั้นพุ่งตรงไปทางที่เพิ่งยิ่งลูกธนูไป

สิ่งนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงจากนั้นก็มีของเหลวไหลออกมา เสียง “ตูม” ก็ดังขึ้น เปลวไฟขนาดเล็กระเบิดออกอย่างรวดเร็ว อาคารไม้หลังใหญ่ก็เริ่มลุกไหม้

“ตูม……”

“ตูม……”

ไหที่เปราะบางอีกสองใบแตกกระจายลงบนพื้นไม้อีกครั้ง ไฟก็เริ่มโหมแรงขึ้น

ตราบใดที่บุคคลในความมืดยิงธนูออกมา องครักษ์ลับของยิงจวนก็ได้สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากไฟลุกแรงขึ้น หน้าไม้จำนวนมากได้มุ่งไปยังทิศทางของผู้ที่ใช้ไฟวางเพลิง

แต่คนผู้นั้นซ่อนตัวอยู่ในความมืด จึงไม่รู้ว่าเขาถูกยิงหรือไม่

และด้านอาคารไหม้ที่กำลังถูกไหม้อยู่นั้น ถูกไหม้ไปไม่เท่าไร ก็ถูกนักฆ่าศพแห้งยิงจวนนำน้ำมาดับไฟแล้ว

เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลานเยาเยาก็แอบเสียดายอยู่เงียบๆ

เป็นดังที่คาดไว้!

อาคารไม้มีน้ำเตรียมไว้ดับไฟอยู่แล้ว

มิเช่นนั้นก็ไม่อาจจะดับไฟได้รวดเร็วขนาดนี้

เมื่อได้เห็นกลุ่มนักฆ่าจำนวนมากที่ถูกส่งไปในอาคารไม้ และมุ่งหน้าไปยังบุคคลที่ยิงธนูไฟ หลานเยาเยาชี้นิ้วส่งสัญญาณหนึ่งทันที คนที่อยู่ด้านหลังจึงรีบเคลื่อนไปยังประตูทางทิศใต้ทันที

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท