หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 397 มีคนกำลังจะโชคร้ายแล้ว

บทที่ 397 มีคนกำลังจะโชคร้ายแล้ว

บทที่ 397 มีคนกำลังจะโชคร้ายแล้ว

ทุกคนต่างก็มีสีหน้าที่หม่นหมอง

หลังจากที่มองเห็นนาง แต่ละคนก็กวาดสายตาไปมองทางอื่นแทน ราวกับไม่อยากจะสนใจเสียอย่างนั้น

นางเดินไปยังพวกเขา แล้วพยายามที่จะสบตากับพวกเขา แต่พวกเขากลับทำท่าเมินใส่นาง พอนางหันไปทางอื่น พวกเขาก็หันหน้ามาจ้องนาง ราวกับว่ากลัวว่านางจะเดินจากไปอย่างนั้น

หลานเยาเยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างเจื่อนๆ จากนั้นก็มีความคิดแวบขึ้นมาแล้วนางก็ตะโกนใส่หลังของเหล่าผู้เฒ่า

:“ตาเฒ่าเย่น เป็นท่านจริงด้วย!ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

ตาเฒ่าเย่น?

ที่นังเด็กนี่เรียกคือท่านอัครมหาเสนาบดีแห่งราชวงศ์เก่า?

เหล่าผู้เฒ่าพวกนั้นรีบหันหลังกลับมาทันทีโดยที่ไม่ได้ดูให้ชัดเจนว่ามีคนอยู่ไม่ แต่กลับกุมมือคารวะพร้อมกันเสียแล้ว

:“คารวะท่านอัครมหาเสนาบดี”

ผ่านไปครู่หนึ่งไม่มีผู้ใดตอบกลับ พวกเขาถึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาทีละคนๆ ก็เห็นเพียงหลานเยาเยาที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา ด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม

หลังจากที่พวกเขารู้ตัวว่าถูกหลอกเข้าแล้ว แต่ละคนก็ทั้งโกรธทั้งอับอาย สุดท้ายจึงทำได้เพียงกลอกตาใส่หลานเยาเยา

“พอแล้ว อย่าโกรธเลยๆ ที่ข้าทำเช่นนี้เพื่อที่จะให้พวกท่านสนใจข้าเท่านั้น!”

“หื้ม ในตอนที่ตาเฒ่าอย่างพวกเราถูกไฟไหม้ เจ้าออกไปเสพสำราญที่ไหนแล้วหล่ะ?ถ้าไม่ใช่เพราะว่าโชคดีหนีออกมาได้ เจ้าคงจะไม่ได้เจอพวกเราแล้ว พอกลับมาก็ไม่รู้จักมาถามไถ่พวกเราก่อน รู้จักแต่ไปหาเจ้าเด็กเย็นหงนั่น พวกข้าไม่รู้จักเจ้า”

“ใช่ พวกเราไม่รู้จักเจ้า”

“ต่อให้เจ้าจะทำอาหารแสนอร่อยให้พวกข้า มอบเงินจำนวนมากมายให้พวกข้า หรือจะพาพวกข้าออกไปเสพสุขสำราญ พวกเราก็ไม่อภัยให้เจ้าหรอก”

“ใช่ ถูกต้องแล้ว สิ่งที่พวกเขาพูด ก็คือสิ่งที่ข้าจะพูด”

“······”หลานเยาเยาถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก จึงทำได้เพียงดึงยิ้มเอาไว้เท่านั้น

เอ๊ะ!

จำได้ว่าเมื่อก่อนตอนอยู่ที่ต้นบุพเพ พวกเขาได้รับบาดเจ็บแล้วต้องรักษาตัวอยู่ในตำหนัก พวกเขาได้ขอให้นางทำอาหารให้พวกเขากิน เวลาออกไปข้างนอกก็ต้องให้มีของอร่อยกลับมาด้วย ทั้งยังบอกอีกว่าเช่นนี้ถึงจะช่วยรักษาแผลของพวกเขาได้

นางเอือมระอาอย่างมาก แต่ทว่านางได้ชินชากับท่าทีเช่นนี้ของพวกเขาไปแล้ว

และนางเองก็มีความสุขที่ได้ทำอาหารให้พวกเขาได้กิน

“ได้ๆๆ พวกท่านอยากกินอะไร รีบสั่งมาเถอะ ข้าทำให้ก็พอแล้ว”หลานเยาเยาเริ่มประนีประนอม

“มาๆๆ อาหารที่จะต้องทำอยู่ในนี้แล้ว มีไม่มาก ไม่ต้องกังวลไป เจ้าสำนัก เจ้าค่อยๆศึกษาดูไปแล้วกัน”

หนึ่งในตาเฒ่าหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ดูแล้วเหมือนจะเล็กมาก แต่พอเปิดออกมาดูหลานเยาเยาก็ถึงกับเบิกตากว้าง

กระดาษแผ่นนี้เล็กตรงส่วนไหนกัน?

กระดาษแผ่นนี้พอคลี่ออกมาแล้วมันมีความใหญ่เท่ากับกระดาษ A4 โดยในกระดาษอย่างเต็มไปด้วยชื่อเมนูอาหาร ซึ่งหมึกที่ใช้เขียนยังไม่ทันได้แห้งเลยด้วยซ้ำ เหล่าตาเฒ่าคงจะเขียนมันเมนูอาหารเสร็จแล้วจึงค่อยมาหานางสินะ

อาหารแต่ละจานคงจะใช้เงินอย่างน้อยสองสามตำลึงสิท่า?

อาหารเยอะขนาดนั้น คงจะไม่ใช้เพียงไม่กี่สิบตำลึงแต่อาจถึงร้อยตำลึงเลยสินะ?

จู่ๆก็รู้สึกเจ็บเนื้อเจ็บตัวขึ้นมา……

หลานเยาเยาพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักแล้วปลอบใจตัวเองอย่างเงียบๆ:

ไม่โกรธ

ต้องไม่โกรธ ก็แค่ทำอาหารไม่กี่อย่างเท่านั้น ไม่ได้ใช้เงินมากมาย ต้องใจกว้างสักหน่อยต้องมีความเคารพต่อผู้อาวุโสกว่า……

นางหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งไปมา

“ก็ได้!วันมะรืนข้าค่อยทำให้พวกท่านแล้วกัน พรุ่งนี้ข้ามีธุระสำคัญต้องไปจัดการ”วิธีการที่จะให้ไม่เจ็บปวดใจเรื่องเงินก็มีเพียงการทำใจมีสติ

ฮ่องเต้ทรงซุกซนเพียงนี้ หากไม่เล่นงานนางเสียหน่อย แล้วจะตัดความเกลียดชังในใจได้อย่างไร?

“ไม่ได้ ต้องพรุ่งนี้เท่านั้น”เหล่าตาเฒ่าคัดค้านทันที แล้วหนึ่งในพวกเขาก็พูดขึ้นมา,“เจ้าต้องอยู่ที่ตำหนักทำอาหารเท่านั้น พวกเราอดอู้อยู่แต่ในตำหนักจนจะขึ้นราอยู่แล้ว เจ้ามีธุระอันใดต้องทำ ให้พวกเราไปจัดการให้แล้วกัน”

พวกเขารู้ว่าหลานเยาเยาจะทำอะไร

มีคนมาสังหารคนของนางถึงตำหนัก หากนางอยู่อยู่นิ่งได้ก็คงไม่ใช่หลานเยาเยาเสียแล้ว

อีกอย่างบาดแผลของพวกเขานั้นดีขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่บาดแผลหายดีแล้วพวกเขาได้แต่อยู่เฉยๆไม่มีการงานต้องทำ เฝ้ารอคอยว่าจะมีเรื่องดีๆให้ได้ทำ ตอนนี้ก็กำลังพอดีเลย ให้เจ้าสำนักทำอาหารไป ส่วนพวกเขาออกไปจัดการธุระเที่ยวเล่น จะดีแค่ไหนเชียว!

“พวกท่านแน่ใจหรือ?”หลานเยาเยาสงสัย

“แน่นอน เรื่องน่าสนุกเช่นนั้น พวกเราจะไม่ไปได้อย่างไร?”

“ใช่แล้ว ควรที่จะได้ขยับกล้ามเนื้อบ้างแล้ว”

“หรือไม่อย่างนั้น ตอนนี้เจ้าก็ไปจัดการทำอาหารให้เสร็จ คาดการณ์แล้วพรุ่งนี้เช้าเจ้าน่าจะทำอาหารได้เพียงพอให้พวกข้ากินแล้ว พอพวกเรากินอิ่มก็พร้อมออกเดินทาง”

“……”

เอ่อ

ตาเฒ่าคนข้างหลังนี้ เหตุใดท่านถึงได้พูดไม่เป็นมงคลเท่าไหร่นัก?

หลานเยาเยาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า :“พวกท่านไป ข้าก็หวังใจได้แน่นอน แต่ถ้าเอาแต่ให้พวกท่านไป แล้วสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้ามาก็ไม่มีโอกาสที่จะได้แสดงความสามารถแล้วนั่นสิ?”

เหล่าตาเฒ่าคิดไปคิดมา ก็ค่อยๆพยักหน้า เพราะว่าเจ้าสำนักพูดได้ถูกต้องที่สุด!

ดังนั้นท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ออกไปทำอะไรดังเดิม ยังคงต้องอยู่ช่วยปกป้องคุ้มกันตำหนักเอาไว้ ดังเช่นวันนี้ที่มีมือสังหรณ์บุกเข้ามาในตำหนัก พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่รู้เรื่อง แต่ยังถูกวางเพลิงอีกต่างหาก นี่ถือเป็นเรื่องอัปยศอันใหญ่หลวงเลยที่เดียว!

ดังนั้นก่อนหน้านี้พวกเขาถึงได้พยายามที่จะออกไปทำงาน

หลังจากที่รู้ว่าไม่อาจออกไปได้ พวกเขาจึงต้องทำตัวดีๆอยู่ในตำหนักเสียแล้ว

ในวันถัดมา

หลานเยาเยาอาศัยประสบการณ์ในการเผชิญกับโลกภายนอก จึงเรียกยู่หลิวซูและถิงเมี่ยนมา พร้อมด้วยคนของสำนักหงอี

พอรุ่งเช้าพวกเขาก็เดินทางไปยังเนินเขาอันอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง หลานเยาเยาไปยืนบนยอดเนินที่สูงที่สุด มองลงมายังควันไฟที่ฟุ้งลอยขึ้นมาจากหมู่บ้านด้านล่างด้วยสายตาที่เย็นชา

ยู่หลิวซูที่สวมชุดคลุมอันหล่อเหลายืนอยู่ข้างๆ มองตามหลานเยาเยาไปยังพื้นที่ที่มีควันไฟลอยขึ้นมาอันห่างไกล ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

แล้วถิงเมี่ยนก็มองไปยังควันไฟที่เกิดขึ้นมาใหม่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ

“ตรงนี้มีหมู่บ้านตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

เขาเติบโตในวังหลวงมาตั้งแต่เด็ก เขาเข้าใจเป็นอย่างดีเกี่ยวกับเมืองหลวงและบริเวณโดยรอบของเมืองหลวง ที่แห่งนี้เขาเองก็เคยมา ที่ตรงนี้ไร้ผู้คนเป็นเพียงพื้นที่ร้างแห่งหนึ่ง

“ทว่า!เมื่อนานมาแล้ว ที่ตรงนี้เคยมีหมู่บ้านใหญ่ตั้งอยู่จริง ต่อมาได้ยินว่าเกิดโรคระบาดขึ้น ทุกคนในหมู่บ้านล้มตาย ไม่มีใครรอดสักคน แต่ก็ยังมีคนกล่าวอีกอย่างว่า ที่นี่มีความแห้งแล้งตลอดทั้งปี ไม่มีการเก็บเกี่ยวผลผลิต คนที่อยู่ที่นี่จึงหนีจากความอดอยากไป”

แต่ว่าเรื่องไหนจะเป็นเรื่องจริงเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้ รู้เพียงแต่ว่าที่นี่มีหมู่บ้านเกิดขึ้นมาใหม่นั้นเป็นเรื่องที่น่าแปลกอย่างมาก

แถมเทพธิดายังตั้งใจพาพวกเขามาที่นี่ แล้วยังส่งคนของสำนักหงอีออกไปจำนวนมากอีกด้วย ฉะนั้นการมาที่นี่ต้องมีวัตถุประสงค์ ไม่ใช่เพียงเที่ยวเล่นแน่นอน

“หมู่บ้านแห่งนี้เป็นเพียงโศกนาฏกรรมไร้เดียงสาอันหนึ่งเท่านั้น”

หลานเยาเยาตอบสิ่งที่ถิงเมี่ยนพูด

หลังจากที่ทั้งสองได้ยิน ต่างก็แสดงสีหน้าที่สงสัยออกมา

สิ่งที่เทพธิดาพูดหมายถึงสิ่งใด?

ทันใดนั้น เสียงอันเยือกเย็นและแผ่วเบาของหลานเยาเยาก็ดังแทรกขึ้นมา

“เนื่องจากอำนาจของราชวงศ์เก่านั้นค่อนข้างมีการกระจุกตัว แม้ว่าบางคนจะมีตำแหน่งอำนาจสูงส่ง แต่อำนาจที่อยู่ในมือก็มีเพียงไม่เท่าไหร่ บางคนที่มีความโลภทะเยอทะยาน ก็ได้ทำการรวบรวมฝึกฝนสร้างกองทัพของตัวเองขึ้นมา

ซึ่งพื้นที่ที่ค่อนข้างซ่อนเร้นเช่นนี้ก็คือสถานที่อันยอดเยี่ยมที่จะใช้ในการฝึกฝนความแข็งแกร่งนั่นเอง

ที่นี่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา เป็นชัยภูมิที่มีความอันตรายสามารถป้องกันข้าศึกได้ สามารถใช้ต้นไม้ในการปกคลุมเอาไว้ ถ้าหากไม่จุดไฟทำอาหาร ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าตรงนั้นมีคนอยู่

ข้าได้พบที่นี่ก่อนที่จะเข้าเมืองหลวง ต่อมาจึงได้ทำการตรวจสอบขึ้นมา

หมู่บ้านที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ ไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของราชวัง ไม่มีแม้แต่การมีอยู่ในแผนที่

และสิ่งที่น่าประหลาดใจมากไปกว่านั้นก็คือในหมู่บ้านแห่งนี้มีเพียงบุรุษที่มีความพร้อมในการฝึกฝนเท่านั้น ไม่มีสตรี คนแก่หรือเด็กเลย บางทียังมีการส่งขบวนรถหญิงโสเภณีเข้ามาที่นี่อีกด้วย ตอนนี้คงจะเข้าใจแล้วสินะว่าที่นี่เป็นสถานที่อะไร?”

พูดถึงขนาดนี้แล้ว ยู่หลิวซูและถิงเมี่ยนยังจะมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีก?

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท