หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 425 หมอสิบคน

บทที่ 425 หมอสิบคน

บทที่ 425 หมอสิบคน

การประลองรอบสอง หลานเยาเยาเลือกทีเดียวสิบคนมาประลองกับนาง เป็นการดมกลิ่นหอมแยกแยะยาเหมือนกัน

และทั้งสิบคนเหล่านั้นก่อนหน้านี้พูดจาหยาบคายป่าเถื่อนเป็นที่สุด เป็นผู้ที่ท่าทางชั่วช้าเป็นที่สุด

ด้วยปากและหน้าตาที่ดุร้ายของพวกเขา ในการส่วนตัวจะต้องมีคนบริสุทธิ์จำนวนไม่น้อยที่ตายในน้ำมือของพวกเขา

หมอสิบคนนั้นทั้งรอคอยการประลองฝีมือ ทั้งแปลกใจมากว่าทำไมหมอเทวดาถึงได้เลือกพวกเขา หรือว่านางมองไม่ออกว่าพวกเขาแต่ละคนล้วนอยากจะจัดการให้นางตาย?

มีคนตั้งคำถาม

“หมอเทวดา ทำไมไม่ใช่หนึ่งต่อหนึ่ง แต่เป็นต้องการสิบคน? หรือว่าเป็นการดูถูกพวกเราหรือ?”

พูดตามจริง นางรู้สึกว่าวิชาการรักษาของพวกเขาสิบคนคุณสมบัติไม่เพียงพอจริงๆ

หลานเยาเยาไม่ได้ตอบคำถามของพวกเขา แต่ได้พูดกฎเกณฑ์ในการแข่งขันไปตรงๆ

“เช่นนี้ละกัน! พวกเจ้าทุกคนไปปรุงยารักษาที่ตัวเองเชี่ยวชาญ แต่ข้าน่ะ จะใช้ยาที่ปรุงในการแข่งขันก่อนหน้านี้

กฎเกณฑ์ก็คือ เพียงแค่มีคนในพวกเจ้าทั้งสิบสามารถแยกแยะยาออกมาได้ ก็ถือว่าพวกเจ้าชนะ แต่ข้าอยากชนะพวกเจ้า ก็จำเป็นต้องเอายาทั้งหมดที่พวกเจ้าทั้งสิบคนปรุงออกมา แยกแยะทั้งหมดออกมาให้ได้ถึงจะได้”

กฎเกณฑ์เช่นนี้เห็นได้ชัดว่ามีแต่ข้อเสียไม่มีข้อที่เป็นประโยชน์ต่อหลานเยาเยาแม้สักน้อย

แน่นอนว่าบรรดาผู้คนต่างก็ดีใจ

แต่ในขณะที่ดีใจ มีคนกลับรู้สึกโกรธเคืองและไม่ยอมรับ

นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการดูถูกพวกเขานี่!

แต่ก่อนหน้านี้มีบทเรียนของชายอัปลักษณ์วัยกลางคนผู้นั้น คำเรียกขานที่พวกเขาใช้ต่อหลานเยาเยา ได้เปลี่ยนจากแม่นางเป็นหมอเทวดาแล้ว

“หมอเทวดา นี่ท่านจะดูถูกพวกเรามากเกินไปหน่อยแล้ว แม้ว่าเมื่อสักครู่หมอผู้นั้นจะมีวิชาการรักษาสูงส่ง แต่พวกเราทั้งสิบคนก็ไม่ใช่บุคคลธรรมดา”

“ปล่อยนางเหอะ! ยังไงซะกฎเกณฑ์ล้วนเป็นหมอเทวดากำหนดขึ้นมาเอง ตัวนางเองอยากหาที่ตายก็ให้นางตายสิ! หรือว่าเจ้าอยากตาย?”

“ก็ใช่ ไม่ว่าจะเพราะโอหังอวดดีก็ดี ดูถูกเหยียดหยามพวกเราจริงๆก็ชั่ง สุดท้ายกฎเกณฑ์ก็ออกมาแล้ว พวกข้าก็ยินดีที่จะเล่นเป็นเพื่อน ถึงเวลาแพ้แล้ว หมอเทวดาก็อย่าได้อับอายจนเกิดโทสะ ให้เจ้าของเรือมาหนุนหลังท่านก็พอ”

มองดูสีหน้าอารมณ์ของพวกเขาแต่ละคนล้วนอยากรู้จักนาง

หลานเยาเยาเอ่ยอย่างราบเรียบ :

“ทุกท่านวางใจ ในการแข่งขันทั้งหมดในห้องส่วนตัว ไม่ว่าเจ้าของเรือจะชอบพอใครมาก แข่งขันแพ้แล้วก็ไร้ค่า แต่ไหนแต่ไรเขาจะไม่ก้าวก่าย ความเป็นความตายเป็นดวงชะตา ร่ำรวยมีเกียรติอยู่ที่สวรรค์ พวกเจ้าสามารถเริ่มได้แล้ว”

เมื่อรู้ว่าเจ้าของเรือจะไม่ก้าวก่ายแล้ว

หมอทั้งสิบคนนั้นก็รีบหยิบกระปุกยาแล้วไปที่ชั้นวางยา

หลานเยาเยาดูอยู่เงียบๆ กระปุกยาที่ปรุงขณะที่ตัวเองประลองฝีมือกับชายอัปลักษณ์วัยกลางคน มุมปากก็ยกขึ้นเคลือบด้วยรอยยิ้มที่เย็นยะเยือก

ลูกมือที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง ในดวงตาแฝงด้วยความกังวล

เขาผู้ดูแลได้ถูกจัดให้เข้ามาช่วยเหลือหมอเทวดาเป็นการชั่วคราว ถึงจะรู้วิชาการรักษาเล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่เป็นลูกมือ

แต่เขารู้ ผู้ที่พอจะสามารถเข้ามาในสถานที่แข่งขันความเป็นตายประเภทนี้ได้ วิชาการรักษาล้วนไม่ได้แย่ และไม่ใช่คนดีอะไร

พวกเขาแต่ละคนลักษณะท่าทางลับๆล่อๆ แววตาเผยให้เห็นถึงแรงสังหาร ต้องเอาความเชี่ยวชาญที่สุดของตัวเองออกมาและปรุงยาพิษที่ยากที่สุดออกมา

จุดที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ

ยาที่ผู้โจ้เจิ้งได้ปรุงไว้เมื่อครู่ พวกเขาสิบคนก็เห็นหมดแล้ว ไม่แน่ ในนั้นจะมีคนที่เดาออกแล้วก็ได้

ด้วยเหตุนี้!

ลูกมือก้าวขึ้นไปข้างหน้า คิดอยากพูดเตือน

“หมอเทวดา……”

เพียงแต่เพิ่งได้เอ่ยเพียงสองคำ หลานเยาเยาก็โบกมือให้เขา

“พวกเขาชนะข้าไม่ได้”

ผู้โจ้เจิ้งพูดเช่นนี้แล้ว ถึงแม้ว่าลูกมือจะเป็นห่วงก็ไม่พูดอะไรอีก แต่ถอยหลังไปอยู่นิ่งๆอยู่ตรงนั้น

เมื่อถึงเวลาที่กำหนดแล้ว

ด้านหน้าของหลานเยาเยาวางกระปุกยาไว้กระปุกหนึ่ง แต่นางเผชิญหน้ากับกระปุกยาสิบกระปุกของหมอสิบคนที่อยู่ด้านหน้า

หลานเยาเยาเอ่ยขึ้นก่อน

“เป็นพวกเจ้าเริ่มก่อนหรือข้าเริ่มก่อนล่ะ?”

ถึงอย่างไรก็แล้วแต่นางก็ได้ทั้งนั้น

มีท่านระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บเป็นที่พึ่ง นางก็ไม่กลัวอะไรแล้ว ดังนั้นนางให้พวกเขาเลือก

หมอหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น :

“แม้ว่าจะรู้ว่าเจ้ามีความสามารถแค่ไหน แต่ไม่ว่าจะเป็นโชคชะตาหรือความสามารถที่แท้จริง เจ้าก็ไม่สามารถที่จะชนะพวกเราทั้งสิบคนได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ สู้ให้ก็ให้หมอเทวดาเริ่มก่อนดีกว่า!”

“ได้!”

หลานเยาเยาก็ไม่คิดจะถกเถียงกับพวกเขา ในเมื่อพวกเขาให้นางเริ่มก่อน เช่นนั้นนางเริ่มก็ได้

ด้วยเหตุนี้นางจากซ้ายไปขวา เริ่มหยิบกระปุกยา มีบ้าง ที่นางเพียงเปิดออกเล็กน้อย จากนั้นก็ดมเบาๆ ก็พูดส่วนผสมของตัวยาออกมาอย่างคล่องแคล่วว่องไว

ที่ค่อนข้างธรรมดา แม้กระทั่งส่วนผสมนางก็ขี้เกียจจะเอ่ยออกมา พูดชื่อยาไปโดยตรงก็ได้แล้ว จนถึงยากระปุกสุดท้ายถูกนางดมและพูดออกแล้ว

คนที่ดูอยู่ก็ตกตะลึงเป็นที่สุด และหมอทั้งสิบคนที่แข่งขันก็ตกตะลึงยกใหญ่จนหน้าถอดสี

ตั้งแต่หลังจากที่หลานเยาเยาเริ่มทายยาที่ปรุงขึ้นของสองสามคนแรกถูกหมด สีหน้าของพวกเขาก็ค่อยๆดูไม่ได้ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ต่อด้วยสั่นเทาขึ้นมา

สุดท้ายเมื่อหลานเยาเยาวางยากระปุกสุดท้ายลง แล้วพูดกับพวกเขา :

“ถึงตาพวกท่านแล้ว”

ในน้ำเสียงที่เย็นชา กลับแผ่กระจายไปด้วยความเย็นยะเยือก

ในหูของหมอทั้งสิบคนน้ำเสียงที่น่าฟังของนางกลับเหมือนดั่งมนต์คาถาที่เร่งเอาชีวิตเช่นนั้น บีบคั้นหัวใจพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้หัวใจของพวกเขาเริ่มเย็นลงทีละคืบทีละคืบ

คิดไม่ถึง……

บนโลกนี้ยังจะมีบุคคลที่เก่งกาจเช่นนี้อยู่จริง สามารถพูดยาทั้งหมดที่พวกเขาปรุงออกมาได้ทั้งหมดอย่าเหลือเชื่อ

อีกทั้งพวกเขาปรุงทั้งหมดเป็นยาพิษ แต่สำหรับหมอเทวดาแล้ว กลับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย หรือว่าพิษใดใดก็ไม่สามารถทำร้ายนางได้แล้วงั้นหรือ?

นี่จะสามารถเป็นไปได้อย่างไร?

หลานเยาเยามองดูพวกคนหนึ่งคนสองคนที่ล้วนลังเลไม่ออกมาข้างหน้า หัวเราะเบาๆแล้วเอ่ย :

“ยาพิษที่ทุกท่านได้ปรุงเมื่อครู่ ต้องการที่จะฆ่าข้าให้ตาย แต่ว่า พวกท่านไม่ต้องกลัว

เมื่อครู่พวกท่านก็ได้เห็นแล้ว หมอท่านนั้นที่ได้ประลองฝีมือกับข้าก่อนหน้านี้ หลังจากที่แพ้การแข่งขัน ข้าก็เพียงให้เขาไปอาบน้ำในทะเลสาบเท่านั้น หรือว่าพวกท่านยังไม่วางใจอีกหรือ?”

เฮ้อ!

เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าล้วนมีอำนาจบาตรใหญ่หรอกหรือ?

ตอนนี้แย่งกันเป็นเต่าหดหัวไปหมด น่าเบื่อชะมัด!

หลังจากที่ได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ หมอทั้งหมดจึงตระหนักได้

ถูกต้อง!

เมื่อครู่คนผู้นั้นที่ได้ประลองฝีมือกับหมอเทวดาพูดจาสามหาวก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร หากว่าพวกเราดมไม่ออก อย่างมากก็แค่ไปว่ายน้ำในทะเลสาบเท่านั้น

กลัวอะไร?

แม้ว่าจะแอบหัวเราะเยาะหมอเทวดาว่าเป็นผู้หญิงที่มีศีลธรรม ทำได้เพียงใจอ่อน แต่ผิวเผินกลับทำเป็นวางมาด

ในไม่ช้าก็มีคนขึ้นมาด้านหน้า หยิบกระปุกยาที่หลานเยาเยาปรุง ดมแล้วก็ดมอีก ดูแล้วก็ดูอีก พูดออกมาได้เพียงชื่อวัสดุปรุงยาที่เป็นส่วนผสมแค่หนึ่งชนิด อีกทั้งยังพูดผิดอีก

คนที่หนึ่งพ่ายแพ้

จากนั้นที่เหลืออีกเก้าคนก็รีบทยอยกันขึ้นมาด้านหน้าทันที ดมไปพลางดูไปพลาง

ในพวกเขากลับมีคนที่มีวิชาการรักษาสูงอยู่จริง แต่กลับดมวัสดุยาที่เป็นส่วนผสมออกมาได้เพียงสองสามอย่าง

ไม่มีสักคนที่สามารถตอบได้ถูกหมด ถึงแม้ว่าจะเอาคำตอบทั้งหมดของชื่อวัสดุปรุงยาที่พวกเขาทั้งสิบคนเดาออกมาได้มารวมกันทั้งหมด ก็ไม่ได้ตอบถูกทั้งหมด

คราวนี้

สีหน้าของพวกเขาทั้งสิบคนซีดเผือดไร้ที่เปรียบ ทำได้เพียงมองดูผู้หญิงที่อายุสิบแปดสิบเก้าปีที่อยู่ด้านหน้าผู้นี้นิ่งๆ

“ท่าน ที่ท่านปรุงนี้คืออะไร? ทำไมถึงได้ทายยากเช่นนี้? ท่านได้เอาของที่ไม่ใช่วัสดุปรุงยาเพิ่มเข้าไปใช่หรือไม่?

หากไม่เช่นนั้น ทำไมพวกเราทั้งหมดถึงเดาไม่ออก?”

เหอะ!

เดาไม่ออกยังจะโทษใครได้อีก?

ทำได้เพียงโทษตัวพวกเขาเองที่วิชาการรักษาไม่ล้ำเลิศ!

แต่ว่า มีคนกลับยังก่อกวนไม่หยุด : “เพื่อยืนยันว่าท่านไม่ได้เพิ่มเติมสิ่งของที่ไม่ใช่วัสดุปรุงยา ท่านจำเป็นต้องรายงานออกมาว่าท่านใช้วัสดุปรุงยากี่ชนิด แยกออกมาเป็นประเภทไหนบ้าง?

ดีที่สุดให้ปรุงใหม่อีกครั้งในสถานที่แข่งขัน ให้พวกเราเห็น ไม่เช่นนั้น พวกเราไม่ยอมรับ ยังมีเหตุผลเชื่อว่าท่านได้เพิ่มเติมของสิ่งอื่น ทำลายกฎ ท่านก็จำเป็นต้องรับการลงโทษ”

และการลงโทษก็คือวางยาพิษนางให้ตายทั้งเป็น

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท