หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 432 จะระเบิดอารมณ์แล้ว

บทที่ 432 จะระเบิดอารมณ์แล้ว

บทที่ 432 จะระเบิดอารมณ์แล้ว

ยังมีเวลาอีกยี่สิบวัน ถ้ายังไม่รู้แผนชัดเจน การไปสนามรบครั้งนี้ พวกเขาอาจจะไม่ได้กลับมา……

“ไม่ต้องไปคิดแล้ว เยาเยา เรื่องนี้ให้ข้าตรวจสอบ เจ้าทำตามแผนของข้าไปก็พอแล้ว”

ที่จริง การมีเย่แจ๋หยิ่งอยู่ เรื่องหลายๆเรื่องก็ไม่ต้องให้นางมาเป็นกังวล

นางแค่ต้องทำเรื่องของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว

“ได้!” หลานเยาเยายิ้ม

หลังจากนั้นพวกเขาก็พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสวนว่างฮัว

แม้เย่แจ๋หยิ่งจะสืบมาได้ว่า ในสวนว่างฮัวมีหนอนพิษกู่จิ้นที่ราชครูเทียนเวิงเพาะอยู่ แต่ไม่ได้สืบให้ละเอียดว่าปลูกที่ไหน สิ่งนี้ต้องการให้หลานเยาเยาหลังจากที่เข้าไปในสวนว่างฮัวได้แล้ว ก็ไปสืบหาดู

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่

เย่แจ๋หยิ่งนอนตะแคงมองหลานเยาเยาที่หลับไปแล้ว ใจก็เต้นเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปสัมผัสริมฝีปากแดงร้อนแรง จากนั้นก็ถูเบาๆ

นุ่มๆ อุ่นๆ ทำให้อดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเย่แจ๋หยิ่ง

เมื่อครู่พูดว่าจะแค่นอนกอดนาง เขาจะไม่ทำอะไรที่เกินเลยแน่ แต่ว่า การลิ้มรสริมฝีปากที่น่าดึงดูด คงไม่นับว่าเป็นการได้คืบจะเอาศอกใช่ไหม?

นึกถึงแต่ก่อนตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน หลานเยาเยามีท่าทางมีอารมณ์ต่อหน้าเขา เย่แจ๋หยิ่งก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ จากนั้นก็เข้าไปจูบริมฝีปากงามหยดย้อย ความรู้สึกซาบซ่านก็แผ่ไปทั่วทั้งร่างกาย หลังจากที่จูบลงไปแล้ว เย่แจ๋หยิ่งก็ไม่สามารถควบคุมได้อีก······

——

วันที่สอง

แม้นอกห้องบรรทมดวงอาทิตย์จะสาดส่องสดใส แต่ในห้องบรรทมยังมืดสลัวอยู่ หลานเยาเยาบิดขี้เกียจอย่างสบาย ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แต่กลับรู้สึกว่าปากนั้นดูหนาๆ จึงขยับเล็กน้อยดูเหมือนจะเจ็บหน่อยๆ ดังนั้นนางจึงยื่นมือไปแตะปาก

เออ?

บวมหรอ?!

ปฏิกิริยาโต้ตอบคือมองร่างกายตนเองตามสัญชาตญาณ

“······”

เสื้อด้านในนางหายไปแล้ว เหลือเพียงแต่เสื้อชั้นในหลวมๆอยู่บนตัว ประเด็นหลักก็คือ ทั้งตัวบนล่างมีแต่รอยจูบน่าสยดสยอง

“อ๊าก······”

เสียงร้องของนางนั้นทำเอานกที่เกาะอยู่ในตำหนักเทพธิดาตกใจบินไปหมด

เย่แจ๋หยิ่ง คนโกหก ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรนางไง? ดูเรื่องที่เขาทำไว้สิ น่าโมโหนัก ครั้งหน้าหากเจอเขาจะต้องเอาคืนทั้งต้นทั้งดอก

ขณะนั้นเอง

“ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง······”

เสียงทุบประตูแรงๆดังขึ้นมา หลานเยาเยาตกใจ โมโหไม่มีที่ระบายพอดี จึงคำรามออกไป: “ใคร?”

จู่ๆนอกห้องบรรทมก็เงียบไปสักพัก จากนั้นถึงจะมีเสียงดังขึ้นมา

“คุณหนู ที่แท้ท่านก็ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? เมื่อครู่ตะโกนเรียกท่านไปหลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบ คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น นี่จื่อเฟิงกำลังทุบประตูเอง!” จื่อซีที่อยู่ด้านนอก หยุดการกระทำยกเท้าเตะประตู ปาดเหงื่อไปพร้อมๆกับรายงานเหตุที่เตะประตู

จื่อเฟิงที่เดิมทีอยู่ในมุมมืด พอได้ยินจื่อซีปรักปรำเขา ก็รีบแฉลบตัวมาอยู่ด้านหลังของจื่อซี และเตะเขาเสียงดัง “ปัง” ทำเอาจื่อซีติดอยู่กับประตู

“พวกเจ้าด้านนอกเป็นอะไร?” เสียงของหลานเยาเยาดังมาจากด้านใน

จื่อซีที่มองเห็นดาว เว้นไปครู่นึงถึงจะพูดออกมาได้: “ไม่ ไม่เป็นอะไร”

เขาไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของตนเอง นี่เป็นการพังทลายหรือเปล่านะ?

——

ผ่านไปอีกสองวัน เป็นวันที่ถังมู่หวั่นจัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ที่สวนว่างฮัว คุณหนู ท่านชาย และพวกมีชื่อเสียงมีความสามารถของแต่ละตำหนัก ก็ทยอยกันมายังสวนว่างฮัว

และในมือของหลานเยาเยา ก็ได้รับจดหมายเชิญของถังมู่หวั่นสามฉบับ ทั้งหมดเพื่อเป็นการขอโทษ จดกระทั่งจดหมายเชิญฉบับที่สี่มาถึงเมื่อวาน หลานเยาเยาถึงสั่งให้จื่อซีตอบกลับ ว่าจะไปร่วมงานตรงเวลาแน่นอน

ในช่วงเวลานี้

เซียวจิ่นหยูมายังตำหนักเทพธิดาครั้งหนึ่ง ประการแรกเพื่อขอโทษ ประการที่สอง เอาของมาให้เพื่อแสดงความซาบซึ้งใจ แต่เพราะหลานเยาเยาไม่อยู่ตำหนัก ดังนั้นจึงต้องให้พ่อบ้านต้อนรับ

วันที่สอง เจ้าพระยาเซียวยังมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเอง ก็ยังคงไม่เห็นร่องรอยของนาง แต่ได้พูดคุยกับตาแก่ที่เป็นพ่อบ้านอย่างสนุกสนาน

สำหรับเรื่องเล็กๆพวกนี้ หลานเยาเยาไม่ได้ถาม แต่จื่อเฟิงก็ยังมารายงานนางอย่างละเอียดยิบ

ในตอนที่หลานเยาเยากลับยังตำหนัก ก็เห็นตาแก่กำลังส่งเจ้าพระยาเซียวออกนอกประตูตำหนักพอดี

ทันทีที่เห็นนาง ตาแก่ก็ทำท่าทางเหมือนกับไก่แก่ที่โมโห ไม่พูดจาอะไร ถกแขนเสื้อขึ้นและพุ่งมาทางนาง

หลานเยาเยาเห็นท่าไม่ดี

ไม่สนใจภาพลักษณ์ของเทพธิดาอีก รีบวิ่งอย่างสุดฝีเท้า

“ยัยหนู หยุดเลยนะ ดูสิวันนี้เจ้าจะวิ่งไปไหน?”

“ตาแก่ ยังมีแขกอยู่นะ······”

“เฮอะ! จับเจ้าก่อนแล้วค่อยส่งแขกก็เหมือนกัน”ตาแก่ไม่สนอะไรมากมายแล้ว วันนี้จะต้องจับหลานเยาเยามาให้ได้

เจ้าพระยาเซียวที่เป็นแขกอยู่ เมื่อเห็นเทพธิดาถูกพ่อบ้านไล่จับไปทั่วตำหนัก ก็ตกตะลึง

นี่คือเทพธิดาที่ฮ่องเต้เคารพยำเกรง และยังกล้าตั้งตนเป็นศัตรูกับอ๋องเย่อย่างโจ่งแจ้งหรือนี่?

ต่อมาตาแก่นั้นโกรธจริงๆ ส่วนหลานเยาเยาก็หิวมากๆ จึงถูกเขาจับไว้ได้

ในเมื่อไม่มีทางเลี่ยงแล้ว

หลานเยาเยาจึงพูดความจริงที่นางลอบสังหารอ๋องเย่ออกมา ทำให้ตาแก่ถอนหายใจอย่างโล่งอก

หลังจากนั้นก็มาส่งเจ้าพระยาเซียวที่ปากประตู หลานเยาเยาก็กลับมาอยู่ในภาพลักษณ์ที่สูงส่งของเทพธิดา ส่วนตาแก่ก็กลับมาทำท่าทางเคารพอ่อนน้อมต่อเทพธิดาเช่นเคย

นอกจากเจ้าพระยาเซียวจะกลั้นยิ้มแล้วก็ต้องฝืนยิ้มเอาไว้ ทำให้หลานเยาเยาอารมณ์เสีย จ้องตาแก่ดุๆ

ภาพลักษณ์เทพธิดาของนางพังลงแล้ว······

——

หลังจากนั้นสองวัน

เป็นวันที่ถังมู่หวั่นจัดงานดอกไม้

หลานเยาเยาที่สวมชุดสีแดง ทั้งดูสะดุดตาดูมีอำนาจ ชุดที่นางสวมวันนี้ต่างจากชุดที่นางใส่ปกติเยอะมาก ไม่เพียงแต่ไม่ยุ่งยาก แต่ยังดูมีความสามารถเชี่ยวชาญ ท่าทางนั้นไม่ได้จะไปชมดอกไม้ แต่ไปเพื่อทะเลาะ

ทันทีที่ออกมาประตูใหญ่ ก็เห็นเย่หลีเฉินหน้าตาหล่อเหลา ยืนอยู่ข้างรถม้า ริมประตูตรงถนนด้านนอก จ้องมายังนาง หลังจากที่เห็นว่านางเดินออกมา มุมปากก็ประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ

จากนั้นก็คำนับนาง

“ข้าบังอาจมาก่อน ขออภัยเทพธิดาในความไม่สะดวก”

“แผลของเจ้าดีแล้วหรือ?”

ไม่เจอกันสองสามวัน เย่หลีเฉินดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นไม่เหมือนกับคนบาดเจ็บ ครั้งก่อนหลังจากที่หนีกันออกมาจากสุสานหลวง นางก็ไปส่งเขาที่บาดเจ็บหนักกลับพระตำหนักไท่จื่อ หลังจากนั้นก็ไม่กันพบอีกเลย

คิดไม่ถึงว่าวันนี้จู่ๆจะโผล่มาที่นี่

“ขอบพระคุณที่เทพธิดาเป็นห่วง ข้าดีขึ้นมากแล้ว” เย่หลีเฉินดูมีความสุขมาก

เขารู้สึกว่าตอนอยู่ที่สุสานหลวง พวกเขาฟันฝ่าความทุกข์ยากมาด้วยกัน เทพธิดาก็ไม่ได้เข้าถึงยากอย่างที่คิดไว้ กลับทำให้เขารู้สึกว่านางนั้นเป็นคนที่ให้ความรักความสำคัญกับผู้คน

เป็นห่วง?

นางไปเป็นห่วงเขาตั้งแต่เมื่อไหร่? ก็เป็นแค่การพูดตามมารยาทเท่านั้น

แต่เย่หลีเฉินในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนวันก่อน สำหรับว่าไม่เหมือนตรงไหน นางเองก็พูดไม่ได้

“มีธุระอะไร?” นางถาม

“ได้ยินมาว่าท่านจะไปงานชมดอกไม้ที่สวนว่างฮัว ข้าเองก็จะไปที่นั่น เลยถือโอกาสผ่านเส้นทางนี้มารอที่นี่ จะได้ไปด้วยกันพอดี”

หลานเยาเยายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

หากจากพระตำหนักไท่จื่อไปยังสวนว่างฮัว ใช้เวลาไม่ถึงสามสิบนาที แต่จากพระตำหนักไท่จื่อมายังตำหนักเทพธิดาของนาง แล้วก็ไปสวนว่างฮัวอีก ต้องใช้เวลาเกินสามสิบนาที นี่เรียกว่าถือโอกาสผ่านจริงหรือ?

แต่ว่า

นางก็ไม่ได้แฉเย่หลีเฉิน แต่พยักหน้าน้อยๆ

“งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ!

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท