หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 468 การมาถึงของราชครูเทียนเวิง

บทที่ 468 การมาถึงของราชครูเทียนเวิง

บทที่ 468 การมาถึงของราชครูเทียนเวิง

ต่อจากนั้นก็คือฮ่องเต้อ่านคำพูดมากมายใช้พูดโดยเฉพาะเวลาเซ่นไหว้

บลาๆๆเหมือนพระสวดมนต์ หลานเยาเยาเอาเท้าเขี่ยพื้นด้วยความเบื่อสุดๆ เคลื่อนไหวเล็กน้อย เหล่าขุนนางทหารก็ฟังจนมึนงง

แต่ก็ยังเงยหน้ามองตรงดูฮ่องเต้บนแท่นบูชา

ไม่มีคนสนใจการเคลื่อนไหวของหลานเยาเยา

เตะอยู่ครู่หนึ่ง เท้าค่อนข้างชาแล้ว อดไม่ได้ที่จะเอาสายตามองไปทางบนแท่นบูชาสูงๆ ถึงบันไดสองสามชั้นนั้น ที่อยู่บนพื้นที่ราบกว้างโล่ง ทั้งสี่ทิศล้วนวางเต็มไปด้วยกระถางธูปใหญ่เท่ากับสองคนโอบ

กระถางธูปตรงกลางแท่นบูชานั้นใหญ่ที่สุด นอกจากนั้นก็เล็กกว่านิดหน่อย

ด้านบนล้วนปักธูปที่จุดไว้ กลิ่นหอมอบอวลในอากาศ และไม่ได้ฉุนขนาดนั้น

รอจนฮ่องเต้กล่าวบทความยืดยาวเสร็จแล้ว

ฮ่องเต้ก็พยักหน้าต่อขุนนางทหารด้านล่าง กงกงผู้หนึ่งถือแส้ขนหางจามรีไว้ เดินออกมาจากที่ราบอีกทางด้านหนึ่ง ในมือถือกล่องหนึ่งกล่องที่ใส่ตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าไว้ค่อยๆเดินขึ้นไปบนแท่นบูชา

ส่งมอบถึงมือฮ่องเต้ในที่สุด

ฮ่องเต้ชูกล่องขึ้นสูงๆด้วยมือข้างหนึ่ง กำลังต้องการพูดด้วยเสียงอันดังว่าอะไร?

ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมดังมา :

“ราชครูเทียนเวิงมาถึงแล้ว!”

เมื่อสิ้นคำพูด ราชครูเทียนเวิงที่สวมชุดเหมือนจีวรนักบวชลัทธิเต๋าก็เดินเข้ามาจากประตูใหญ่ มีคนติดตามเป็นแถวด้านหลัง

ผู้ที่แต่งกายแบบเดียวกัน ก็คือผู้ใต้บังคับบัญชาของราชครูเทียนเวิง พวกเขาคุมตัวคนสี่คนตามอยู่ด้านหลังช้าๆ

สี่คนที่โดนคุมตัวล้วนชุ่มไปด้วยเลือด น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

ราชครูเทียนเวิงนำคนถืออาวุธ บุกเข้ามาที่พิธีเซ่นไหว้ใหญ่ ยังจะคุมคนที่โชกเลือดสามสี่คนมาด้วย เป็นเรื่องที่ไม่เป็นมงคลอย่างมาก

เพราะเหตุนั้น!

ฮ่องเต้ที่ยืนอยู่บนแท่นบูชาสูง หรี่ดวงตาที่ดูอันตรายลง สีหน้าไม่พอใจเป็นที่สุด

แต่ราชครูเทียนเวิงก็เหมือนกับว่ามองไม่เห็น พาคนด้านหลังมาถึงที่โล่งกว้างที่เหล่าขุนนางทหารอยู่ เหล่าขุนนางทหารรีบร้อนหลีกทางให้

ราชครูเทียนเวิงยืนนิ่งอยู่ตรงที่ราบด้านหน้าสุดของฝูงชน เขายังไม่พูดจา ฮ่องเต้ก็เดือดดาลอย่างมาก :

“ราชครูเทียนเวิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้เป็นวันอะไร?”

“กราบทูลฮ่องเต้ วันนี้เป็นพิธีเซ่นไหว้ใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”

ราชครูเทียนเวิงตอบอย่างไม่รีบร้อนและไม่ช้า เหมือนกับปกติไม่มีผิด ไม่มีความเกรงกลัวฮ่องเต้แม้แต่น้อย

“ในเมื่อรู้ว่าเป็นพิธีเซ่นไหว้ใหญ่ ท่านมาสายก็พอว่า คิดไม่ถึงว่ายังกล้าพาคนบาดเจ็บสาหัสมาด้วย เช่นนี้คือต้องการก่อความวุ่นวายแบบไหน? ก่อกบฏรึ?”

คาดโทษหนักขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็ทนไม่ได้

แต่ราชครูเทียนเวิงเป็นใครล่ะ

เขาจะกลัว?

เพียงแต่ยาฉางตานยังไม่อยู่ในมือ เขายังจำเป็นต้องใช้ประโยชน์ฮ่องเต้ผู้นี้ มิฉะนั้น เวลานี้เขาจะต้องพลิกตำแหน่งฮ่องเต้ของเขาแล้ว

ราชครูเทียนเวิงผมขาวเป็นกำ ด้วยประสบการณ์การเสแสร้ง ใครจะสามารถเทียบกับเขาได้?

ได้ยินวาจาที่เดือดดาลของฮ่องเต้ สีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา กล่าวพร้อมทำมือเคารพด้วยความยำเกรงหวั่นกลัว : “ข้าน้อยยำเกรงพ่ะย่ะค่ะ ขอฮ่องเต้โปรดอภัย เหตุผลที่ข้าน้อยมาช้า ก็เพราะเพื่อคิดถึงความปลอดภัยของฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ”

เขาชี้ไปทางมนุษย์เลือดสามสี่คนด้านหลัง ด้วยสีหน้าไม่พอใจ :

“ตอนนี้มีคนบางคนก็คือคนชั่วที่เป็นอันตราย แอบอ้างความปรารถนาการขอพรเพื่อประชาชน วางแผนการไม่เป็นผลดีต่อฮ่องเต้ ดังนั้น ข้าน้อยจับกุมพวกเขาแล้ว รีบมาคุ้มกันโดยเฉพาะพ่ะย่ะค่ะ”

คุ้มกัน?

ขอพรเพื่อประชาชน?

ปัจจุบันนี้ที่สามารถเกี่ยวข้องกับการขอพรเพื่อประชาชนได้ก็คือเทพธิดา ราชครูเทียนเวิงบอกว่ารีบมาช่วยคุ้มกัน ความหมายชัดเจนมาก นั่นก็คือเทพธิดาคิดไม่ดีต่อฮ่องเต้

“คุ้มกัน?” ฮ่องเต้จะไม่เข้าใจความหมายของเขาได้อย่างไร? แต่เขาก็ตะโกนเสียงดังทันที ไม่พอใจเป็นอย่างมาก : “เจ้ายังรู้จักคุ้มกัน? เจ้านำคนมากลุ่มหนึ่ง แต่ละผู้มือถือมีดคม ยังจะคุมตัวคนที่เต็มไปด้วยเลือดสามสี่คนอีก เช่นนี้คือไม่ได้เห็นพิธีเซ่นไหว้ใหญ่อยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง ยิ่งไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา จะบอกว่าคุ้มกันอะไร?”

เดิมทีฮ่องเต้ให้ความสำคัญต่อราชครูเทียนเวิงมาก และเชื่อใจมาก

อย่างไรเสีย!

ยาลูกกลอนที่ราชครูเทียนเวิงมอบให้เหล่านั้น สรรพคุณดีมาก เขายังหวังว่าจะสามารถมีชีวิตอยู่ถึงหนึ่งร้อยปีเหมือนราชครูเทียนเวิง กระทั่งนานยิ่งกว่า

แต่ตอนนี้ยาฉางตานปรากฏขึ้น และกำลังใกล้จะออกค้นหา หากได้กินยาฉางตาน เช่นนั้นโฉมหน้าเขาก็จะไม่แก่ชราตลอดไปแล้ว ยังจะต้องการยายืดอายุเหล่านั้นของราชครูเทียนเวิงอีกหรือ?

บวกเข้ากับ หลังจากที่มีการปรากฏตัวของคนโดนมนต์ดำที่สวนว่างฮัว เขาก็เกิดความเชื่อมั่นต่อลูกชายของตัวเองเย่หลีเฉินขึ้น

สองสามเรื่องที่เย่หลีเฉินเอ่ยขึ้นโดยบังเอิญ เขาคิดลึกขึ้น เหมือนกับพบเจตนาที่ไม่ดีของราชครูเทียนเวิง

จากนั้น เขาก็ได้เกิดความสงสัยต่อราชครูเทียนเวิง

ราชครูเทียนเวิงความรู้รอบด้านเรื่องดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ ทำเรื่องใดล้วนถูกใจเขาอย่างสุดซึ้ง แต่ไหนแต่ไรไม่เคยผิดพลาดแม้สักนิด กระทั่งยอมกลั่นยาฉางตานเพื่อเขา ก็ไม่ได้ร้องขอการตอบแทนแม้แต่น้อย

ก็เพราะคนที่หาความผิดไม่ได้แม้แต่น้อย สำหรับฐานะฮ่องเต้แก่ที่เจ้าเล่ห์ เป็นเรื่องที่ไม่ดีจริงๆ

เป็นคนจะสามารถไม่ทำผิดได้เช่นไร?

และเวลานี้เห็นท่าทางเช่นนี้ของราชครู ดังนั้นจึงได้โมโหเป็นอย่างมาก

“ฮ่องเต้โปรดเย็นพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

ราชครูเทียนเวิงทำมือเคารพต่อฮ่องเต้อีกครั้ง หากว่าเป็นที่ผ่านมาเขาจะต้องคุกเข่าลงขออภัยโทษอย่างแน่นอน แต่วันนี้กลับไม่เหมือนเดิม

“ฮ่องเต้ ข้าน้อยทำเพื่อคิดถึงความปลอดภัยของฮ่องเต้จริงๆ หากว่าฮ่องเต้ไม่เชื่อ ก็ฟังข้าน้อยพูดให้จบ ถึงเวลาหากฮ่องเต้ยังอยากลงโทษ ข้าน้อยก็ไม่มีอะไรจะเอ่ยพ่ะย่ะค่ะ”

เห็นราชครูเทียนเวิงน้ำเสียงทรงพลัง สีหน้าแน่วแน่ ราวกับว่าคิดเพื่อเขาจริงๆ เขาขยับเล็กน้อย มองไปที่เหล่าขุนนางทหารครู่หนึ่ง จึงได้พยักหน้า

เห็นดังนั้น!

ดวงตาของราชครูเทียนเวิงก็มีความเยาะเย้ยที่สังเกตได้ยากฉายผ่าน

จากนั้นก็หันหลังโดยตรง เข้าไปหิ้วผู้ชายชุดสีม่วงเข้มแต่ทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด หิ้วเขาเดินขึ้นไปทางแท่นบูชาทีละก้าวทีละก้าว

ชุดสีม่วงที่ย้อมไปด้วยเลือดนั้นเสียดแทงตาทั้งสองข้างของหลานเยาเยา

ตั้งแต่ที่ราชครูปรากฏตัว นางก็เห็นมนุษย์เลือดสามสี่คนนั้น เพียงแค่แวบเดียว นางก็รู้ว่าพวกเขาเป็นใครแล้ว

สวมชุดสีม่วง ถูกราชครูเทียนเวิงพาขึ้นไปบนแท่นบูชาก็คือหานแส ที่เหลือคนอื่นๆก็คือผู้ดูแลเรือแห่งความสิ้นหวัง แบ่งเป็นป่ายเม่ยเซิง ซาหมั่นเฉิงยังมีโจ๋จุนชิง

พวกเขาทั้งหมดมีบาดแผลนับไม่ถ้วน ทั้งร่างเป็นเลือด เห็นความเคราะห์ร้ายของเรือแห่งความสิ้นหวังได้ชัด เกรงว่าได้ถูกทำลายแล้ว

ที่แท้สองสามวันนี้ที่ราชครูไม่มาวุ่นวายกับนาง ที่แท้ก็คือรอนางในวันนี้!

นางจำเป็นต้องมั่นคง จะว้าวุ่นไม่ได้

มองดูราชครูเทียนเวิงในมนุษย์เลือดสี่คน ผู้ที่ไม่เหมือนผู้อื่นที่สุด เหล่าขุนนางทหารกระซิบกระซาบกันในชั่วพริบตา

นี่เพียงแค่มองก็ไม่ใช่คนธรรมดา!

ฮ่องเต้หรี่ตาลงและเหลือบมองอีกครั้ง ความสงสัยในใจหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ

ราชครูเทียนเวิงก็ไม่รีบร้อนอธิบาย แต่เดินไปถึงบนแท่นบูชา วางชายชุดคลุมสีม่วงไว้ด้านหน้า หลังจากให้ฝูงชนเห็นชัดเจนแล้ว

จึงค่อยๆเอ่ย :

“ฮ่องเต้ คนผู้นี้เรียกตัวเองว่าคุณชายหานแส สนิทสนมกับองค์ชายรัชทายาทเป็นอย่างมาก ข้าน้อยเคยตรวจสอบตัวตนของเขา กลับตรวจสอบไม่ได้ ราวกับว่าเขาปรากฏขึ้นในอากาศเช่นนั้น

ว่ากันว่าเขาก็คือเมื่อไม่กี่วันก่อน ใช้ฐานะเพื่อนเก่าขององค์ชายรัชทายาทเข้าไปที่งานชมดอกไม้ที่ถังมู่หวั่นลูกสาวของถังเฉิงเสี้ยงจัดตั้ง ก็คือวันนั้นที่คนโดนมนต์ดำปรากฏตัว

จากนั้นคุณชายหานแสผู้นี้ยังได้สังหารคนโดนมนต์ดำพร้อมกับเทพธิดา คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนในเมืองหลวง ตั้งแต่นั้นชื่อเสียงของคุณชายหานแสก็ดังสะเทือน แต่กลับปรากฏตัวต่อหน้าคนบนโลกน้อยมาก บรรดาผู้คนล้วนกล่าวว่าคุณชายหานแสถ่อมตนสงวนท่าทีไม่โอ้อวดพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นเจ้าจับเขาทำไม?”

ในเมื่อสามารถหยุดยั้งคนโดนมนต์ดำพร้อมกับเทพธิดาได้ คิดว่าต้องมีความสามารถอยู่ ถ่อมตนไม่โอ้อวดไม่ดีหรอกหรือ?

หรือว่าคนผู้นี้เคยล่วงเกินราชครูเทียนเวิง?

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท