หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 463 ตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าวางไว้ที่ไหน

บทที่ 463 ตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าวางไว้ที่ไหน

บทที่ 463 ตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าวางไว้ที่ไหน

โหลวเย่วดีอกดีใจขึ้นมาในทันใด แต่ดีใจยังไม่ถึงสองสามวินาที ทั้งใบหน้าก็ละห้อยลงมาในพริบตา

“แต่ข้าได้ยินว่า เขาพาผู้หญิงผู้หนึ่งกลับไปที่จวนตอนกลางดึก ยังจะให้ผู้หญิงผู้นั้นอยู่ที่จวนคืนหนึ่ง หากไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาชอบ จะพาคนอื่นเขาเข้าบ้านได้อย่างไรล่ะ?”

โหลวเย่วมักจะใส่ใจกับความเคลื่อนไหวของจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์เสมอ ดังนั้นนางก็รู้จักคนใช้ของจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์หนึ่งสองคน เรื่องเซียวซื่อจื่อพาผู้หญิงกลับมาอาศัยที่จวนคืนหนึ่ง นางก็รู้มาจากปากของคนใช้ นางกลัดกลุ้มใจเพราะเรื่องนี้มาระยะหนึ่ง

ยังคิดว่าเป็นเซียวซื่อจื่อมีผู้หญิงที่ใจหมายปองแล้ว

ดังนั้นนางรู้สึกว่าตัวเองควรสละสิทธิ์

ได้ยินดังนั้น

หลานเยาเยาก็หรี่ตาลงในพริบตา

เรื่องเช่นนี้สามารถแพร่ออกมาได้ จวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์ก็ชั่งเก็บความลับไว้ไม่อยู่ไปแล้ว?

ช่างเถอะ คิดเล็กคิดน้อยมากขนาดนั้นทำไม?

ยังไงซะ เรื่องของเซียวจิ่นหยูก็ไม่ได้ทำให้เกิดคลื่นใหญ่อะไร คนอื่นก็คงไม่ไปสืบอะไร?

ถึงเวลาโหลวเย่ว……

“ทำไมเจ้าต้องสนใจความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเขาขนาดนี้?”

คำพูดได้เอ่ยถึงขั้นนี้แล้ว หลานเยาเยาเหมือนกับว่าจะเข้าใจความรู้สึกของโหลวเย่วแล้ว ด้วยเหตุนี้รีบมองสีหน้าของโหลวเย่วทันที พบว่าบนแก้มของนางเริ่มย้อมเป็นสีแดงระเรื่อ จึงได้มั่นใจยิ่งขึ้นว่าโหลวเย่วชอบเซียวจิ่นหยู

ถามด้วยความตะลึงว่า : “เจ้าชอบเขามาก ต้องเป็นเขาเท่านั้นหรือ?”

เมื่อคำพูดนี้โพล่งออกไป!

ใบหน้าของโหลวเย่วก็แดงก่ำขึ้นมาทันที แม้แต่หูก็เป็นสีแดงระเรื่อ

“ไม่มี ใครบอก ท่านอย่าพูดมั่วซั่ว ข้าชอบเขา อยากเห็นเขาทุกเวลา เช่นนี้ก็รู้สึกว่ามีความสุขมาก”

เมื่อนึกถึงท่าทางของเซียวซื่อจื่อที่กิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยน แววตาของนางก็อ่อนโยนขึ้นมา บนใบหน้าก็ปริยิ้มขึ้น

มองดูโหลวเย่วที่ท่าทีตื่นเต้น

หลานเยาเยาเชอะเสียงหนึ่ง : “ยังไม่มี ข้าเห็นเจ้าเริ่มมีความรัก ชอบคนอื่นเขาแล้ว และยังคิดมาเป็นเวลานาน จนแทบจะเป็นโรคไข้ใจแล้ว”

ภายใต้คำพูดที่แน่วแน่ของนาง

โหลวเย่วก็ไม่ปฏิเสธแล้ว นางเพียงแค่ก้มศีรษะลงเงียบๆ ในใจงุนงงเล็กน้อย เงียบอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวน้ำเสียงบางๆเหมือนยุง :

“เหมือนองค์หญิงเช่นนี้อย่างข้า ไร้อำนาจไร้อิทธิพล มีชื่อเสียงแค่ในนาม เขาคงไม่ชอบ ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยสนใจข้า แม้ว่าจะมีเวลาที่อยู่ต่อหน้า เขาก็เพียงแค่ทำความเคารพข้าอย่างนอบน้อมเท่านั้น ไม่เคยมีเงาของตัวเองในสายตาตั้งแต่เริ่มจบ”

แต่คนที่เป็นเช่นนี้ กลับทำให้ใจเอนไป เฝ้ารอด้วยความคิดถึง

ทั้งที่รู้ว่าในตาเขาไม่มีนาง นางก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ

“โหลวเย่ว พูดความจริงกับเจ้าประโยคหนึ่ง เจ้าอย่าคิดมาก ความจริงข้ารู้สึกว่าเจ้ากับเซียวจิ่นหยูไม่เหมาะสมกัน

แน่นอน นี่เป็นเพียงข้าเองที่รู้สึก คนควรจะหาผู้ที่ชอบตัวเองและคนที่ตัวเองชอบอยู่ด้วยกัน ถ้าฝืนแล้ว บางทีอยู่ด้วยกันแล้วก็ไม่แน่ว่าจะมีความสุข”

แต่ความรักมีอะไรอีกล่ะ?

มีกี่คนบนโลกนี้ที่จะพอเข้าใจได้?

ในสมัยโบราณนี้ ผู้ชายผู้หญิงให้ความสำคัญกับฐานะทางบ้านที่เหมาะสม และต้องมีคำสั่งของบิดามารดาในการตกลงแต่งงาน ก่อนหน้าที่คนส่วนใหญ่จะแต่งงาน แม้แต่หน้าตาของฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้เห็น จะชอบกันได้อย่างไร?

“เฮ้อ……”

“ทำไมแม้ท่านก็พูดเช่นนี้?”

โหลวเย่วถอนหายใจ แววตาเศร้าหมอง

วันนี้ หลังจากที่เสด็จอารู้ว่านางกำลังสืบถามข่าวคราวของเซียวซื่อจื่อ พูดเรื่องที่นางชอบเซียวซื่อจื่อออกมาอย่างไร้เยื่อใย

จากนั้นก็พูดกับนางอย่างเย็นชาว่า นางไม่เหมาะสมกับเซียวซื่อจื่อ ยังบอกว่าความรู้สึกที่นางมีต่อเซียวซื่อจื่อเป็นแค่ความสนิทสนม เป็นความสนิทสนมเหมือนพี่เหมือนบิดาเช่นนั้น และให้นางตัดใจ

นางรู้สึกว่าเสด็จอาชั่งบ้าอำนาจ ชั่งไม่เข้าใจนาง

ดังนั้นนางจึงได้วิ่งออกมาที่นี่กินอาหารมื้อใหญ่ กลับคิดไม่ถึงว่าพบกับเทพธิดา

คิดไม่ถึงว่านางแค่ถาม เทพธิดาก็เดาความรู้สึกนึกคิดของตัวเองออก และคิดไม่ถึงว่านางจะพูดเหมือนกับเสด็จอา

นางกับเซียวซื่อจื่อไม่เหมาะสมกันจริงหรือ?

บางทีพวกเขาอาจพูดถูก

แต่ว่า คนที่เลื่อมใสศรัทธามาตั้งนานขนาดนั้น ให้ตัวเองปล่อยวางทันที นางยังทำใจไม่ได้จริงๆ

ทันใดนั้นตรงถนนสายหลักก็มีเสียงตะโกนดังเอะอะขึ้น เหล่าขุนนางทหารเริ่มตะโกนเสียงดังสืบหาคนโดนมนต์ดำทั่วทุกที่บนถนน

พวกเขาเป็นองครักษ์วังหลวงที่ซื่อสัตย์ต่อฮ่องเต้ เวลานี้ปรากฏตัวที่นี่ ไม่มีคนรู้สึกว่าแปลกประหลาด

ถึงอย่างไร!

ตั้งแต่วันที่คนโดนมนต์ดำปรากฏตัวขึ้นที่สวนว่างฮัวเป็นต้นมา หลังจากนั้นทุกวัน องครักษ์วังหลวงเหล่านี้ก็ออกลาดตระเวนตรวจตามตรอกซอยถนนน้อยใหญ่ว่ามีคนโดนมนต์ดำออกมาหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกัน

แน่นอน!

องครักษ์วังหลวงเหล่านี้ ยังมักจะแอบอ้างการสืบหาคนโดนมนต์ดำในการเข้ายึดทรัพย์สินของประชาชนเสมอ เพียงแต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำเกินไป เพียงแค่เห็นประโยชน์ก็รับไว้

เห็นความเคลื่อนไหวทางนั้น องครักษ์วังหลวงกลุ่มหนึ่งเพิ่งจะตรวจสอบทางนั้นเสร็จ ก็เดินมาทางถนนของกินเล่นทางนี้แล้ว

ในใจของโหลวเย่วก็กังวลทันที

หากว่าให้พวกเขาเห็นว่าเทพธิดาอยู่กับนาง คาดว่าเสด็จพ่อจะต้องเรียกนางเข้าวังไปสอบถามอีกรอบเป็นแน่

นางมีความทรงจำไม่ดีกับพระราชวัง นางไม่อยากไปพระราชวัง

กำลังคิดว่า จะหลบหนีอย่างไร เมื่อหันกลับไปมองเทพธิดา กลับพบว่าข้างกายของนางว่างเปล่าไร้ผู้คน แม้แต่ขาหมูบนโต๊ะอยู่ดีๆก็หายไปด้วย

“คนล่ะ?”

หลังจากที่ยามค่ำคืนเคลื่อนคล้อยมา ก่อนที่ประตูใหญ่ของพระราชวังจะปิด เงาร่างเล็กกะทัดรัด ยืมความมืดยามค่ำคืนช่วยปิดบัง ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือแปลกๆข้ามกำแพง ข้ามเข้าไปในกำแพงพระราชวังที่สูงตระหง่านตระการตา

พระราชวังยังเป็นพระราชวังนั้น ทัศนียภาพยังเป็นทัศนียภาพเดิม

แต่บรรยากาศข้างในกลับต่างไปอย่างมาก ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน แต่ก่อนพระราชวังมีการคุ้มกันแน่นหนา แสงไฟสว่างไสว ทหารลาดตระเวนแต่ละคนท่าทางเคร่งขรึม

แต่ตอนนี้ให้ความรู้สึกค่อนข้างเหมือนสถานการณ์ที่ตึงเครียดพร้อมสู้รบ แม้องครักษ์วังหลวงที่ลาดตระเวนก็เพิ่มขึ้นมามากกว่าหนึ่งเท่า สิบก้าวเป็นหนึ่งป้อมยามอย่างแท้จริง ห้าก้าวคุ้มกัน พกดาบแหลมคมที่เอว เท้าสวมรองเท้าบูตหนังกวางยาว ราวกับว่าในพระราชวังล้วนเต็มไปด้วยทหารป้องกันเข้มงวด

ดีที่วิชาตัวเบาของหลานเยาเยาไม่เลว

บวกกับเคยมาแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้นนับว่านางยังมีความคุ้นเคยต่อพระราชวัง

เพราะครั้งแรกที่กระโดดเข้าพระราชวัง นางก็ได้ทำความเข้าใจกับพระราชวังอย่างละเอียดแล้ว ดังนั้นเข้ามาครั้งนี้ ยังถือว่าค่อนข้างราบรื่น

ก่อนหน้านี้ เมื่อตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าเพิ่งจะตกอยู่ในมือ ฮ่องเต้รับสั่งให้คนเฝ้าดูแลโดยเฉพาะ

ด้วยเหตุนี้นางเพิ่มความรวดเร็ว เหาะไปทางสถานที่เก็บวางตราราชลัญจกรหยก เงาร่างหนึ่งพาดผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน หายไปในที่มืด

มาถึงสถานที่เก็บวางตราราชลัญจกรหยกโดยเฉพาะอย่างรวดเร็ว ที่นี่ก็มีองครักษ์วังหลวงเฝ้ารักษา

คนยังมากมายกว่าปกติ

ตราราชลัญจกรหยกของฮ่องเต้มีหลายชิ้น ที่สำคัญที่สุดคือตราราชลัญจกรหยกตราราชลัญจกรหยก

สารที่ได้รับก่อนหน้านี้ ฮ่องเต้ยังคงให้ขันทีที่ดูแลนักโทษดูแลสถานที่แห่งนี้

นางใช้ควันที่ทำให้คนสลบทำให้องครักษ์วังหลวงที่เฝ้าหน้าประตูสองกลุ่มสลบไป เข้าไปหาดูรอบหนึ่ง หาตราราชลัญจกรหยกเจอมากมาย

แต่ล้วนไม่ใช่ตราราชลัญจกรหยกตราราชลัญจกรหยก ดังนั้นนางไม่มีเวลาว่างจะแตะต้อง

เพราะนางรู้ สถานที่วางตราราชลัญจกรหยกทุกชิ้นล้วนติดตั้งอาวุธลับแห่งกลไก มีเพียงคนที่สัมผัสตราราชลัญจกรหยกโดยเฉพาะเท่านั้นจึงจะสามารถพอรู้ได้ว่ากลไกอยู่ที่ไหน

แทบจะพลิกแผ่นดินที่นี่ขึ้นฟ้า ก็ยังหาเบาะแสของตราราชลัญจกรหยกไม่พบ

น่าแปลก?

ทั้งๆที่มีทหารเฝ้ารักษาหนาแน่น อีกทั้งสายรายงานก็บอกว่าตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าวางอยู่ที่นี่

หรือว่าเหล่านี้ล้วนเป็นภาพลวงตา?

ฮ่องเต้กลัวว่าจะเกิดเรื่อง ตั้งใจสร้างสถานที่วางตราราชลัญจกรหยกลวงตาแห่งนี้ขึ้น แต่ความจริงกลับแอบเคลื่อนย้ายตำแหน่งอย่างลับๆ

เมื่อคิดดังนี้

หลานเยาเยาหรี่ตาลง ตาแก่ชั่วร้ายเจ้าเล่ห์ดั่งคาด

แต่ทว่า นางยังมีวิธีที่จะหาตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าออกมาให้ได้

คอยดูเถอะ!

หลังจากออกมาแล้ว เมื่อซ่อนตัวในที่ลับ หลานเยาเยารีบวางยาถอนพิษควันที่ทำให้คนสลบทันที ไม่นาน องครักษ์วังหลวงทั้งหมดที่สลบไปก็ฟื้นขึ้นมา

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท