หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่476 ออกจากราชการกลับบ้านเกิด

บทที่476 ออกจากราชการกลับบ้านเกิด

บทที่ 476 ออกจากราชการกลับบ้านเกิด

สำหรับชายชรามีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก

สำนักหงอีถูกสร้างขึ้นมาโดยที่พวกเขาเพื่อนช่วยเหลือหลานเยาเยา เหตุใดจึงควรส่งให้ผู้อื่น แม้ว่าสำนักหงอีจะสลายไป ก็ไม่สามารถเอาเปรียบคนอื่นได้

“พวกเจ้าชายชราเหล่านี้ยังมีตาเฒ่าเย่น แล้วยังมีองค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าอีกล่ะ?” พวกเจ้าจำศีลอยู่นานอย่างนั้น ไม่อยากกอบกู้ราชวงศ์เก่าหรือ?” หลานเยาเยาไม่รู้ว่าคิดถึงใคร เลยนิ่งไปครู่หนึ่ง และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง “อันที่จริงไม่ได้มีเพียงหนทางเดียวที่จะกลับไปกอบกู้ราชวงศ์เก่าเท่านั้น ยังสามารถ……”

เมื่อพูดถึงจุดนี้ นางก็ได้หุบปาก

นี่เป็นข้อข้องใจของราชสำนักในราชวงศ์เก่าและปัจจุบัน นางจึงไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะตัดสินใจแทนพวกเขา ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ

ทั้งสองคนพูดคุยกันในบางหัวข้อต่อ ซึ่งส่วนใหญ่เนื้อหาที่พูดคุยล้วนแต่เกี่ยวข้องกับทะเลทราย

คราวนี้ หลานเยาเยายังไม่ได้เห็นตาเฒ่าเย่นตามที่นางต้องการ

ไม่ใช่ว่าตาเฒ่าเย่นไม่ต้องการที่จะพบนาง แต่ตาเฒ่าเย่นรู้ว่าราชครูเทียนเวิงยังไม่ได้ออกไปนอกเมือง และกำลังรับมือกับเขาอย่างลับๆ จนไม่สามารถออกไปทำอะไรได้

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการนำพวกหานแสส่งออกนอกเมือง มิฉะนั้น เมื่อพวกเขาถูกพบเข้า ไม่ว่าอยู่ฝ่ายใด ก็คาดว่าพวกเขาอาจจะไม่รอด

หลังจากออกมาจากชุมชนแออัด นางก็ไปยังในทิศทางเดียวกันอย่างรวดเร็วด้วยแววตาอันแน่วแน่

……

จวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์

จวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์ในวันนี้ ไม่ได้สงบสุขอย่างที่เคยเป็น แม้ว่าในตอนกลางวันแสกๆ พวกองครักษ์สาวใช้ในจวนก็ยุ่งวุ่นวายเช่นกัน พวกเขาบางคนย้ายของ บางคนทำความสะอาดลาน

ด้านนอกประตูใหญ่ของจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์ ได้มีรถม้าขนาดใหญ่แปดคัน และพวกองครักษ์ก็ทยอยบรรจุกล่องขนาดใหญ่ลงในรถม้าอย่างต่อเนื่อง

รถม้าสองคันแรกมีไว้เฉพาะให้คนนั่ง ส่วนรถม้าที่เหลืออีกหกคันมีไว้สำหรับบรรจุกล่อง

หนึ่งในนั้นมีองครักษ์หลายคน ที่พูดคุยกันอย่างเงียบๆ ในขณะที่กำลังจัดเก็บสิ่งของ:

“เจ้าพระยาคงจะเร่งรีบ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวเดียวก็จะออกจากราชการ แล้วต้องกลับไปบ้านเกิดได้อย่างไรกันล่ะ?”

“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ เมืองหลวงในตอนนี้อยู่ในความสับสนวุ่นวาย พิธีบวงสรวงวันนั้น ฮ่องเต้ได้จับซื่อจื่อไปโดยไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ ช่างน่าอับอายชะมัด

เกือบทั้งจวนเจ้าพระยาตกอยู่ในความหายนะครั้งใหญ่ หากยังคงอยู่ที่นี่ต่อไป คงจะเกิดเรื่องขึ้นได้ต่อไปในอนาคต ฮ่องเต้จึงจับกุมผู้คนอีกครั้งอย่างแน่นอน

“ใช่ แม้ว่าเจ้าพระยาจะเป็นเจ้าพระยา แต่เขาก็ไม่ได้อยู่รับราชการ และไม่ว่าจะเรื่องอะไรในราชการ ซื่อจื่อก็ไม่มีความสนใจต่อราชการ กลับไปบ้านเกิดก็ดีแล้ว อย่างน้อยเขาก็สามารถมีชีวิตที่มั่นคงได้”

“……”

คนเหล่านั้นยังคงพูดคุยกัน และเซียวซื่อจื่อที่สุภาพและสง่างามได้เดินเข้ามา ใบหน้านิ่งขรึมลงเล็กน้อย และการแสดงออกที่เย็นชา

“จงทำหน้าที่อันพึงกระทำของตนเอง สิ่งที่ควรพูดและสิ่งที่ไม่ควรพูดก็ไม่ต้องพูดทั้งสิ้น สังคมโลกก็จะวุ่นวาย และง่ายต่อการเกิดปัญหาที่มาจากคำพูดที่ไม่เหมาะสม เมื่อถึงตอนนั้นก็จะไม่มีใครช่วยพวกเจ้าได้”

เมื่อเซียวจิ่นหยูพูดเช่นนั้น พวกองครักษ์ก็เงียบลงทันที

ซื่อจื่อในตอนนี้ หลังจากถูกฮ่องเต้จับไปอย่างกะทันหัน เมื่อกลับมาก็ได้เปลี่ยนไปมาก ไม่ได้สุภาพและสง่างามเหมือนปกติอีกต่อไป ทั้งคนตอนนี้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ทำให้ไม่กล้าที่จะมองไปตรงๆ

แม้ว่า เขาจะยังดูเหมือนลักษณะท่าทางที่อบอุ่น แต่สายตาของผู้คนก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

เซียวจิ่นหยูไม่ได้ดุด่าอะไรพวกเขาอีก แต่ก็ทำให้พวกเขาเคลื่อนตัวรวดเร็วขึ้น

ในตอนเช้า ท่านพ่อเพิ่งลาออกไปหาฮ่องเต้ว่าจะกลับไปยังบ้านเกิด ฮ่องเต้ได้พูดรั้งเอาไว้สองสามประโยค จากนั้นก็ตอบตกลง

จากนั้นขอให้พวกเขาออกไปโดยเร็ว และยังบอกอีกว่าตำหนักของจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์จะถูกยึดคืน และให้เวลาพวกเขาเพียงครึ่งวันเท่านั้น จากนั้นใบหน้าของท่าพ่อก็เขียวเต็มไปด้วยความโกรธ

และเมื่อเขาได้ทราบข่าว ก็ยิ้มอย่างเย็นชา

เป็นจริงอย่างที่คิดไว้!

ตอนนี้ฮ่องเต้ก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น ขุนนางบุ๋นบู๊จำนวนมากก็ไม่ข้องเกี่ยวแล้ว และประชาชนทั่วไปก็ไม่ยุ่งเกี่ยวแล้วเช่นกัน ในใจของเขามีเพียงยาฉางตานเท่านั้น และหลงใหลในยาฉางตานจนหมกมุ่นไปหมดแล้ว

ทันใดนั้น เงาร่างสีแดงก็แวบผ่านเข้ามา……

เซียวจิ่นหยูกะพริบตา จากนั้นหันและเดินไปยังสถานที่ที่เงาร่างได้หายลับไป

ในไม่ช้า เขาก็เดินมาสุดทางเดิน เมื่อหันกลับไปก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยอยู่หลังต้นไม้ใหญ่

คือนาง!

หลังจากพิธีบวงสรวงในวันนั้น นางก็ได้ซ่อนตัวอยู่ตลอดเวลา

เขาคิดว่าจะไปที่จวนอ๋องเย่ แต่ไม่มี เขาก็ยังรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา ว่านางอาจจะมาที่ตำหนักของเขา แต่ก็ไม่มีเช่นกัน

ไม่ต้องพูดถึงพวกฮ่องเต้เลย กลัวว่าจะเป็นตัวของอ๋องเย่เอง แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?

เซียวจิ่นหยูยิ้มเล็กน้อย และเดินไปสองสามก้าว ประโยคแรกที่เอ่ยขึ้นก็คือ:

“ข้านึกว่าเจ้าจะมาช่วยอ๋องเย่ตามหาซะอีก”

หลานเยาเยาตบฝุ่นผงบนตัวที่ไม่ได้มีอยู่บนร่างกายตั้งแต่แรก ยิ้มและพูดตามความจริง:

“เขาไม่มีเวลาดูแลตัวเอง และไม่มีกำลังคนมากพอที่จะมาช่วยข้าได้ ที่สำคัญที่สุดคือ ข้าคิดว่าเจ้ามาช่วยก็ยิ่งไม่ทำให้ใครต้องสงสัย”

เย่แจ๋หยิ่งอยู่ตรงหน้าฝ่ายค้าน แต่ราชครูเทียนเวิงก็ไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่ายๆ

สำหรับแหล่งเพาะพันธุ์ดอกกระดูกขาวของประเทศต่างๆ เขาได้จัดกำลังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว รอแค่เมื่อราชครูเทียนเวิงไปถึงทะเลทราย ก็สามารถทำลายดอกกระดูกขาวได้ทันที

“เจ้าแน่ใจว่าข้าจะช่วยเจ้าได้?”

เซียวจิ่นหยูเลิกคิ้วเล็กน้อย และมุมปากเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม เมื่อหลานเยาเยามาหาเขา ก็ไม่ได้มีความโกรธสักนิด แต่กลับรู้สึกมีความสุข

“เจ้าทำได้แน่นอน!”

นางค่อนข้างแน่ในจุดนี้ และไม่ต้องพูดถึงว่านางเคยช่วยเขาไปกี่ครั้ง เพียงแค่คิดถึงมิตรภาพระหว่างเขากับเย่แจ๋หยิ่ง เขาจะต้องช่วยแน่นอน

“เจ้ารู้จักข้าดี ไม่ต้องกังวลหรอก! อ๋องเย่ได้กล่าวทักทายไป”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขาเช่นนี้ หลานเยาเยายิ้ม นางแง้มริมฝีปากเล็กน้อย และส่ายหน้า:

“อันที่จริงข้าไม่ได้รู้จักอะไรเจ้า แต่รู้จักเย่แจ๋หยิ่ง ข้ารู้ว่า เมื่อหลานปีก่อนเจ้าเคยปรากฏตัวในที่ต่างๆ ในฐานะขององค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าตัวปลอม และเมื่อข้าได้รู้ถึงฐานะของอีกคนหนึ่ง จึงเริ่มคาดเดาได้อย่างอาจหาญ จนกระทั่งในที่สุดก็ยืนยัน

ระหว่างเจ้า โม่เหลียงเฉิน และยังมีเย่แจ๋หยิ่ง คงจะเป็นเพื่อนรักที่ไม่ยอมใครง่ายๆ สินะ! หากเย่แจ๋หยิ่งสามารถเชื่อเจ้าได้ ข้าก็เชื่อเช่นกัน”

“เจ้านี่! เพื่อเห็นแก่อ๋องเย่ เขาไม่อยู่! เอาล่ะ จะไม่พูดอะไรมาก อีกไม่นานคนของฮ่องเต้ก็จะมารับยังตำหนักไปแล้ว เจ้ามีเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง ในการคิดหาวิธีที่จะพาคนเข้ามา อย่าให้ใครดูออก”

ท่านพ่อลาออกจากราชการและกลับบ้าน ซึ่งเป็นความเห็นของเขา

ท่านพ่อไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อพิจารณาถึงวิกฤตต่างๆ นานาของสองสามวันก่อน ท่านพ่อผู้ซึ่งมีความซื่อสัตย์และกล้าหาญก็ผิดหวังอย่างเจ็บปวด

นอกจากนี้การกลับบ้านเกิดเพื่อพักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆ ก็เป็นทางเลือกที่ดีทางเลือกหนึ่ง

ขณะนี้

หลานเยาเยากอดเขาอย่างเคารพ “ขอบคุณ!”

“ไม่มีใครติดหนี้ใคร และไม่มีใครควรขอบคุณใคร ล้วนแต่เป็นเพื่อนกันทั้งสิ้น”

“อืม เจ้าพูดถูก ล้วนแต่เป็นเพื่อนกันทั้งสิ้น”

หลานเยาเยาไม่ได้ฝากอะไรไว้มาก ถามเพียงประโยคเดียวเท่านั้นก่อนออกไป:

“เจ้าพระยาเซียวรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรข้นระหว่างเจ้ากับเย่แจ๋หยิ่งไหม?”

เซียวจิ่นหยูไม่ได้ตอบ แต่ส่งยิ้มให้นางกลับเบาๆ รอยยิ้มนั้นเพียงพอที่จะอธิบายทุกอย่างได้

หลังจากนั้นไม่นาน

ขันทีที่อยู่ข้างๆ ฮ่องเต้ พาคนมารับยังตำหนักของจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์ เจ้าพระยาเซียวมองดูแผ่นป้ายของจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์อย่างนิ่งๆ และก็ถอนหายใจในที่สุด

อยู่ในสถานที่นี้เกือบทั้งชีวิต แต่กลับต้องจากไปแบบนี้ นี่มันโชคดีหรือโชคร้าย?

เซียวจิ่นหยูช่วยประคองเขาขึ้นรถม้า จากนั้นก็ขี่ม้านำขบวนไปข้างหน้า

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท