หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 501 ให้พวกเขาขี่ม้าด้วยกัน

บทที่ 501 ให้พวกเขาขี่ม้าด้วยกัน

บทที่ 501 ให้พวกเขาขี่ม้าด้วยกัน

แต่ว่า……

ที่นั่นไม่ได้เหมือนดินแดนในอุดมคติ และไม่มีบ้านช่องร่องรอยการอาศัยอยู่ผู้คน ทั้งๆที่ไม่มีหมู่บ้านแล้ว บ้างช่องได้พังทลายตั้งนานแล้ว นอกจากมีโครงกระดูกสีขาวเป็นกองๆรอบๆต้นไม้เก่าแก่ที่แห้งเหี่ยว ก็เหลือเพียงปากของบ่อน้ำเก่าแก่ที่เกือบจะถูกทรายสีเหลือทับถม

ได้ยินดังนั้น!

หลังของหลานเยาเยาเย็นวาบ ผุดขึ้นยืนทันใด สีหน้ายิ่งเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ

“เจ้าบอกว่าอะไร? ต้นไม่เก่าแก่ที่แห้งเหี่ยว? ยังมีกระดูกสีขาวเป็นกองๆอีก?”

จื่อซียิ่งพูด หลานเยาเยายิ่งรู้สึกอันตรายขึ้นเรื่อยๆ นางแทบจะรู้สึกว่าตัวเองเจอผีแล้ว

ไม่เพียงแต่ส่ายหัว

นี่เป็นไปได้เช่นไร?

ทั้งๆที่เป็นหมู่บ้านที่โบราณที่สุดในโลก หัวหน้าหมู่บ้านที่แก่ชราผู้นั้น ท่านทวด รวมถึงใบหน้าของชาวบ้านทุกคน นางก็สามารถจดจำได้อย่างละเอียดทั้งหมด

โดยเฉพาะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนั้นที่สูงใหญ่ลำต้นตรงงดงามต้นเดียวกลางหมู่บ้านฝันฮั๋ว ยังทำให้ความทรงจำของนางเหมือนใหม่

ทำไมจึงกลายเป็นต้นไม้แห้งเหี่ยวที่จื่อซีบอกจากปากได้ล่ะ?

นี่ก็ไม่ได้เป็นนางคนเดียวที่พบเห็น ผู้คนหลายสิบหลายคนล้วนเห็นทั้งสิ้น นี่ยังจะสามารถปลอมได้หรือ?

นี่ชั่งแปลกประหลาดมากจริงๆ……

หรือว่าทั้งหมดล้วนเป็นภาพลวงตา?

คิดถึงจุดนี้ หลานเยาเยารีบปฏิเสธทันที

เป็นไปไม่ได้

ตอนนี้ส้งเย่นกุยกำลังอยู่ในกองกำลัง อีกทั้งเขาเป็นคนที่มีชีวิต ก็คือเขาที่มาจากหมู่บ้านฝันฮั๋วติดตามนางมาทะเลทรายด้วยกัน หากว่าเป็นภาพลวงตา ส้งเย่นกุยจะคงอยู่ได้อย่างไร?

เป็นเพียงความครุ่นคิดในเวลาไม่กี่วินาที ความคิดจิตใจของหลานเยาเยาได้วนไปมาเป็นร้อยรอบแล้ว

ในที่สุด นางตั้งใจมองจื่อซีอย่างจริงจัง เจ้าเอาตั้งแต่เริ่มเข้าไปที่ทะเลทราย ตลอดจนถึงสถานการณ์ทะเลทรายที่นี่ทั้งหมดพูดใหม่อีกรอบ

“ขอรับ!”

จื่อซีกล่าวตั้งแต่ต้นจนจบอีกรอบ ทำให้โหลวเย่วตกใจจนหน้าซีดไปมาก

แม่เจ้า!

คงจะไม่ได้เจอผีเข้าแล้วจริงๆหรอกนะ?

นางกับหลานเยาเยายังมีคนอีกมากมายอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านฝันฮั๋วตั้งสามวัน

ฟังถึงสุดท้าย ถึงแม้ว่าหลานเยาเยาจะสตินิ่งดีเลิศ ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า

นางกระแอมออกมาเบาๆเสียงหนึ่ง

“แฮ่ม ดูแล้วยังมีความแปลกประหลาดอยู่จริงๆ”

ด้วยเหตุนี้หลับตาลงเงียบๆ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็เป็นความสดใส

เมื่อคิดถึงส้งเย่นกุยเป็นวิชาการรักษา……

นางก็เข้าใจอย่างคร่าวๆแล้วนิดหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว

สายตาตกไปอยู่บนร่างของจื่อซีและโหลวเย่วทันที กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า :

“เรื่องนี้พวกเจ้าไม่ต้องไปบอกกับผู้อื่นก่อน ใครก็ไม่ได้ เข้าใจไหม?”

“ขอรับ คุณหนู”

“เยาเยา ข้าไม่พูดอยู่แล้ว”

แม้ว่าจะมีแต่ความงงงันสับสน แต่ก็ยังพยายามพยักหน้า สัญญาว่าจะไม่พูดออกไป

ต่อจากนั้น

หลานเยาเยาจึงให้จื่อซีไปเรียกเย่หลีเฉินมา จากนั้นให้ยู่หลิวซูแบ่งน้ำและอาหารให้แก่พวกเขาเล็กน้อย และให้พวกเขาหนึ่งคนขี่ม้าหนึ่งตัว

“จื่อซี เจ้าเป็นวิชาการรักษา เจ้าและองค์ชายรัชทายาทด้วยกัน พาพระราชธิดาจาวหยางส่งออกทะเลทราย ไปเมืองที่อยู่ใกล้กับทะเลทรายที่สุด”

เมื่อจื่อซีได้ยิน

มองพระราชธิดาจาวหยางแวบหนึ่ง รีบก้าวขึ้นไปด้านหน้าก้าวหนึ่งทันที อยากปริปาก แต่คำพูดนั้นกลับถูกคนอื่นพูดก่อนแล้ว

“หลานเยาเยา” เย่หลีเฉินที่อยู่ข้างๆส่งเสียงกะทันหัน

“เจ้าอยากพูดอะไร? ถ้าเป็นคำขอบคุณก็ไม่ต้องพูดแล้ว”

“ไม่ ไม่ใช่ ข้าจำเป็นต้องอยู่ จื่อซีเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่จงรักภักดีของท่าน เขาพาจาวหยางออกไปข้าวางใจ แต่ข้าจำเป็นต้องอยู่ในทะเลทราย ไปพร้อมกับท่าน

ตอนนี้ขบวนกองกำลังทำจนเป็นเช่นนี้ ฮ่องเต้จะต้องให้คำอธิบายแก่ทุกคน”

ตั้งแต่ที่เสด็จพ่อใช้แผนการชั่วร้ายเผาจาวหยางให้ตาย มาเริ่มแผนการชั่วร้ายเอาลายแทงในมือของหลานเยาเยา เขาก็ตัดพ่อตัดลูกกับเขาแล้ว ดังนั้นก็เปลี่ยนจากเรียกเสด็จพ่อเป็นฮ่องเต้โดยตรง

พูดจบ สายตาของเขามองไปทางทิศทางที่ฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าจากไปแล้วหายตัวไปในคืนนั้น แววตาเศร้าหมองลงไปมาก

หลานเยาเยาขมวดคิ้ว : “เรื่องของฮ่องเต้จะมีคนจัดการตามธรรมชาติ”

ความโกรธแค้นระหว่างยู่หลิวซูและฮ่องเต้ นางไม่ลืม หาพบเจอฮ่องเต้ นางจะให้ยู่หลิวซูออกมาจัดการด้วยตัวเอง

แต่ทว่า……

เย่หลีเฉินยังคงส่ายหัว กล่าวอย่างแน่วแน่ :

“ในคืนวันนั้น ม้าตายไปหนึ่งตัว ท่านให้ข้าและจื่อซีพาจาวหยางไปพร้อมกัน พวกเรากลับใช้ม้าสามตัว คนที่เหลือจะต้องขาดม้าหนึ่งตัว

การเดินทางที่ทะเลทรายครั้งนี้อันตรายเป็นพิเศษ หากสองคนขี่ด้วยกัน มีความเป็นไปได้เป็นอย่างมากที่จะประสบอันตราย ดังนั้น……”

คำพูดด้านหลัง เย่หลีเฉินไม่ได้พูด และเอาบังเหียนในมือของตัวเองวางไว้บนมือของพระราชธิดาจาวหยาง “ถือให้ดี!”

จากนั้นก็หยิบบังเหียนในมือของจื่อซีและโหลวเย่วมา เอาบังเหียนยื่นให้หลานเยาเยา แม้การกระทำจะบ้าอำนาจ ไร้เหตุผล แต่กลับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

“ให้พวกเขาสองคนขี่ม้าด้วยกัน ออกจากทะเลทรายจากที่นี่ ท่านแบ่งน้ำและอาหารให้พวกเขาเพียงพอแล้ว สามารถช่วยประคับประคองให้พวกเขาเดินออกไปได้”

นี่เป็นทางเลือกที่มีเหตุผลที่สุด

อย่างไรเสีย ตั้งแต่เข้าทะเลทรายถึงตอนนี้ ยังไม่ได้พบกับอันตรายถึงชีวิต เพียงแค่พวกเขาไม่เดินทางผิด ก็จะไม่พบกับอันตรายอะไร แม้ว่าพวกเขาสองคนขี่ม้าด้วยกันความเร็วจะช้าหน่อย แต่น้ำและอาหารของพวกเขาเพียงพอ ก็ไม่ทำให้พวกเขาหิวตาย

แต่ว่า!

จื่อซีกลับคุกเข่าลง

“คุณหนู ให้ไท่จื่อกลับไปพร้อมกับพระราชธิดาจาวหยางเถอะขอรับ! ข้าน้อยต้องการติดตามอยู่ข้างกายท่าน ไม่กลัวตายขอรับ”

เขาจดจำคำพูดของเจ้านายไว้ในหัวใจ เขาต้องคุ้มครองคุณหนูให้ดี

“จื่อซี คำพูดของข้าเจ้าก็ไม่ฟังแล้วหรือ?”

หลานเยาเยาสีหน้าเย็นชา ไม่มีความลังเลอีก “ในขบวนกองกำลังนี้ มีเพียงสี่คนที่เป็นวิชาการรักษา นอกจากข้า วิชาการรักษาที่ดีที่สุดก็คือเจ้า หรือว่าเจ้าอยากให้ยู่หลิวซูที่ไม่น่าพึ่งพาได้ หรือส้งเย่นกุยที่เพิ่งจะเข้าร่วมในกองกำลังอีกทั้งมีวิชาการรักษานอกรีตกลับไปพร้อมกับโหลวเย่วหรือ?”

ยู่หลิวซู : “……”

ตอนไหนที่เขาพึ่งพาไม่ได้แล้ว พูดต่อหน้าเขาเช่นนี้ดีจริงๆหรือ?

ส้งเย่นกุย : “……”

วิชาการรักษาสู้พวกเขาไม่ได้ก็คือนอกรีต? เทพธิดาจะก่อเรื่องแบบไหน

เห็นคุณหนูของตัวเองตัดสินใจแล้ว จื่อซีพูดอะไรอีกก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จึงไม่ได้พูดอะไร

ดูท่าแล้วทำได้เพียงส่งพระราชธิดาจาวหยางออกไปอย่างรวดเร็ว เขาค่อยกลับมา เผชิญความเป็นความตายพร้อมกับคุณหนูแล้ว

“ข้าน้อยเชื่อฟังและทำตามการเตรียมการขอรับ!”

พระราชธิดาจาวหยางมองดูสีหน้าของจื่อซี เกิดความไม่สบายใจเล็กน้อยทันที เอื้อมมือไปกุมมือเขาเล็กน้อย กล่าวขอโทษโดยไร้เสียง

นางรู้จักจื่อซีไม่ใช่วันสองวันแล้ว เคยอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแล้วหลายปี แม้ว่าจะได้รับคำสั่งเพื่อรักษานาง แต่ล้วนทำอย่างตั้งใจ น้อยมากที่จะปรากฏสีหน้าท่าทางที่ลำบากใจเช่นนี้

นางกลายเป็นตัวภาระจริงๆแล้วหรือ?

แต่เทียบกับยู่หลิวซูและส้งเย่นกุย นางยอมที่จะกลับไปพร้อมกับจื่อซีมากกว่า

นางจำทางได้ เพียงแค่จื่อซีส่งนางออกไปก็ได้

หลานเยาเยาไม่ใช่คนจู้จี้จุกจิก มองโหลวเย่วแวบหนึ่ง ก็พยักหน้า

“พวกเจ้าต้องระมัดระวังความปลอดภัย ออกเดินทางทันที”

หลังจากนั้นก็ตรวจสอบน้ำและอาหารให้พวกเขาอีก พูดกับโหลวเย่วสองสามประโยค แล้วให้พวกเขาสองคนขึ้นม้า สุดท้ายมองดูทั้งสองขี่ม้าจากไปด้วยกัน ส่งพวกเขาจากไปด้วยสายตา

หลังจากไปไกลแล้ว หลานเยาเยาก็ไม่ได้อยู่ต่อ สั่งให้ทุกคนขึ้นม้า จากนั้นก็ไปทางทิศทางที่ฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าจากไป……

ในใจรอคอยเย่แจ๋หยิ่ง การมาถึงของจื่อซีและจื่อเฟิง ได้วาดสัญลักษณ์ของจุดจบแล้ว

ไม่สามารถรอต่อไปได้แล้ว

นางนำบรรดาผู้คนสำนักหงอี เห็นได้ชัดว่าความเร็วช้ากว่าวันก่อนหน้านี้สองเท่า การเดินทางของหนึ่งวัน ได้หดลงเป็นครึ่งวันก็เดินหมดแล้วโดยตรง

สองวันหลังจากนี้ พวกเขาไปลึกเข้าไปในทะเลทรายแล้ว

ม้าที่สง่างามสิบกว่าตัวหยุดอยู่ที่เนินทรายไม่สูงไม่ต่ำ

ผู้นำผู้หนึ่งสวมชุดสีแดง ผู้หญิงที่ห่อหุ้มอย่างมิดชิด นางนั่งอยู่บนหลังม้าตัวสูงใหญ่ ในมือถือแผนภูมิศาตร์ของทะเลทรายสำรอง นั่นคือลายแทงที่ส้งเย่นกุยหยิบออกมาเมื่อคืน นางวาดแผนภูมิศาตร์ออกมาเหมือนกับลายแทงในชั่วข้ามคืน

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน