หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 640 ดินแดนเสียงฟ้าร้องแห่งความสุข

บทที่ 640 ดินแดนเสียงฟ้าร้องแห่งความสุข

เทือกเขาที่หนึ่งที่ขึ้นลงติดต่อกัน แทบจะวนเป็นหนึ่งรอบ ในรอบวงมีเมืองที่ด้านหนึ่งสร้างติดกับภูเขา ขนาดเมืองไม่ใหญ่ แต่ถนนหนทางกลับคึกคักเป็นพิเศษ ในเมืองยังมีแม่น้ำไหลผ่านเส้นหนึ่ง ไหลไปในทิศทางที่ไม่รู้จักชื่อ

เรียกได้ว่าล้อมรอบไปด้วยภูเขาและแม่น้ำ ไม่เพียงสภาพแวดล้อมสวยงาม การดำรงชีพของคนที่นี่ยังเรียบง่ายเป็นพิเศษ

ชื่อของเมืองนี้คือเมืองเลยหมิง เป็นเมืองที่มีชุมชนใหญ่มาก ชื่อเสียงก็โด่งดัง

“ปังปังปังปัง…….”

เสียงประทัดดังขึ้นเสียดหู แทบจะดังตั้งแต่หัวถนนไปถึงท้ายถนน เพิ่มบรรยากาศความคึกคักให้กับเมืองเล็กๆที่สวยงามและเงียบสงบมากขึ้นอีกสองสามระดับ

เกี้ยวแต่งงานแปดคนหามติดตามเจ้าบ่าวที่อยู่บนหลังม้าตัวสูง เดินเรียบไปสุดถนนช้าๆ ที่รับการแต่งงานวันนี้คือเจ้าสาวที่สวยที่สุดของเมืองริมน้ำที่มีชื่อเสียง

หลานเยาเยาคนกลุ่มหนึ่งเวลานี้กำลังอยู่ริมถนน มองขบวนแต่งงานที่คึกคักเป็นพิเศษ ดำเนินไปด้านหน้าอย่างช้าๆ การเดินทางไกลเป็นเวลานาน หลังจากเข้าเมืองเลยหมิงแล้ว สภาพจิตใจที่เคร่งเครียดก็ผ่อนคลายลงมาก

หลังจากขบวนแต่งงานผ่านไป

คนค้าขายเล็กๆที่ดูความคึกคักเสร็จแล้วก็เริ่มตะโกนที่ริมถนนอีก

“ซาลาเปา ซาลาเปา ซาลาเปาหมูอร่อยๆ ซาลาเปาที่สุนัขเห็นแล้วก็ล้วนน้ำลายสอ”

“ถังหูลู่ ถังหูลู่ทั้งน่าดูทั้งอร่อย ไม่เปรี้ยวไม่หวานไม่คิดเงิน ลูกค้าต้องการไม้หนึ่งไหมขอรับ?”

“นี่ แม่นาง ข้าจะบอกท่าน หยกอันนี้ของท่านเป็นเพียงเหรียญเงินเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าข้าโกหกท่านขอให้ฟ้าผ่า เอ๊ะเอ๊ะเอ๊ะ อย่าไปสิ แม่นาง เห็นแก่ความจริงใจเช่นนี้ของท่าน ข้าสามารถเพิ่มอีกสองสามชั่ง”

“…….”

เหล่าพ่อค้าแต่ละคนแสดงออกอย่างเชี่ยวชาญ เหล่าคนสัญจรที่ไปๆมาๆก็มีวิธีการรับมือแต่ละแบบ หลานเยาเยาที่สีหน้าท่าทางเย็นชาตลอดทาง เวลานี้ก็มีรอยยิ้มแล้ว

เมื่อเหลือบตามอง ก็เห็นด้านหน้ามีโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่ดูสะดวกสบาย

ด้วยเหตุนี้หันกลับไปมองจื่อซีแวบหนึ่ง

“พระราชธิดาจาวหยางได้บอกเจ้าว่าพักอยู่โรงเตี๊ยมไหนหรือไม่?”

จื่อซีคิดแล้วคิดอีก ส่ายศีรษะ “ไม่เคยขอรับ”

พระราชธิดาจาวหยางเขียนจดหมายให้เขา ล้วนเป็นการบอกว่าที่ไหนมีที่เที่ยวสนุกๆของกินอร่อยๆ และมีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้าง ในส่วนการพักที่ไหน รู้จักผู้ใดล้วนไม่ได้เอ่ยถึง เขาก็ไม่ได้ถาม

สำหรับเขาแล้วเพียงแค่มีจดหมายของพระราชธิดาจาวหยาง ไม่ว่าจะบอกอะไรเขียนอะไร เขาล้วนสนใจเป็นที่สุด

“นางได้บอกหรือไม่ว่าจะรอพวกเราที่ไหน?”

“ไม่ ไม่มีขอรับ”

จื่อซีอดที่จะเกาหูไม่ได้

ขณะที่มาเมืองเลยหมิง เขาเคยเขียนจดหมายถึงพระราชธิดาจาวหยาง บอกว่าพวกเขาจะมาที่นี่ โดยประมาณจะถึงเมื่อไหร่ เหล่านี้เขาล้วนเขียนอย่างชัดเจน

เพียงแต่ไม่เคยได้รับจดหมายตอบกลับของพระราชธิดาจาวหยาง ดังนั้นตอนนี้คุณชายซ่างกวนถามเขา เขาทำได้เพียงส่ายศีรษะ

ได้ยินดังนั้น!

หลานเยาเยาเลิกคิ้วเล็กน้อย

“เช่นนั้นเจ้าติดต่อกับนางอย่างไรหลังจากที่รู้ว่าจะมาที่นี่?”

เห็นหน้าตาที่เขินอายของจื่อซี หลานเยาเยาส่ายหน้าในใจ

ดังคาด คนที่อยู่ในความรัก

มักจะไร้สติปัญญา คาดว่าหายไปแล้วก็ไม่เคยรู้

ช่างเถอะ ถามเขาก็คือถามเปล่า ลงมือทำด้วยตัวเองยังดีซะกว่า

ด้วยเหตุนี้หลานเยาเยาพูดกับเขา “เจ้าไปสอบถามพลเมืองที่อาศัยอยู่ในเมืองหน่อย ดูว่าของกินร้านไหนอร่อยที่สุด แล้วก็ถือโอกาสสอบถามหน่อยว่า ระยะนี้เมืองเลยหมิงมีเรื่องแปลกประหลาดอะไร”

“ขอรับ!”

จื่อซีทำมือเคารพแล้วจากไป

หลานเยาเยานำคนที่เหลือ เดินไปทางโรงเตี๊ยมด้านหน้า

ยังเดินไม่ถึงโรงเตี๊ยมด้านหน้า

“โครมคราม……โครมคราม…….โครมคราม……”

เสียงดั่งฟ้าร้องดังมาจากที่ไกลๆเป็นระยะๆ เพราะสี่ด้านล้อมรอบไปด้วยภูเขาเป็นเหตุ เสียงนี้สะท้อนไปมาในเมืองสองสามครั้งถึงได้กระจายไป

สีหน้าของหลานเยาเยาเปลี่ยนในพริบตา สันหลังเย็นวาบอย่างฉับพลัน

เสียงประเภทนี้ทั้งแปลกและคุ้นเคย ความทรงจำในรุ่นแรกเหมือนถูกน้ำพัดออก พรั่งพรูเข้าสมองของนางเต็มไปหมด เหตุการณ์ฆ่าฟันที่ดุเดือด พื้นดินผืนหนึ่งที่เลือดไหลนองเป็นแม่น้ำ วกวนในสมองของนางไม่หยุด และสลัดไม่ออก

ก็คือเสียงนี้……

เวลานี้!

ส้งเย่นกุยปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน ขวางอยู่ด้านหน้าของหลานเยาเยาในพริบตา มองไปทางเสียงที่ปรากฏขึ้นอย่างระมัดระวัง เปิดปากพึมพำ

“เป็นพวกเขา!”

“ถูก!” หลานเยาเยาพยักหน้าอย่างแรง “เป็นพวกเขาจริงๆ”

มีเพียงเคยเห็นคนจากนอกแผ่นดิน มีเพียงคนที่เคยเผชิญกับสงครามที่น่าอนาถจนทนดูไม่ได้เหตุการณ์นั้นถึงจะเข้าใจ เพียงแค่เสียงเช่นนี้ดังขึ้น การฆ่าเพียงฝ่ายเดียวก็จะเริ่มต้นขึ้น

แม้แต่พวกเขาทั้งสองคนล้วนระมัดระวังตัวถึงเพียงนี้แล้ว

พวกจื่อเฟิงก็ตึงเครียดขึ้นมาในพริบตา

“คุณชายซ่างกวนขอรับ นี่เป็นเสียงอะไรขอรับ?” ในใจของจื่อเฟิงเดาอะไรได้อย่างรางๆ

แม้ว่าเขาไม่เคยพบคนจากนอกแผ่นดิน แต่เจ้านายเคยได้บรรยายลักษณะเฉพาะของคนนอกแผ่นดินกับเขา ยังให้เขาไปตรวจสอบเรื่องคนนอกแผ่นดินที่ชนเผ่าหยินไห่อีก

เสียงดังกังวานดั่งเสียงฟ้าร้องเมื่อครู่นั้น คล้ายกับที่เจ้านายบรรยายไว้เป็นอย่างมาก

หรือว่ามีคนจากนอกแผ่นดินจริงๆ?

เทียบกับความตื่นตัวและระมัดระวังตัวของพวกเขา คนในเมืองคุ้นชินเป็นปกติแล้ว เห็นพวกเขาเป็นเช่นนี้ มีคนอดที่จะหยอกล้อไม่ได้

“สามสี่ท่านคือเพิ่งมาใหม่สินะ?”

วันนี้ไม่มีคนพยักหน้า จึงมีคนเปล่งเสียอธิบาย

“น่าแปลกแล้ว ความจริงพวกท่านก็ไม่ต้องกลัว เหตุผลที่ที่นี่ของพวกเราเรียกว่าเมืองเลยหมิง ก็เพราะมักจะมีเสียงฟ้าร้องดังออกมาจากในภูเขาเสมอ”

ที่พูดคือเถ้าแก่โรงเตี๊ยมประเภทหนึ่ง พูดไปพลางยังเชิญพวกเขาเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมของตัวเองไปพลาง ทั้งยังถือโอกาสแนะนำอาหารแนะนำในโรงเตี๊ยมกับพวกเขาอีกด้วย

เพราะจุดประสงค์ที่มาในครั้งนี้ก็เพราะสิ่งนี้ ดังนั้นไม่มีใครเปล่งเสียงหยุดยั้ง

เถ้าแก่แต่ละที่ล้วนมองออกอย่างแม่นยำแล้ว คนนอกพื้นที่มาในเมืองครั้งแรก หลังจากได้ยินเสียงฟ้าร้องนี้จะมีความอยากรู้อยากเห็นต่อเสียงฟ้าร้องนี้เป็นที่สุด นานวันเข้าเขาก็จับโอกาสทางการค้าได้แล้ว

เมื่อเห็นเสื้อผ้าไม่ธรรมดา อีกทั้งเป็นบุคคลแปลกหน้า ก็จะจับตาดูพวกเขาตลอดเวลา รอจนฟ้าร้องพร้อมกัน หลังจากเห็นปฏิกิริยาที่ตื่นตระหนกของพวกเขา ก็รีบเข้าไปอธิบายให้พวกเขาไปพลาง เชิญพวกเขาเข้ามาพักกินอาหารในโรงเตี๊ยมไปพลาง

ปกติแล้วไม่มีคนจะปฏิเสธ

“อ๋อ? เสียงฟ้าร้องดังมาจากในภูเขา?” หลานเยาเยาเลิกคิ้ว ตรึกตรองร้อยรอบ

เถ้าแก่ชะงักครู่หนึ่ง เหมือนกับมองดูพวกเขาอย่างลำบากใจเล็กน้อย

หลานเยาเยาตระหนักได้ทันที “เหล้าดีอาหารดีๆเอามาให้หมด ถือโอกาสเอาห้องพักดีชั้นดีมาสามสี่ห้อง”

เมื่อคำพูดนี้โพล่งออกไป

เถ้าแก่ปริยิ้มอย่างดีใจทันที หันไปสั่งเสี่ยวเอ้อให้ไปเร่งด้านหลังห้องครัว หลังจากเสี่ยวเอ้อวิ่งไปทางด้านหลังครัวอย่างดีใจ เถ้าแก่รีบดึงเก้าอี้ยาวมานั่งทันที เอาเรื่องเสียงฟ้าร้องในภูเขาเล่าออกมาติดต่อกัน

ที่แท้!

เดิมทีที่นี่เรียกว่าเมืองส่วยยู่ ได้ชื่อมาเพราะแม่น้ำที่ใสเห็นก้นบึ้งสายหนึ่งไหลผ่าน แต่เดิมเป็นเพียงหมู่บ้านที่มีร้อยกว่าครัวเรือนเท่านั้น

ประมาณหนึ่งร้อยปีก่อน

ในภูเขามีเสียงฟ้าร้องดังมาอย่างกะทันหัน สะท้อนไปมาในหมู่บ้านอยู่นานโดยตลอด เหล่าประชาชนล้วนหวาดกลัวมาก ยังคิดว่าไปยั่วโมโหเทพเซียนปีศาจอะไรเข้า จะมาลงโทษหมู่บ้านนี้ของพวกเขา ด้วยเหตุนี้หัวหน้าหมู่บ้านได้จัดและรวบรวมคนในหมู่บ้านถวายเครื่องเซ่นไหว้ เพื่อระงับความโกรธของเทพเซียนปีศาจ

บางทีวิธีนี้อาจมีผล

แม้ว่าเสียงฟ้าร้องยังคงไม่หยุด แต่ไม่ได้นำภัยพิบัติมาให้หมู่บ้าน นานไปนานไป หัวหน้าหมู่บ้านจึงพาคนไปที่ภูเขาสืบหาต้นตอของเสียง ในที่สุดพบว่าเสียงมาจากในภูเขาหนาน จึงสร้างวิหารเทพแห่งภูเขาแห่งหนึ่งที่ภูเขาหนาน ทุกปีเมื่อถึงวันเวลาที่กำหนด บรรดาคนในหมู่บ้านทั้งหมดจะถวายเครื่องเซ่นไหว้ ให้ปกปักรักษาคนแก่เด็กแดงทั้งครอบครัวให้ปลอดภัย

ต่อจากนั้นจึงค่อยๆกลายเป็นประเพณีชนิดหนึ่ง

เมืองส่วยยู่เป็นที่รู้จักใกล้ไกลเพราะเสียงฟ้าร้องนี้ หลังจากผู้คนมากมายได้ยินก็มาชื่นชม ยังมีบางคนเพราะคิดว่าเพราะที่นี่เป็นดินแดนความสุข ย้ายจากที่ไกลๆมาพำนักอยู่ที่นี่

ค่อยเป็นค่อยไป คนในหมู่บ้านนี้ก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เปลี่ยนเป็นเมืองเล็กๆแล้ว

ที่ว่าการอำเภอเห็นเค้าโอกาสทางการค้า จึงเอาเมืองส่วยยู่เปลี่ยนเป็นเมืองเลยหมิงซะ และบวกกับออกแรงอย่างมาก เผยแพร่เสียงฟ้าร้องที่ไม่เหมือนใครของเมืองเลยหมิง

ผ่านไปไม่กี่ปี เมืองเลยหมิงก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ คนที่มาท่องเที่ยวแต่ละปีมามากขึ้น หลังจากหลายร้อยปี ขนาดของเมืองเลยหมิงเทียบได้กับคูเมืองที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งแล้ว

ฟังเถ้าแก่พูดจบ

หลานเยาเยาถามอย่างสงสัย: “นานถึงร้อยกว่าปีจริงๆหรือ?”

“โดยประมาณน่ะขอรับ! ความจริงแล้วจะนานถึงร้อยกว่าปีหรือไม่ มีเพียงคนที่อาวุโสอีกรุ่นหนึ่งถึงจะรู้ แต่เสียงฟ้าร้องนี้สามารถนำความโชคดีมาให้เมืองเลยหมิงจริงๆ ตอนนี้ล้วนมีคนมีความรู้ความสามารถทั่วทุกหัวระแหง สิบกว่าปีก่อนยังผลิตขุนนางชั้นสูงในราชสำนักได้ผู้หนึ่ง นั่นคือบุคคลที่มีชื่อเสียงดังก้อง จนถึงปีก่อนจึงได้ลาออกเพราะอายุมากแล้วและกลับมาที่เมืองน่ะ!”

เหอะ……

โชคดี?

นั่นก็ไม่แน่

เพียงแค่เสียงนี้ทำไมถึงได้ดังออกมาจากในภูเขา?

แม้ว่าเถ้าแก่จะพูดเกินความจริง เสียงนี้ไม่ได้นานถึงร้อยกว่าปี แต่อย่างน้อยก็เกือบจะร้อยปีแล้ว หรือว่าคนจากนอกแผ่นดินยังจะมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าคนในแผ่นดินใหญ่อีก……

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท