หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 644 ถ้ำรอยแยกของตัวภูเขา

บทที่ 644 ถ้ำรอยแยกของตัวภูเขา

และในเวลานี้

เสียงดั่งฟ้าร้องนั่นดังขึ้นอีกครั้ง จื่อซีดึงสติกลับมาในชั่วพริบตา แฉลบตัวมาถึงข้างกายของพระราชธิดาจาวหยางคุ้มครองนาง

พระราชธิดาจาวหยางยิ้มแล้ว คิดว่าจื่อซีกลัวเสียงฟ้าร้อง

“วางใจ นั่นเป็นเพียงเสียงฟ้าร้อง ไม่น่ากลัว”

“อืม!”

จื่อซีตอบรับ ยังคงค่อนข้างระมัดระวังตัว แต่ไม่ได้อธิบาย

ตอนนี้ในภูเขาหนานนี้ส่งเสียงฟ้าร้องออกมา น่าแปลกมาก เจ้านายและซ่างกวนหนานซู่ล้วนให้ความสำคัญเป็นที่สุด เขาเข้าใจรางๆ ในภูเขาหนานนี้อาจจะมีคนจากนอกแผ่นดินที่น่ากลัวอยู่

แต่ยังไม่แน่ชัด

ดังนั้นเขาไม่ยอมพูดออกมา ทำให้พระราชธิดาจาวหยางเป็นกังวลโดยไม่มีสาเหตุ

และหลานเยาเยาทางนี้

หลังจากได้ยินเสียงฟ้าร้องเหมือนดั่งการคำรามแล้ว ก็ไม่ได้เต็มไปด้วยสีหน้าที่ระมัดระวังตัวเหมือนตอนกลางวัน แต่หันหน้าไปทางภูเขาหนาน แววตามีความกังวลจางๆ

ไม่รู้ว่าเจ้าระบบตรวจสอบเป็นอย่างไรบ้างแล้ว……

เซียวจิ่นหยูเดินมาข้างกายนาง รู้ว่านางเป็นกังวลอะไรอย่างเห็นได้ชัด

“คุณชายซ่างกวนไม่ต้องเป็นกังวล วิหารเทพแห่งภูเขาของภูเขาหนานมีทหารของที่ว่าการเฝ้ารักษา หากด้านในมีอะไรจริงๆ สิบกว่าปีมานี้ เป็นไปไม่ได้ว่าเมืองเลยหมิงจะสงบสุขไร้เรื่องราวมาโดยตลอด

ยิ่งไปกว่านั้นวิทยายุทธของคุณชายส้งสูงส่ง กำลังภายในล้ำลึกคาดเดาไม่ได้ เกรงว่าเป็นราชครูเทียนเวิงขณะที่แข็งแกร่งเป็นที่สุดก็ไม่มีทางเอามาเปรียบเทียบกับเขาได้ จะไม่มีปัญหาแน่นอน

หากว่าคืนนี้เขาไม่กลับมา พรุ่งนี้เช้าตรู่ ข้าสละชีพติดตามท่าน ไปวิหารเทพแห่งภูเขาของภูเขาหนานพร้อมกับท่านเป็นอย่างไร?”

คำพูดครั้งหนึ่ง

ทั้งหมดเป็นคำพูดจากใจจริง

ซ่างกวนหนานซู่ได้รับความสำคัญจากอ๋องเย่ ไม่ว่าอย่างไร ทำสุดความสามารถได้ เขาไม่สามารถปฏิเสธเป็นธรรมดา

“ขอบใจมาก!”

ในเมื่อเจ้าพระยาเซียวพาเซียวจิ่นหยูลาออกจากราชการกลับบ้านเกิด ก็คือไม่อยากเข้าไปพัวพันกับวังวนของความขัดแย้ง เดิมทีนางไม่ปรารถนาที่จะดึงเซียวจิ่นหยูมา แต่ตอนนี้ในคนที่รู้จักคุ้นเคย ก็มีเพียงเขาที่คุ้นเคยที่นี่

ไม่รบกวนไม่ได้

แต่ทว่าหนึ่งคืนผ่านไป ส้งเย่นกุยยังไม่เคยได้กลับมาจริงๆ

นางได้เตรียมทุกอย่างพร้อมขึ้นภูเขาหนานแล้ว

ขณะที่พาจื่อซีจื่อเฟิงพวกเขาออกจากโรงเตี๊ยม เซียวจิ่นหยูรออยู่ด้านนอกโรงเตี๊ยมนานแล้ว

คล้ายกับมองกันแล้วยิ้มเล็กน้อย และไม่ได้พูดมากมายนัก คนกลุ่มหนึ่งก็ออกเดินทางไปภูเขาหนาน

ระหว่างนั้น หลานเยาเยารู้ เซียวจิ่นหยูไปภูเขาหนานพร้อมกับนาง ไม่ใช่เพราะว่าต้องการช่วยเหลือนางซะทีเดียว ยังมีเหตุผลอีกชั้นหนึ่งคือ เจ้าพระยาเซียวไปกินอาหารเจที่ภูเขาหนานเจ็ดแปดวัน แต่กลับไม่ลงจากภูเขากลับจวนสักที เขาอยากไปเยี่ยมเขา ขณะที่ลงจากภูเขาก็ถือโอกาสรับเขาลงจากภูเขาด้วย

แม้วันนี้จะไม่ใช่วันที่กำหนดเฉพาะสำหรับเซ่นไหว้เทพแห่งภูเขา

แต่ก็มีกลุ่มคนบางตาไปเซ่นไหว้ขอพรที่ภูเขาหนาน

และบนภูเขาหนาน สถานที่ที่เสียงฟ้าร้องดังออกมา สร้างวิหารแห่งหนึ่งที่ยังนับได้ว่าสง่างาม แต่ทว่าเทวรูปด้านในกลับค่อนข้างแปลกประหลาด หัวเป็นสัตว์ตัวเป็นคน มีปีกมีเท้า ยืนอยู่ด้านในวิหารที่ก่อสร้าง

หัวไก่ที่ใส่ไว้บนร่างของคนนี้ แล้วเสียบปีนกอินทรีที่ขนร่วงหมดแล้วคู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าใครคิดเทวรูปนี้ออกมา อัปลักษณ์เป็นที่สุดจริงๆ

เซียวจิ่นหยูกับเจ้าพระยาเซียวไม่มีตำแหน่งขุนนางติดตัว แต่ไม่ว่าอยู่ในเมืองเลยหมิง หรือว่าบนภูเขาหนาน ล้วนได้รับความนับถือจากผู้คนเป็นที่สุด

ดูๆ ทหารที่เฝ้ารักษาวิหารเทพแห่งภูเขา พบเซียวจิ่นหยูแล้ว ก็ทำความเคารพแล้วกล่าวอย่างเกรงใจ: “คุณชายเซียวขอรับ”

ในวิหาร คนมากมายกำลังคุกเข่าจุดธูปไหว้ด้านหน้าเทพเจ้าสายฟ้าที่ดุร้าย ขี้ธูปในกระถางธูปใหญ่ล้นออกมาหมดแล้ว พอที่จะอธิบายได้ว่าที่นี่มีการจุดธูปมากมาย บรรดาผู้คนกำลังขอพรความร่มเย็นเป็นสุขสมดั่งปรารถนา โชดดีราบรื่นอะไร

หลานเยาเยากลับสังเกตด้านในขึ้นมา ยังไม่ได้ที่มาที่ไปของเรื่องราว ความโกลาหลด้านนอกรอบหนึ่ง

นางรีบออกไปดู

ที่แท้คือเจ้าพระยาเซียวไม่ได้อยู่ในห้องทางทิศตะวันออก จากที่ทหารบอก ไม่กี่วันนี้ ขณะที่ฟ้าร้อง เจ้าพระยาเซียวล้วนจะออกไปฟังเสียงฟ้าร้อง

มักจะบอกว่าฟ้าร้องแปลกเหลือเกิน ราวกับว่าไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว

ตั้งแต่เล็กเจ้าพระยาเซียวอาศัยอยู่ที่เมืองเลยหมิง ก็ได้ยินคุ้นเคยเสียงฟ้าร้องเป็นธรรมดา

จากเด็กน้องที่ยังไม่ประสีประสา จนเป็นคนชราแก่ๆ เขาจากเมืองเลยหมิงไปก็เป็นสี่ห้าสิบปี ตอนนี้ได้ยินเสียงฟ้าร้องของเมืองเลยหมิงอีก อาจจะลืมเสียงเดิมไปแล้ว พอได้ฟัง รู้สึกได้ถึงความไม่คุ้นเคย; อาจจะเป็นไปได้ว่า เสียงฟ้าร้องนี้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

ทหารไม่เข้าใจ

อย่างไรเสีย เริ่มตั้งแต่ที่พวกเขาได้ยินเสียงฟ้าร้อง ก็อยู่ที่นี่มาตลอด ฟังไม่ออกว่าแตกต่างหรือไม่โดยสิ้นเชิง

สำหรับเซียวจิ่นหยู เขาก็ไม่ได้เกิดที่นี่ นอกจากครั้งนี้ อดีตก็ไม่เคยมาที่นี่มาก่อน ก็ฟังไม่ออกว่าเสียงฟ้าร้องแตกต่างไปอย่างไรเป็นธรรมดา

ตอนนี้ที่ทำให้เขาเป็นห่วงมากที่สุดคือ เจ้าพระยาเซียวไปที่ไหนกันแน่?

กลับเป็นหลานเยาเยา ฟังความผิดปกติออกแล้ว นางเดินมาอย่างรวดเร็ว สอบถามทางทหาร: “หลังจากที่เจ้าพระยาเซียวมาที่วิหารเทพเจ้าแห่งภูเขาแล้ว ชอบฟังเสียงดังของฟ้าร้องที่ไหนที่สุด?”

ขณะที่เดินออกมาจากวิหารเทพเจ้าแห่งภูเขาพร้อมกับเซียวจิ่นหยู เซียวจิ่นหยูก็แนะนำพวกเขาทั้งกลุ่มให้ทหารรู้จัก เวลานี้เผชิญหน้ากับการสอบถามของหลานเยาเยา เพียงเพราะนางเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าพระยาเซียว รีบตอบทันที:

“เจ้าพระยาเซียวชอบไปยืนด้านหลังวิหารเทพแห่งภูเขาที่สุด ก่อนหน้าที่หินตรงนั้นจะแตกออก ทุกครั้งที่เสียงฟ้าร้องดัง เขาก็จะไปยืนฟังที่นั่น”

จากการชี้นำของทหาร

หลานเยาเยาและเซียวจิ่นหยูมาถึงข้างๆหินที่ทหารบอกพร้อมกัน

ตัวภูเขาตรงนี้ก็ไม่ได้ต่างจากตัวภูเขาลูกอื่นมากนัก อย่างเดียวที่ไม่เหมือน เกรงว่าก็คือรอยแยกเส้นนี้ที่เหมือนดั่งสายฟ้าผ่าให้แยกออก

ไม่ดูให้ละเอียด ยังสังเกตอะไรไม่ได้

เมื่อหลานเยาเยาเข้าไปมองใกล้ๆ ขมวดคิ้วทันที

ด้านบนมีคนทำรอยขีดข่วนเล็กๆ บนพื้นยังมีกิ่งไม้เป็นส่วนๆสั้นยาวไม่เหมือนกัน

“นี่คือทำอะไร?”

ทหารผู้หนึ่งเก็บกิ่งไม้ขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เซียวจิ่นหยูก็ขมวดคิ้วแน่น

หลานเยาเยาคิดไปมา หยิบกิ่งไม้เป็นท่อนๆในมือของทหารมา วางเข้าในรอยแยก พบอย่างตกตะลึง ความสั้นยาวของกิ่งไม้แต่ละท่อนเหมือนกับความเล็กใหญ่ของรอยแยกอย่างคิดไม่ถึง ดูจากกิ่งไม้แต่ละท่อน กิ่งไม้ทุกท่อนเล็กใหญ่ไม่เหมือนกัน เมื่อเรียงลำดับเล็กน้อย จะสามารถมองออกได้ทันที เก็บไว้นานหน่อยกิ่งไม้ยิ่งสั้น ยิ่งใหม่กิ่งไม้ยิ่งยาว

นี่อธิบายได้หรือไม่ว่า รอยแยกของตัวภูเขาเส้นนี้ขยายออกทุกปี?

มีคนสงสัยค้นพบจุดนี้พอดี ดังนั้นทุกปีล้วนจะมาเหลาไม้วัดขนาดเล็กใหญ่ของรอยแยก

เดิมทีเป็นเพียงการคาดเดา

จากการตรวจสอบและซักถามทหารรอบหนึ่ง หาคนพบแล้วจริงๆ

เป็นคนใช้ผู้หนึ่งที่เฝ้าทำความสะอาดวิหารเทพแห่งภูเขา ตั้งแต่เขาอายุสามสิบห้าปีก็เริ่มอยู่ที่นี่ทำความสะอาดวิหารเทพแห่งภูเขา ตอนนี้เป็นผู้เฒ่าอายุหกสิบกว่าปีแล้ว ไม่มีอะไรทำน่าเบื่อก็จะนั่งข้างๆรอยแยกฟังเสียงฟ้าร้อง เหลาไม้วัดขนาดใหญ่เล็กของรอยแยก เป็นเพียงผลจากการหาความสนุกให้ตัวเองจากน่าเบื่อหน่าย

ปีแล้วปีเล่า หลังจากนั้นก็กลายเป็นความเคยชิน

ไม่กี่วันก่อนเจ้าพระยาเซียวมาที่ภูเขาหนานนี้ เห็นเขาอยู่คนเดียว จึงมักจะดื่มเหล้ากับเขาอย่างเต็มที่เสมอ ขณะที่พูดคุยเรื่อยเปื่อยเขาเคยเอาเรื่องรอยแยกที่เปลี่ยนใหญ่ขึ้นทุกปีบอกกับเจ้าพระยาเซียวให้รู้ หลังจากวันนั้นมา เจ้าพระยาเซียวก็ชอบยืนฟังเสียงฟ้าร้องด้านหน้ารอยแยก บางครั้งยังจะบอกว่าเสียงฟ้าร้องไม่เหมือนกับอดีตแล้ว

ผู้เฒ่าไม่เข้าใจความหมายในนั้น เพียงคิดว่าเจ้าพระยาเซียวทอดถอนใจกับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา

“เมื่อวานล่ะ?”

“เมื่อวานตอนเที่ยง เจ้าพระยาเซียวยังคงถือเหล้ามาดื่มกับข้า จากความเคยชินไม่กี่วันก่อน เวลาใกล้ค่ำ เจ้าพระยาเซียวยังจะมาดื่มเหล้ากับข้า แต่ตอนใกล้ค่ำของเมื่อวานเจ้าพระยาเซียวไม่ได้มา ข้ายังคิดว่าเขาลงเขาไปแล้วซะอีก”

เมื่อนึกถึงสามารถดื่มเหล้ากับเจ้าพระยาเซียวได้

พูดออกไปก็เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจเรื่องหนึ่ง

ดังนั้น สำหรับเรื่องนี้ ผู้เฒ่าไม่ปิดบังแม้แต่น้อย กระทั่งยังเต็มไปด้วยความปีติเล็กน้อย

เพราะเขาไม่รู้ เจ้าพระยาเซียวที่ดื่มเหล้ากับเขาหายตัวไปแล้ว

ต่อจากนั้นหลานเยาเยาถามผู้เฒ่าผู้นั้นอีก ภูเขาหนานนี้นอกจากตรงนี้ ยังมีรอยแยกมากกว่านี้หรือไม่ หรือมีภูเขาถ้ำอะไรอีก

ถามถึงตรงนี้ ผู้เฒ่าเงยหน้ามองดูหลานเยาเยา ใบหน้าประหลาดใจ

“ทำไมพวกท่านชอบถามคำถามเหล่านี้?”

“ยังมีใครเคยถามอีก?” หลานเยาเยาคาดเดา เจ้าพระยาเซียวก็น่าจะเคยถาม

เป็นดังคาด!

“เจ้าพระยาเซียวไง! เขายังบอกว่าอยากไปดู ข้าห้ามเขาแล้ว สถานที่ตรงนั้นอันตรายเป็นที่สุด ทันทีที่เท้าลื่น ก็จะตกเขาเสียชีวิต รอยแยกใหญ่ขนาดนั้น ทำไมถึงได้ปรากฏตรงสถานที่แบบนั้นได้นะ?”

ผู้เฒ่าเคยพบสถานที่นั่น แต่ไม่ยอมบอกอีก

เพราะในนั้นอันตรายเป็นที่สุด ดังนั้นไม่ยินยอมเอามากที่จะบอกพวกเขาว่าสถานที่นั่นอยู่แห่งใด เกรงว่าหากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับพวกเขา ตัวเองจะรับโทษไม่ไหว

แต่ภายใต้อ้อมค้อมของหลานเยาเยา

ผู้เฒ่าพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว ยังไม่รู้ตัว รอจนพวกเขาจากไปแล้ว จึงดึงสติกลับมาได้ เขาทำได้เพียงกล่าวอย่างจนปัญญา:

“เห้อ เด็กหนุ่มสมัยนี้นะ ทำให้คนอดห่วงไม่ได้จริงๆ”

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน