ตอนที่ 149 ครอบงํา
สําหรับหนอนไร้ค่าปรสิตไร้ประโยชน์ตัวนี้ ความตายที่ได้รับถือว่าเป็นวาสนาที่หาที่สิ้นสุดไม่ได้แล้ว… พวกมันโชคดีมากที่ได้ตายเพราะการเดินทางมาหาความจริง ไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจให้แก่หนอนอย่างพวกมัน
หลังจากสังเกตมานานกู้จวินก็ได้รู้เสียที เหมือนว่าเสียงนี้มันจะออกมาจากจิตใจของเขาเอง… และมันยังคงพูดไปเรื่อยๆและสิ่งที่มันพูดแต่ละอย่างมันกลับโดนจิตใจของคู่จวินเข้าอย่างจังๆและเขาก็ไม่อาจที่จะไม่ฟังมันพูดด้วยคล้ายกับว่ามันพดอะไรเขาจะต้องฟังไปเสียทั้งหมด
หลังจากที่กู้จวินตอบตกลงจะผ่าตัดให้ลู่เสี่ยวหนิง ทว่าเขากลับไม่เดินเข้ามาใกล้ กู้จวินยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นทําให้ลุงต้านอดไม่ได้ที่จะหันไปมองและเขาก็เห็นกู้จวินที่กําลังยืนนิ่งอยู่จริงๆ ร่างกายของเขาไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใดแม้กระทั่งใบหน้าก็ยังนิ่งเฉยและปรากฏร่องรอยเจ็บปวดออกมาบ้างเป็นครั้งคราว
ทันใดนั้นใบหน้าของลุงต้านก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก รอยย่นบนใบหน้าของเขาเริ่มมีเพิ่มมากขึ้นทุกทีเพราะเริ่มมีบางอย่างผิดจากที่เขาคิดแล้ว
อาจขึ้น..? ลุงต้านสังเกตเห็นได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติกับคู่จวิน ทําให้เขานิ่งเฉยและทําหน้าตาออกมาเป็นแบบนั้น… เมื่อเห็นความหวังเดียวของตัวเองกําลังเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดลุงต้านก็แทบจะกรีดร้องและก่นด่าในใจอย่างบ้าคลั่ง… ดูเหมือนว่าชายหนุ่มน่าจะเจอปัญหาเดียวกับพวกเขาแล้ว
อีกทั้งเขากําลังเผชิญกับพลังงานที่ผิดปกติอย่างอื่นที่น่าจะรุนแรงกว่าที่พวกเขาเจอ ลุงต้านอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงชายหนุ่มแม้ว่าเขาจะค่อนข้างน่าสงสัยและทําตัวเชื่องช้าก็ตาม
กู้จวิน…อาจขึ้น!! เธอยังมีสติอยู่ไหม? ตื่นขึ้นสิ!!!
ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าเสวี่ยป้าที่ยืนอยู่หรือหลินต่อที่ยืนพิงกําแพงอยู่ พวกเขาส่วนใหญ่สังเกตเห็นความผิดปกติของกู้จวินได้แล้ว แม้พวกเขาจะไม่ใช่หมอผีหรือนักจิตวิทยา… แต่ด้วยความที่สังกัดอยู่หน่วยพลังงานผิดปกติมาอย่างยาวนาน พวกเขาจึงมีประสบการณ์ในการเห็นเรื่องราวแปลกๆมามากมายและอาการของจวินถ้าพูดให้ตรงที่สุดก็น่าจะเป็นพลังงานชีวิตของเขาค่อยๆหลุดออกจากร่างแววตาและสัมผัสอื่นในฐานะมนุษย์ก็ค่อยๆลดลงไป
คล้ายกับว่าชายหนุ่มกําลังจะหลุดเข้าไปอยู่ในโลกวิญญาณหรือโลกในจิตใต้สํานึกที่ห่างไกลออกไปอีก… ซึ่งอาการแบบนี้…มันต้องเกี่ยวข้องกับพลังงานที่ผิดปกติอย่างแน่นอน ชั่วขณะนั้นทุกคนเต็มไปด้วยความเป็นห่วงพวกเขามองกู้จวินด้วยความกังวล
และก็เป็นที่พวกเขาคิด…วิญญาณของคู่จวินล่องลอยไปตามสายลมยามค่ําคืนอันกว้างใหญ่ดวงจิตของเขาถูกยกตัวขึ้นเหนือพื้นดินเขาล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย โดยไม่มีจุดหมายใดๆในใจเขาแหวกว่ายไปในทะเลแห่งกระแสจิตหากแต่ความจริงเขายังอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินในซากปรักหักพังเก่า ๆ…หรือไม่ตอนนี้เขาอาจจะอยู่ลึกลงไปในเหวใต้ทะเล? ในขณะที่กําลังคิดฟุ้งซ่านกู้จวินก็ลืมตาขึ้น…เสียงแหบของเขาดังออกมาราวกับกําลั จะร้องขอความช่วยเหลือ…และเมื่อเห็นทุกคนกําลังรายล้อมเขาก็นึกได้
ลุงต้าน ฉันไม่เคยทําแบบนี้มาก่อน ฉันไม่รู้ว่าจะต้อง… คู่จวินปฏิเสธ..เรื่องนี้เขาไม่เคยทํามาก่อนเลไม่มั่น
ไม่เป็นไร! เธอแค่ทําตามที่ฉันพูด มันจะไม่มีปัญหาเพราะเธอได้ศึกษาโครงสร้างของตามาก่อนแล้ว ลุงแดนเรียกตัวกูจวินทันทีแม้เขาจะยังกังวลอยู่ก็ตาม ไม่มีเวลาฆ่าเชื้อในมือของเธอแล้วแค่ใส่ถุงมือก็ทํางานได้มาเร็ว
ลุงต้านครับ… ในทันใดนั้นเองดวงตาของจวินก็กระตุกอีกครั้ง สติส่วนหนึ่งของเขาถูกแช่แข็งในขณะที่ส่วนที่เหลือได้เข้าที่ต่างฝ่ายต่างต่อสู้เพื่อให้ร่างกายอยู่ภายใต้การควบคุม
เธอกําลังรออะไรอยู่? มาเร็วๆสิ ลุงต้านเรียกร้องคู่จวินอย่างเกรี้ยวกราด ตอนนี้ไม่ว่าจวินคนนั้นจะเป็น สายลับหรือคนต้นเหตุที่ทําให้เพื่อนร่วมองค์กรสูญเสียชีวิตไปเนื่องจากพลังอาถรรพณ์ แต่ตอนนี้พวกเขาต้อ งการความช่วยเหลือจากกู้จวินอย่างเร่งด่วน
สิ่งที่สําคัญที่สุดในการปฏิบัติการฉุกเฉินคือเวลา! เห็นไหมเป็นความตายกําลังจะมาแล้ว กูจวินตื่นขึ้นเร็ว เข้า! อย่าปล่อยให้ถูกควบคุม…คนไข้ของเธอกําลังจะตายนะ จําได้ไหม? บทบาทของเธออยู่ในฐานะหมอ!
เสวี่ยป้ายกมือขึ้นเพื่อหยุดสมาชิกในทีมคนอื่น ๆ ที่ต้องการให้กู้จวินนึกถึงพวกเขาแล้วคืนสติ…พระเจ้าช่วย! ที่ผ่านมาล่าสุดทุกคนล้วนสงสัยคู่จวิน และแอบเขม่นเขาไว้…ถ้ากูจวินอยู่ในภวังค์จริง ต่อให้พวกเขาเรียกเท่า ไหร่ก็คงไม่ตื่นหรอก
และที่สําคัญสัญชาตญาณของเขาบอกว่ามีเพียงลุงต้านเท่านั้นที่สามารถขอร้องกู้จวินได้นี่อาจเป็นเพราะลุงต้านไม่ได้แสดงเจตนาร้ายต่อกู้จวินมาก่อน และตรงกันข้ามเขาดีกับคู่จวินมากๆ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาลงต้านได้เอาก์จวินไว้ในใต้ปีกเขาและสั่งสอนวิชาการแพทย์ฉุกเฉินให้อย่างอบอุ่นราวกับเด็กหนุ่มเป็นลูกหลานกู้จวินจึงได้เรียนรู้อย่างมากมายจากแพทย์ที่มีประสบการณ์
เสียงตําหนิจากลุงต้านทําให้หัวใจของคู่จวินกระตุกวูบ ราวกับไฟที่ถูกจุดภายในห้องเย็นฉ่ําความเจ็บปวดที่เกิดจากมันทําให้เขาหลุดพ้นจากการควบคุมแบบงุนงง
เอ๋…ทําไม…ทําไมฉันถึงบอกว่า ฉันไม่รู้ จะทํายังไงดี หัวของจวินกระตุกเต้นรัวอย่างแปลกๆมันเป็นความพยายามของฉันที่จะแก้แค้นลู่เสี่ยวหนิงใช่หรือไม่?ฉันจะมีความสุขไหมที่ได้เห็นเธอตายอย่างเจ็บปวดและได้ยินคนอื่นกําลังร้องขอความช่วยเหลือจากฉัน?เพราะพวกเขาสงสัยในตัวฉันดังนั้นพวกเขาจึงสมควรตายอย่างเลวร้าย?
เสียงกระซิบที่แผ่วเบาเส้นทางหินนี้…ดูเหมือนจะกระตุ้นความชั่วร้ายภายในตัวเขาออกมามันหลอกล่อให้เขายอมจํานนต่อความมืดมิดและเข้าสู่ด้านมืดอย่างเต็มตัว!
ถ้าเธอไม่ช่วยก็หลบไปให้พ้น! ลุงต้านรู้ดีว่าไม่มีเวลาให้เสียอีกต่อไป แถมคู่จวินก็ยืนบังแสงด้วย ฮ่าวฮ่าวถ่างตา!
เครื่องมือนี้จัดอยู่ในชุดปฐมพยาบาล เนื่องจากการบาดเจ็บที่ดวงตาเป็นอาการบาดเจ็บที่พบบ่อยสําหรับหน่วยนักล่าอสูร เนื่องจากหน่วยนักล่าอสูรนั้นเป็นหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่หน่วยย่อยดังนั้นพวกเขาจึงต้องสํารวจสิ่งต่างๆตามที่ได้รับมอบหมายไม่ว่าจะเป็นใต้ทะเลบนบกในน้ําหรือว่าใต้ดินแม้กระทั่งพื้นที่ลึกลับต่างๆที่อันตรายพวกเขาก็ต้องเข้าไปสํารวจ… ดังนั้นอาการบาดเจ็บมันย่อมเลี่ยงไม่ได้โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากอวัยวะสําคัญพวกเขาจึงต้องเตรียมเครื่องมือเอาไว้เป็นเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นตลอดเวลา
ก่อนอื่นลุงต้านก็จับตะขอเหล็กสองง่ามแล้วเขาก็หันไปมองลู่เสี่ยวหนิงและพยายามสอดเครื่องมือเข้าไปในตาขวาของเธออย่างไรก็ตามใบหน้าของลุงต้านก็ซีดลงทันที มือของเขาสั่นอย่างรุนแรงจนแทบไม่สามารถจับเครื่องมือได้ อ่า…อ่า
การทําอะไรไม่ถูกของลุงต้านและอาการแปลกอยู่ในสายตาของเสี่ยป้ามาตลอด เขารีบพุ่งไปข้างหน้าทันที่เพื่อดึงลุงต้านกลับมา พอแล้วลุงต้าน!เราจะสูญเสียสมาชิกไปกับความบ้าคลั่งแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป!
คําพูดนี้หนักกว่าบรรยากาศรอบตัวพวกเขาเสียอีก แต่ลุงต้านก็ไม่ยอม เขายังคงดิ้นรนต่อไปเพื่อจะไปหาลู่เสี่ยวหนิง เธอยังมีโอกาสรอดแค่ฉันต้องเอาลูกตาของเธอออกเท่านั้น
การดึงลูกตาทั้งลูกออกอย่างหมดจดโดยใช้ไม้กระทั่งเข้าที่เข้าตาจะเกิดขึ้นในภาพยนตร์ตลกร้ายๆเท่านั้นในความเป็นจริงลูกตาของมนุษย์ได้รับการปกป้องอย่างดีจากอวัยวะที่ติดอยู่กับกล้ามเนื้อตาทั้งหก
หากไม่รู้ว่าจะเอาลูกตาออกได้อย่างไรและทํามั่วๆ มันจะนําไปสู่ความเสียหายที่ไม่อาจแก้ไขได้ทันที
ตัวอย่างเช่นลูกตาจะเหลือครึ่งหนึ่งและห้อยออกจากเบ้า นั่นก็เพราะลูกตายังคงติดอยู่กับกล้ามเนื้อบางส่วนหรือมีแค่เนื้อเพียงครึ่งหนึ่งที่ถูกขุดออกไป แต่อีกครึ่งหนึ่งถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างในทําให้ลูกตายังไม่หลุด
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น เสวี่ยป้าก็พยายามดึงลุงต้านออกไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คํารามด้วยความโกรธ ฮาวฮ่าวเอามีดผ่าตัดมาให้ฉัน ฉันจะทําเอง!
เมื่อเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้าของลุงต้านและความสับสนวุ่นวายที่ถาโถมเข้ามาในทีมนักล่าอสูรแรงกดดันนี้ก็ทําให้กู้จวินรู้สึกเจ็บปวด จากนั้นสติสัมปชัญญะของเขาก็กําลังตื่นขึ้น…
การควบคุมสติที่รุนแรงขนาดนี้ ต่อให้เป็นคนโง่ก็บอกได้ว่ามันคือพลังงานชั่วร้ายอย่างแน่นอน… ถ้าเป็นนิยายกําลังภายในนี้อาจจะเรียกได้ว่ามันเป็นกําลังภายในของเผ่าปีศาจพวกมารแต่ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้กู้จวินควรให้นิยามว่ามันคือพลังงานที่ชั่วร้ายชนิดหนึ่ง
และมันมีพลังมหาศาล มันสามารถสร้างความตื่นตระหนกให้กับบุคคล สร้างความสงสัยบ่มเพาะความโดดเดี่ยวและสร้างความกลัว เพราะมันคือความชั่วร้ายและทุกอย่างมันก็คือกับดักชิ้นใหญ่ที่ถูกวางไว้แล้วตั้งแต่ต้น
ตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาทั้งสิบหกคนเดินเข้าไปในโพรงต้นไทร พวกเขาก็ตกหลุมพรางแล้ว พวกเขาต้องพบ กับหนอนยักษ์ใต้ดินลมพายุประตูสีแดง
หรือจริงๆ แล้วพวกเขาทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของแผนการณ์ร้ายนี้ใช่หรือไม่? ขณะที่หน่วยของเขากําลังเคลื่อนตัวลงไปในอุโมงค์พวกเขาก็ได้คุยกันถึงจุดประสงค์ของการสร้างอุโมงค์หิน
หน่วยนักล่าอสูรอาจจะไม่รู้… จริงๆพวกเขาไม่เคยรู้อะไรอยู่แล้วแต่ตอนนี้กู้จวินรู้ทุกอย่างแล้ว อุโมงค์บ้า บอนี้ทําขึ้นมาเพื่อที่จะนําพาเขาไปสู่หุบเหว… ใช่!มันทํามาเพื่อจะฝังกลบวิญญาณของเขาไว้ในที่แห่งนี้แล้วยึดร่างไปแบบสบายๆ
คุณ..กู้เรารู้จักคุณดีกว่าคุณรู้จักตัวเอง มันเป็นคาถาบนหินสีดําชีพจรของชีวิตในเส้นทางหินก็เป็นสีดําเช่ นกัน…ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่เขามองเห็น!
หลังจากสิ้นความประหม่างนงงไป สติของเขากําลังจะกลับมาอีกครั้งทันใดนั้นความคิดของคู่จวินก็ปลอด โปร่ง ไฟแห่งความโกรธแล่นผ่านหัวใจของเขาทันที…เขาขบฟันและก่นด่าสิ่งชั่วร้ายกลับไปอย่างเงียบๆเมื่อเสียงกระซิบที่คืบคลานเข้ามาในสมองของเขาอีกครั้งกู้จวินก็ชักนิ้วกลางด่ากราดกลับทันที หุบปาก!ฉันเป็นหมอ!แกแค่ดูฉันช่วยชีวิตลู่เสี่ยวหนิงก็พอแล้ว!
ด้วยความโกรธที่มหาศาลเกินจะหยุดยั้ง…ตลอดเวลาที่ผ่านมาจวินไม่เคยยอมให้ใครมาควบคุมร่างกายและจิตใจได้ถึงขนาดนี้เมื่อถูกพลังงานลึกลับเข้าครอบงําสิ่งที่เหนือกว่าความเกรงกลัวก็คือความโกรธ… มันก็คล้ายกับเป็นของตัวเองมาตลอดแต่จู่ๆก็ถูกแย่งไปเสียงั้น
ความสับสนและความหวาดกลัวก่อนหน้านี้หายไปจนสิ้น.. คล้ายกับน้ําที่ถูกความร้อนแผดเผาจนระเหยขึ้นไปบนฟ้ามันหายไปเลยแม้กระทั่งความน่ากลัวและเสียงที่เต็มไปด้วยเจตนาร้าย พวกมันเหมือนกับถูกโยนลงไปในเหวลึก… มันเงียบแล้วไม่กล้าเสนอหน้ากลับมาอีก
กู้จวินที่สามารถขับไล่เสียงแบบนั้นให้กลับไปที่ที่มันมาได้ เขาก็เต็มไปด้วยความสุขใจ… อย่างน้อยเขาก็สา มารถรักษาร่างกายของตัวเองไว้ได้ โดยไม่ต้องถูกพลังงานลึกลับโจมตี
แต่ในขณะนั้นเอง ตอนที่เขากําลังถูกครอบงํา ความคิดของเขาได้คล้ายกับรวมเป็นหนึ่งทําให้เขาสามารถเห็นความจริงและเหตุการเชื่อมโยงบางอย่างที่ไร้รอยต่อมาอย่างยาวนานได้… และความสงสัยก็ได้เกิดขึ้นในจิตใจของเขา