ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก – ตอนที่ 147

ตอนที่ 147

ตอนที่ 147 ความไว้ใจที่พังทลาย

ในขณะที่เธอถูกดึงออกจากประตูสีแดง…ทุกคนในที่นี้ก็ได้เห็นมัน

 อา… 

 พี่หนิง! 

ใบหน้าที่ค่อนข้างสวยของลู่เสี่ยวหนิงถูกปกคลุมไปด้วยเส้นเลือดสีแดงปูดโปนที่ผุดขึ้นเกือบครึ่งใบหน้า ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความกลัวจากกันึ่งของหัวใจ..ดูจากแววตาและท่าทางของเธอ ความกลัวนั้นได้ถูกฝังลึกและตราตรึงเอาไว้อย่างที่ไม่มีวันลบล้างได้ ราวกับว่าสิ่งที่เธอได้เห็นนั้นมันทําให้เธอหมดซึ่งกําลังใจ… แม้กระทั่งจิตใจที่อ่อนโยนของเธอก็ถูกทําลายจนหมดสิ้น

ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความว่างเปล่าทางอารมณ์… ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ ดวงตาข้างขวาของเธอที่มองผ่านรูนั้นยังคงเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว… ดวงตาข้างนั้นคล้ายกับพยายามเพ่งมองสิ่งที่อยู่ในรูนั่นด้วยความสยดสยอง

ดวงตาข้างขวานั้นบวมขึ้นมา แม้กระทั่งเบ้าตาก็ยังบวมปูดและมีเลือดไหลออกมาจํานวนมาก… มันคล้ายกับคนกําลังสูญเสียการมองเห็น… แววตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความมืดมน และไร้ซึ่งสติปัญญาอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งแววตาแห่งชีวิตชีวาที่เธอเคยมีก็หายไปจนสิ้น

ดวงตาของเธอกลายเป็นดวงตาที่แปลกประหลาดคล้ายกับว่าต่อจากนี้เธอจะไม่สามารถเห็นอะไรได้อีกแล้วในชีวิต… ราวกับว่าสายตาของเธอยังคงติดอยู่กับภาพที่น่ากลัวผ่านรูนั้น และภาพที่น่ากลัวนั่นก็ได้กักขังวิญญาณของเธอเอาไว้… ทําให้แม้จะละสายตาจากมันมาได้ แต่จิตวิญญาณของเธอก็ยังคงตราตรึงอยู่กับความหวาดกลัวอย่างนั้นตลอดไป

เมื่อเห็นลู่เสี่ยวหนิงอยู่ในสภาพนี้ทุกคนก็หนาวสั่นไปจนถึงกระดูกสันหลัง… ความกล้าหาญของหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่ที่ถูกแสดงออกมาบังหน้าความกลัวได้สลายลง ความกลัวที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในจิตใจของพวกเขาได้ประทุออกมาอย่างเงียบๆ

เสียงพูดคุยของพวกเขาเงียบลง ในชั่วพริบตาอุโมงค์นั้นก็เต็มไปด้วยความเงียบเหงา คล้ายกับว่าในที่แห่งนี้ไม่มีคนอยู่เลย

บรรยากาศรอบๆเต็มไปด้วยความกดดันและบิดเบี้ยวไปหมด สถานการณ์เต็มไปด้วยความเลวร้าย

 รออะไรอยู่ รีบพาเธอออกไปจากประตูเดี๋ยวนี้!  เสวี่ยป้าตกใจจนแทบหยุดหายใจ แต่ในฐานะหัวหน้า เขาก็ยังคงรักษาความเย็นยะเยือกของเขาเอาไว้ นั่นจึงทําให้บรรดาลูกทีมทั้งหมดยังไม่สติแตก… พวกเขาฟังคําสั่งหัวหน้า จากนั้นก็รีบขนย้ายลู่เสี่ยวหนิงไปวางบนชั้นบันไดขั้นที่สูงกว่าปกติและไกลจากประตูมากที่สุด

พวกเขาหันไปมองประตูสีแดงอีกครั้งหนึ่งด้วยความกลัว หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าไปมองมันอีก ทุกคนหันมามองลู่เสี่ยวหนิงที่กําลังบาดเจ็บอยู่

ในขณะที่ทีมจู่โจมกําลังย้ายลู่เสี่ยวหนิงขึ้นบันได ลู่เสี่ยวหนิงไม่ได้ขัดขืนดิ้นรนอะไรทั้งสิ้น เธอทําตัวปล่อยร่างกายตามสบายคล้ายกับเธอเป็นเพียงแค่ตุ๊กตาตัวหนึ่ง…

สิ่งเดียวที่เธอแตกต่างจากตุ๊กตาก็คือเธอยังมีชีวิตอยู่ และส่งเสียงแปลกๆออกมาจากลําคอตลอดเวลาราวกับเธอได้รับรู้เหตุการณ์ที่น่ากลัวบางอย่างทําให้สูญเสียสติและจิตสํานึกไป แม้กระทั่งสติสัมปชัญญะตามปกติที่ควรมีก็หายสาบสูญ

ใบหน้าที่งดงามของเธอนั้นซีดเผือด มีเพียงลูกตาด้านขวาของเธอเท่านั้นที่กลายเป็นสีแดง… ด้านบนของดวงตานั้นมีเส้นเลือดโป่งพองขึ้นมาปกคลุม ลูกตาตามปกติของเธอบวมขึ้นและแทบจะยื่นออกมาจากใบหน้า

ด้วยอาการบวมของดวงตามันคล้ายกับว่าศีรษะของเธอนั้นบิดเบี้ยวไปตามมัน…. สภาพของเธอตอนนี้ช่างดูแปลกประหลาดและน่ากลัว

 แพทย์! มาดูคนเจ็บเร็วเข้า  เสวี่ยป้าตะโกนด้วยความโกรธและความวิตกกังวล แน่นอนว่าเขาไม่ได้โกรธแพทย์ที่มาช้า… และไม่ได้โกรธลู่เสี่ยวหนิงที่บุ่มบาม.. เพียงแต่เขาโกรธตัวเองที่ใช้แผนนี้โดยไม่ไตร่ตรองก่อน ทําให้ลู่เสี่ยวหนิงต้องได้รับบาดเจ็บโดยที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย… ไม่สิ! อย่างน้อยก็ได้กลับมาคือประตูนี้อัน ตรายมากและไม่ควรมีใครเข้าไปใกล้มันอีกอย่างเด็ดขาด ส่วนที่เขาวิตกกังวลก็คืออาการของเธอนั้นหนักหนาสาหัสมาก แม้เขาไม่ใช่แพทย์แต่เขาก็มองออกว่าดวงตาของเธอข้างนี้…เป็นไปได้ว่าคงจะไม่อาจรักษาได้อีกต่อไป…

ลุงต้านและจางฮ่าวฮ่าวเตรียมพร้อมตั้งนานแล้ว หลินม่อเองก็เช่นกัน…เขารีบลุกมายืนพิงกําแพงบนเสื้อๆ เก่าและยอมสละเปลนอนให้แก่ลู่เสี่ยวหนิงได้พักผ่อน ดังนั้นหยางเหอหนานและคนอื่น ๆ จึงรีบวางลู่เสี่ยวหนิงลงบนเปลและรัดเธอเข้าที่เพื่อให้พร้อมสําหรับการผ่าตัด

 คุณลู่ คุณได้ยินฉันไหม คุณเห็นฉันไหม??  ลุงต้านเฝ้าสังเกตผู้ป่วยของเขาก่อนตามหลักของจิตวิทยา แต่ลู่เสี่ยวหนิงไม่ตอบสนองเขาแม้แต่น้อย  ให้ตายเถอะเธอไม่รู้สึกตัวเลย เธออาจจะหลอน… 

จากนั้นเขาก็หยิบไฟฉายขึ้นมาเพื่อตรวจสอบดวงตาของเธอ ตาซ้ายยังใช้การได้ดี แต่ตาขวาเสียชีวิตจากเนื้อร้ายสีแดงนี่ไปแล้ว

ทว่า.. ทันทีที่เขาจ้องดวงตาของลู่เสี่ยวหนิงนานๆเข้า เขาก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ… มันแปลกมาก ยิ่งมองเท่าไหร่เขาก็รู้สึกว่าความรู้สึกของเขาไม่มั่นคง…ยิ่งมองยิ่งปวดหัวและเห็นภาพแปลกๆด้วย

ดวงตาข้างนี้ของลู่เสี่ยวหนิงที่โดนเนื้อร้ายนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว… เขาเองก็บอกไม่ได้ว่ามันแปลก เรื่องอะไร แต่ยิ่งมองเขาก็ยิ่งไม่สบายใจมากขึ้น

แต่ว่าเขาเป็นแพทย์ไม่ใช่หมอผี!

…ลุงต้านหายใจเข้าลึก ๆ และให้แพทย์คนอื่นมาวินิจฉัยดีกว่า เขาตะโกนเรียกผู้ช่วยทันที  อาจวิ้นมาช่วยฉันทายาชาให้เธอก่อน! เราต้องเอาตาขวาของเธอออกเดี๋ยวนี้! เราอาจสูญเสียเธอไปถ้าเราไม่ช่วยเธอและรักษาเธออย่างรวดเร็ว!  เสียงของลุงต้านเต็มไปด้วยความรีบร้อน นั่นก็เพราะเมื่อดูอาการของของลู่เสียวหนิง ถ้าช้าไปคงรักษาไม่ทันการ

ทันทีที่คําๆ นี้ออกมา… ทุกๆคนก็หันไปทางจวินที่กําลังยืนอยู่ริมกําแพงทันที และจากนั้นทุกคนก็พบว่ากู้จวินหนีไปอยู่กําแพงฝั่งนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้… เขาไปยืนห่างไกลจากกลุ่มของทุกคนมาก ราวกับว่าเรื่องลู่เสี่ยวหนิงบาดเจ็บหรือเรื่องภารกิจอะไรนี่ไม่เกี่ยวกับเขาโดยสิ้นเชิง…. อีกทั้งใบหน้าของคู่จวินยังก้มลงต่ํา พวกเขาจึงรู้ว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่หรือมองอะไรอยู่กันแน่… และที่สําคัญกว่านั้นการที่เขาหนีไปอยู่กําแพงตรงนั้นแล้วเขา ก็คือเขาไม่ขยับแม้เพียงนิด คล้ายกับไม่ได้ยินคําสั่งของลุงต้านก็ไม่ปาน… หรือเขาอาจจะได้ยินแต่ไม่สนใจ

ดวงตาของหยางเหอหนานและโจวยี่สว่างขึ้นด้วยความโกรธทันที แม้ว่าพวกเขาจะบอกว่าตนเองเชื่อใจกู้จวินกันก็ตามที และแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ากูจวินพยายามเต็มที่ก่อนหน้านี้ แต่สภาพที่น่าสยดสยองของลู่เสี่ยวหนิงก็ทําให้จิตใจของพวกเขาสับสน คล้ายกับว่าพวกเขากําลังสงสัยว่ากู้จวินนั่นแหละที่เป็นคนนําพาลู่เสี่ยวหนิงมาพบเจอเรื่องเฮงซวยแบบนี้ อีกความคิดหนึ่งพวกเขาก็คิดว่ากู้จวินอาจจะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ ในขณะที่บางคนก็คิดว่าบางทีเรื่องพวกนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับกู้จวิน เพราะกู้จวินก็พยายามช่วยพวกเขาเต็มที่แล้ว

ในขณะที่บางคนก็คิดอีกอย่าง… กู้จวินนั้นมีประวัติที่ไม่ดี เขามีพ่อและแม่ที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับทางไล่เฉิงและอาจจะเป็นสมาชิกคนสําคัญ ในขณะที่กู้จวินก็คือสมาชิกรุ่นต่อไปของลัทธิ… ดังนั้นแล้วพวกเขาจําเป็นต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จวินอาจจะเป็นเบี้ยของกลอุบายที่แสนอุบาทว์ของคนอื่น

และการที่กู้จวินมายืนอยู่ตรงนี้อาจเป็นเพราะมีใครกําลังบงการเขา… และการที่หน่วยปฏิบัติการทั้งหมดต้องประสบพบเหตุเคราะห์ร้ายแบบนั้นเป็นสาเหตุเดียวกันหรือไม่

พวกเขาไม่รู้คําตอบที่แท้จริงจึงได้แต่มองกู้จวินด้วยความสงสัย แม้พวกเขาจะไม่กล้าไปบีบคั้นแต่ความเชื่อใจในจิตใจก็เริ่มถดถอยลงในทุกๆที่

โดยเฉพาะกู้จวินที่รู้บางอย่างเกี่ยวกับในอุโมงค์นี้แต่ไม่ยอมบอก… เขาอาจจะบอกแต่บอกไม่หมด และเป็นไปได้ว่าเขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าทําอะไรด้วย จนทําให้พวกเขาเริ่มสงสัยว่าบางทีอุโมงค์แห่งนี้รวมถึงกับดักรวมถึงอาการบาดเจ็บของลู่เสี่ยวหนิงนี้เป็นเพียงแผนที่มีคนแอบวางไว้

นับตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในพื้นที่นี้ มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากําลังทําตามแผนที่กําหนดของใครบางคน แต่แผนนี้จําเป็นต้องทํางานร่วมกับความสามารถของกู้จวินในการเปิดใช้งานอักขระต่างโลก

แต่เป้าหมายของพวกเขาคืออะไร?

แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่คิดว่าจะมีใครมาเพื่อเอาชีวิตของพวกเขา! นั่นก็เพราะโครงสร้างของหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้บุคลากรไม่สามารถทดแทนได้… ไม่อย่างนั้นหน่วยนี้คงล่มสลายเพราะการตายของสมาชิกไปตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว เมื่อรวมกับคําสอนที่ว่าสามารถสละชีวิตเพื่อเพื่อนร่วมทีม นั่นก็ทําให้ชีวิต ของสมาชิกของหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่ยิ่งสําคัญน้อยลง นั่นก็คือต่อให้พวกเขาตายก็จะมีคนอื่นมาแทนอยู่ดี… ดังนั้นการที่ศัตรูจะมาตามราวีเอาชีวิตของพวกเขานั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเลย ก็อย่างที่บอก พวกเขาไม่ได้รู้อะไรและพร้อมที่จะถูกแทนที่โดยคนรุ่นใหม่อยู่เรื่อยๆ

 มุ่งเน้นไปที่การช่วยชีวิตเธอก่อน!  เสวี่ยป้าปรบมือและตะโกนบอกทุกคน ตอนนี้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในสภาวะทางอารมณ์ของคนในกลุ่ม แม้แต่ความไว้วางใจที่เขาอุตส่าห์มอบให้กู้จวิน ตอนนี้มันก็แทบจะหลุดลุ่ย

 ต้องใช้ยาชาเฉพาะที่  ลุงต้านดูอาการผ่านๆ อีกครั้งก่อนที่สั่งจางฮ่าวฮ่าวไปพร้อมกับในขณะที่ล้างมือเพื่อฆ่าเชื้อ เนื่องจากแหล่งน้ําหายาก พวกเขาจึงไม่ได้ทําสิ่งนี้ในระหว่างการเตรียมการก่อนหน้านี้ และเมื่อเห็นกู้จวินเดินเข้ามา เขาก็ตะโกนใส่กู้จวินที่เดินมาหาเขาทันที  ฉันต้องการทั้งหมด 4.5 มล. ลิโดเคนสองเปอร์เซ็นต์ ถึงบูปวาเคน 0.5 เปอร์เซ็นต์! 

เมื่อพิจารณาถึงอาการที่ลู่เสี่ยวหนิงเป็น…การฉีดยาชาทั้งตัวน่าจะปลอดภัยกว่า แต่ลุงต้านก็กําลังหนักใจ เพราะก่อนหน้านี้มีแบบอย่างของการผ่าตัดโรคต้นไทรที่ผิดรูปแบบให้พิจารณาอยู่ เหยื่อผู้โชคร้ายกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่ใช้ยาชาทั้งตัว พวกเขายังคงหมดสติแม้ว่าการผ่าตัดจะประสบความสําเร็จก็ตาม แม้ว่าจะยังไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอย่างนี้ แต่ลุงต้านก็ไม่กล้าตัดสินใจอย่างเร่งรีบ เพราะสถานที่แห่งนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับโรคต้นไทรที่ผิดรูปแบบ…และไม่แน่ว่าโรคมนุษย์ต้นไทรที่ผิดรูปแบบอาจจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอาการบาดเจ็บของลู่เสี่ยวหนิง… และถ้ามันเกี่ยวข้องกันจริง การวางยาชาทั้งตัวไม่ต่างอะไรกับดับ อนาคตของเธอ…แล้วเขาจะทําได้อย่างไรกัน

 โอ…โอเคครับ..  กู้จวินพยักหน้าและเดินไปทําความสะอาดมือของเขา จากนั้นด้วยความช่วยเหลือของจางฮ่าวฮาว พวกเขาจึงเตรียมยาชาอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็ย้ายไปที่ด้านข้างของลู่เสี่ยวหนิง เพื่อจะเอายาชานั่นไปใช้กับเธอ

 

ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก

ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก

Status: Ongoing

เรื่องย่อ ครั้งหนึ่ง ถนนเส้นนี้เคยคึกคักครึกครื้น และเต็มไปผู้คนหัวเราะเสียงดัง ทว่าเวลาผันผ่าน..ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร บรรยากาศบนท้องถนนเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าขนลุก เสียงกระซิบที่แหบแห้งและบ้าคลั่งดังก้องอยู่เหนือท้องฟ้า มีปีศาจยักษ์ใหญ่จากโบราณอันน่ากลัวจนที่ไม่อาจอธิบายได้ แฝงตัวอยู่ในเงามืดของมหาสมุทรที่ไร้ก้นบึ้ง ภัยพิบัติลึกลับได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเเละขยายตัวกระจายไปยังทั่วโลก การระบาดของโรคร้ายและความหายนะทำให้ฝูงคนทั่วโลกตื่นตระหนก ผู้คนหวาดกลัวเเละพากันอพยพหนีตายกันจ้าล่ะหวั่น..มีเพียงหนึ่งเดียวที่พวกเขาต้องการนั่นคือ ที่ซุกหัวที่อบอุ่นเเละปลอดภัยเพียงเท่านั้น หยาดฝนโลหิตไหลรินทั่วแผ่นดิน ในขณะที่มวลมหาสายฟ้าผ่าทั่วท้องนภาอย่างบ้าคลั่ง เเสงสว่างของมันส่องให้เห็นฝูงกาที่กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่ด้านบน “ เราจะเห็นว่าสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างผิดปกตินี้มีซี่โครงสิบสองคู่เหมือนมนุษย์ แต่ยังมี“ กระดูกขวาง” ที่มนุษย์ไม่มี…” ในโรงเรียนแพทย์ กู้จวินยังคงนำมีดผ่าตัดของเขา ผ่าลงที่ซากศพโดยแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างทรวงอกที่ผิดปกติของซากศพ โดยรอบๆโต๊ะผ่าศพมีนักเรียนหลายคนมองดูอยู่ ช่วงเวลาที่เลวร้ายและการเเก่งเเย่งได้ใกล้เข้ามา! ความจริงและตรรกะที่พังทลายคำสั่งวิปริตเข้าสู่ความบ้าคลั่ง มนุษยชาติสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยพลังแห่งสติปัญญาและสติ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน