…
ดินแดนภูเขาทางใต้อุดมไปด้วยผืนป่าถิ่นฐานทั้งหกและเมืองภูเขาเซียนเรียงกันตามกลุ่มดาวไถ
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย…
ดินแดนภูเขาทางใต้เหลือเพียงถิ่นฐานราชสีห์คำรามเท่านั้นพื้นที่อื่นๆถูกรุกรานโดยเผ่าปีศาจหมดแล้ว
ถิ่นฐานหนานหลิงเองก็เช่นกันนอกจากนี้มันยังเป็นถิ่นฐานที่ใกล้กับพวกปีศาจมากที่สุดและด้วยพื้นที่ที่เป็นหน้าผาล้อมด้วยภูเขา แม้มันจะเป็นพื้นที่ที่อันตราย แต่กลับกันมันเป็นปรากานชั้นดีเพื่อป้องกันการบุกรุกของพวกปีศาจ
ตอนนี้ในถ้ำเล็กๆห่างจากถิ่นฐานหนานหลิงไม่ไกลมากนักมีถ้ำเล็กๆตั้งอยู่ ต้นไม้ขนาดใหญ่ปกปิดการมีอยู่ของถ้ำนี้ เป็นเรื่องยากที่ผู้คนจะสังเกตุเห็นมัน ถ้าไม่รู้ว่าเคยมีถ้ำตรงนี้มาก่อน
ด้านในกองไฟกำลังลุกไหม้ด้านบนมีเนื้อของเสือดำริ้วทองอยู่
มันเป็นเรื่องยากมากที่จะได้พบกับเสือดำริ้วทองในดินแดนภูเขาทางใต้มันเป็นสัตว์ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารและมีความคล่องแคล่วสูงมาก
เมื่อฆ่ามันแล้วหลังจากทำความสะอาดเล็กน้อยก็สามารถเอามาทำเป็นอาหารได้
ฟู่!เสียงที่แผ่วเบาดังขึ้นจากปากถ้ำก่อนที่สัตว์ร้ายจะบินเข้าไปข้างใน
ร่างที่นั่งอยู่ยกแขนขึ้นให้สัตว์ตัวนั้นบินมาเกาะ
มีจดหมายผูกไว้ที่เท้าของมันร่างนั้นหยิบจดหมายออกมาก่อนจะหันมองหัวหน้าถิ่นฐานที่สวมหนังสัตว์ทั้งสามคน
หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามต่างนิ่งเงียบในขณะที่มองจดหมายถูกเปิดออก อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าร่างนั้นไม่ต้องการบอกเนื้อหาในจดหมายและโยนมันทิ้งลงกองไฟทันทีหลังจากอ่านจบ
จดหมายค่อยๆถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน
เกิดอะไรขึ้นมีข่าวคราวเกี่ยวกับดินแดนภูเขาทางใต้หรือไม่? ตอนนี้ถิ่นฐานราชสีห์คำรามเป็นยังไงบ้าง? ถูกพวกปีศาจบุกหรือยัง? แล้วพวกทหารเป็นยังไงบ้าง? หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามมองไปที่ฉานยู่และเอ่ยถามเรื่องต่างๆจากร่างที่อ่านจดหมาย
ร่างที่สวมชุดที่มีคำว่า’เทพเจ้า’ ปักอยู่ด้านหลัง
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ตอบกลับเขาเพียงโบกมือให้หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามเท่านั้น
หัวหน้าถิ่นฐานต่างกัดฟันแน่นพวกเขาพยายามถามเรื่องต่างๆมากมายตลอดหลายวันมานี้ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบจากผู้ที่อ้างตนเป็นเมิ่งเทียนแม้แต่น้อย
ผู้อาวุโสเนื่องจากท่านมีพลังมากและสามารถเอาชนะหลินจีได้ ท่านต้องสามารถช่วยพวกเราเอาดินแดนภูเขาทางใต้คืนมาได้อย่างแน่นอน ชีวิตอีกหลายพันคนในดินแดนภูเขาทางใต้ พวกเราหวังว่าท่านสามารถ…
ข้าง่วงแล้วพวกเจ้าอิ่มแล้วใช่ไหม? ถ้างั้นฝากเฝ้ายามด้วย ร่างนั้นโบกมือเล็กน้อยจากนั้นก็หาวและโน้มตัวลง
นี่… หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามมองหน้ากันและถอนหายใจก่อนหันมองฉานยู่ที่ยังคงนิ่งเงียบ
ฉานยู่พยักหน้าเล็กน้อยเมื่อมองไปที่หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามก่อนจะหยิบมีดออกมาหั่นเนื้อบนกองไฟและส่งให้ร่างนั้น
เมื่อเห็นเช่นนั้นหัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามก็ลุกขึ้นและออกไปที่ปากถ้าอย่างรวดเร็ว
มันเย็นหมดแล้ว ร่างนั้นรับเนื้อมาและกัดเข้าไปคำหนึ่ง
ข้าทำชุดคลุมหนังสัตว์เอาไว้หากผู้อาวุโสไม่รังเกียจ… ราชินีแดนใต้พยายามทำให้ข้าพอใจอยู่งั้นหรือ? ร่างนั้นขัดจังหวะฉานยู่และค่อยๆลุกขึ้นมองไปที่ฉานยู่ที่สวมชุดหนังสีดำพร้อมกับใบหน้าสีแดงเพราะกองไฟ
ผู้อาวุโสช่วยชีวิตเราไว้สิ่งนี่เทียบไม่ได้กับความเมตตาของท่าน ได้โปรดอย่ามองเช่นนั้น ความจริงแล้วฉานยู่ไม่ว่าอะไรหากท่านจะไม่สนใจดินแดนภูเขาใต้ ฉานยู่ส่ายหัว
้เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าจึงพาทุกคนมาที่นี่
ข้าไม่รู้
ฮ่าฮ่าแล้วทำไมเจ้าไม่ถามล่ะ?
ผู้อาวุโสช่วยชีวิตของพวกเราไว้ข้าจะกล้าพูดอะไรได้?
ดูเหมือนเจ้าจะทำให้ข้าพอใจจริงๆ
ท่านช่วยชีวิตข้าข้าจะไม่มีทางลืมบุญคุณนี้เลย!
ไม่มีทางลืมบุญคุณรึ?ข้าอ่านเจอเสมอว่าผู้คนมักทดแทนบุญคุณด้วยการแต่งงานใช่ไหม? เจ้าพยายามโกงข้าหรือ? ร่างนั้นเผยยิ้มออกมา
ผู้อาวุโสโปรดระวังคำพูดด้วย! ร่างของฉานยู่สั่นเทาและกัดฟันแน่น
ฮ่าฮ่าเจ้าจะบอกว่าข้าพูดผิดงั้นหรือ?
ผู้อาวุโสท่านเป็นคนที่สูงส่งข้าจะคู่ควรกับท่านได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าท่านพูดผิดแต่เพราะ …ข้ามีคนในใจอยู่แล้วผู้อาวุโส ข้ายินดีทำเรื่องอื่นเว้นแต่เรื่องนี้ ข้าอยากให้ท่านเข้าใจ ฉานยู่คุกเข่าลงในขณะที่พูดพร้อมกับก้มโค้ง
เจ้ามีคนในใจแล้วงั้นหรือ? ร่างนั้นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วมองไปที่ฉานยู่ด้วยความสนใจ บอกได้ไหมว่าใครคือผู้ที่หล่อเหลาและมีความสามารถมากขนาดทำให้เจ้าสนใจได้?
หลังจากพูดจบเขาก็จิบน้ำร้อนในขณะที่รอให้ฉานยู่ตอบกลับ
ในขณะเดียวกันฉานยู่ก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำถามนั้นนางเงยหน้ามองร่างที่รอคำตอบจากนาง ก่อนจะลังเลชั่วครู่แล้วพยักหน้าเบาๆ ผู้อาวุโส ท่านประเมิณข้าสูงเกินไป คนในใจของข้าไม่ได้หล่อเหลาและเก่งกาจ เขาเป็นเพียงชายหนุ่มที่ไร้ยางอาย
พร่วด!ร่างนั้นพ่นน้ำในปากออกมากระเซ็นทั่วใบหน้าของฉานยู่
น้ำอุ่นๆทำให้ใบหน้าของฉานยู่เปียกและตกตะลึง
หลังจากพ่นน้ำออกไปเขาก็ลุกยืนขึ้นพร้อมเท้าสะเอวราวกับกำลังจะต่อสู้
เขาจะไม่หล่อเหลาและเก่งกาจได้ยังไง?เขาเป็นผู้ที่มีคะแนนสูงสุดของกฎแห่งเต๋าในอาณาจักรเซี่ยและยังเป็นผู้ชนะทั้งสอง… ในตอนนั้นเองจู่ๆร่างนั้นก็เงียบไปและนั่งลงก่อนจะเหลือบมองฉานยู่เล็กน้อย
ผู้อาวุโสรู้จักคนที่ข้าพูดถึงได้ยังไง?! ฉานยู่ตกใจอย่างมาก
ไม่…โอ้ใช่ ข้ารู้ ในขณะที่กำลังจะส่ายหัวเขาก็ตระหนักและรีบแก้ตัวทันที
ข้าไม่สามารถเชื่อได้แม้แต่ผู้อาวุโสที่สูงส่งก็รู้จักเขาเขาเป็น…คนที่แข็งแกร่งจริงๆ ยังไงก็ตามข้าไม่ได้คว้าโอกาสที่ถูกมอบให้และตอนนี้ข้ากำลังถอยห่างจากเขามากขึ้นเรื่อยๆ ข้าสงสัยจริงๆว่าตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนกันแน่? แววตาของฉานยู่คลอไปด้วยน้ำตา
สำหรับราชาชินีแห่งดินแดนภูเขาทางใต้แล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่นางจะมีอารมณ์เช่นนี้ อย่างไรก็ตามฉานยู่เพิกเฉยต่อตำแหน่งต่อหน้าผู้ชายซึ่งครั้งหนึ่งเคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกนั่นก็คือเทพสงครามเมิ่งเทียน
เจ้าต้องจริงจังขนาดนี้เลยรึ?ร้องไห้เพราะเรื่องนี้? ร่างนั้นยื่นมือออกไปอย่างไม่ตั้งใจเพื่อสัมผัสใบหน้าของฉานยู่
อย่างไรก็ตามก่อนที่มือของเขาจะสัมผัสใบหน้าของฉานยู่นางก็เบิกตากว้างและถอยออกไปทันที
ผู้อาวุโส
อะแฮ่ม… ร่างนั้นกระแอมออกมาเล็กน้อยพร้อมดึงมือกลับจากนั้นก็หันมองหลินจีที่ถูกมัดราวกับก้อนเกี๊ยวที่มุมถ้ำ เจ้าอยากพูดงั้นหรือ? น่าเสียดาย ข้าไม่อยากให้เจ้าพูด เจ้าจะทำอะไรได้?
… ฉานยู่พูดไม่ออก
ในขณะเดียวกันหลินจีที่พยายามดิ้นรนอย่างรุนแรงและเบิกตากว้าง เกล็ดสีดำหนาปกคลุมทั่วร่างกระทบกับโซ๋สีดำที่รัดนางไปมาจนเกิดเสียงโลหะ
ข้าจะต่อยเจ้าให้สลบถ้ายังดิ้นรนอยู่แบบนั้น! ร่างนั้นโบกมือของเขา
หลินจีหยุดเคลื่อนไหวทันทีและจ้องมองด้วยความชั่วร้าย
…
ยามค่ำคืนกองไฟยังคงลุกไหม้
ฉานยู่จ้องมองที่เปลวไฟดูเหมือนกำลังคิดบางอย่างที่ลึกซึ้ง จากนั้นไม่นานก็หันมองร่างนั้นและอยากพูดบางอย่าง
ผู้อาวุโส…ท่านหลับแล้วหรือ? ฉานยู่พูดเบาๆ
ในที่สุดราชินีแดนใต้ก็ตัดสินใจนอนกับข้าแล้วหรือ? ร่างนั้นค่อยๆหัมองฉานยู่
แค่ก… ร่างของฉานยู่สั่นไหวสีหน้าของนางแดงก่ำอย่างไรก็ตามนางกัดฟันแน่นและพูดต่อ มีบางอย่างที่ข้าอยากถามผู้อาวุโส
พูด
ตอนนี้เราอยู่นอกเขตหนานหลิงหรือก็คือถ้าเราไปต่อก็จะเข้าสู่เขตแดนที่ปีศาจปกครอง ผู้อาวุโส ท่านกำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองเงาเลือดจริงๆงั้นหรือ?
ทำไมไม่ได้ล่ะ ร่างนั้นถามกลับ
ข้ากังวลเล็กน้อยผู้อาวุโสมีท่านเพียงคนเดียว จากที่ข้าเข้าใจมีผู้ที่อยู่ในระดับเทพเจ้าอีกหลายคนที่เมืองเงาเลือด แม้ท่านจะเอาชนะพวกเขาด้วยตัวคนเดียวได้แต่ถ้ามีปีศาจที่แข็งแกร่ง ข้ากลัวว่า…
เจ้ากลัวว่าข้าจะไปตายที่เมืองเงาเลือดใช่ไหม?
ข้าไม่กล้าพูดแบบนั้นข้าก็แค่… ฉานยู่กัดริมฝีปากของนางอีกครั้ง แต่ไม่ได้พูดจนจบ
ร่างนั้นนิ่งเงียบ
อย่างไรก็ตามมีภาพหนึ่งปรากฎขึ้นตรงหน้าของเขาภาพของชาวบ้านสองสามร้อยคนถูกทำร้ายอย่างเหี้ยมโหดโดยทหารปีศาจ พื้นดินนองไปด้วยเลือดสีแดงสด
เด็กน้อยวัยห้าขวบกำลังปกป้องฉินซูเหลียนและฟางเฮ่าเตอ
และอีกสองศพ
หัวหน้าหมู่บ้านจางหยางปิงและโม่เฉิง
หนึ่งในนั้นคือชาวบ้านธรรมดาและอีกคนคืออาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนพวกเขาไม่ควรเกี่ยวข้างกับการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ แต่กลับถูกฆ่าตาย
นอกจากนั้นที่ภูเขาคังหลิงนอกหมู่บ้านภูเขาทางเหนือทีมล่าสัตว์อีก23 คนกลายเป็นศพทั้งๆที่ออกไปล่าสัตว์ตามปกติ
25
ทั้งหมด25 ชีวิต! แกรก!ร่างนั้นกำมือแน่นพร้อมแววตาที่กลายเปนแดงก่ำ
เทพสงครามเมิ่งเทียนก็คือฟางเจิ้งจือที่ปลอมตัวมา
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถบอกฉานยู่ถึงเรื่องนี้ได้เพราะเขาได้ข้อมูลที่หยุนชิงวูส่งรองหัวหน้าปีศาจห้าตนไปที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือจากจดหมายที่ได้รับ
แม้ฉิงยี่จะพัฒนาทักษะจนใช้ดาบไร้ร่องรอยได้แต่เขาก็ไม่สามารถให้ตัวตนของฟางเจิ้งจือปรากฎขึ้นที่ดินแดนภูเขาทางใต้ได้แม้จะรู้ว่าฉานยู่ไม่มีทางกระจายข่าวออกไปแต่ไม่ได้รวมไปถึงหัวหน้าถิ่นฐานทั้งสาม ถ้าฉานยู่รู้เรื่องนี้หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามต้องรู้แน่ว่ามีบางอย่างผิดปกติระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขา
ดังนั้นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือไม่เปิดเผย
เหตุผลนั้นง่ายมากเขาไม่สามารถเสี่ยงกับเรื่องนี้ได้! อย่างไรก็ตามมีบางอย่างที่เขาต้องทำและไม่สามารถรอถึงสองปีได้
25ชีวิตของชาวบ้าน…
ต้องมีคนชดใช้ให้กับชีวิตของพวกเขา!
เมืองเงาเลือดข้ามาแล้ว!
……………………………………..