Chapter 286: การทดสอบของราชินีเอลฟ์
{ตกลง!}
{แจ้งเตือนระบบ : คุณได้รับเควสลับ : “การยอมรับของราชา” เควสระดับ S แสวงหาการยอมรับเข้าร่วมฝ่ายเป็นกลางที่ลี้ลับ}
“แค่เควสฝ่ายมันเป็นเควสระดับ S เลยงั้นเหรอ?” หวังหยู่ตื่นตระหนก
ถึงแม้ว่าหวังหยู่จะเป็นมือใหม่ของโลกแห่งเกม เขาก็เข้ามาเล่นเกมสักพักหนึ่งแล้ว เขาก็รู้ว่าเควสเลือกฝ่ายนั้นเป็นที่จะต้องทําเหมือนกับเควสเนื้อเรื่อง ความคล้ายคลึงกันระหว่างเควสที่จําเป็นต้องทํานั้นจะเป็นเควสที่ค่อนข้างง่าย
แต่ว่าเควสที่ฤๅษีให้เขามานั้นเป็นเควสระดับ S ด้วยเหตุนี้ หวังหยู่จึงสับสน
“เพื่อการเอาชีวิตรอดในโลกที่วุ่นวาย นายจะต้องเลือกฝาย แต่นายจะต้องแข็งแกร่งพอที่จะหยุดคนอื่นในการรังแกนาย”
“นั่นสมเหตุสมผล แต่ผมควรที่จะทํายังไงถึงได้รับการยอมรับละ?” หวังหยู่ถามต่อ
“ฝ่ายเป็นกลางนั้นไม่ใช่กลุ่มด้วยตัวของมันเอง มันเป็นตัวแทนของความโดดเดี่ยว เพื่อที่จะได้รับการยอมรับ นายจะต้องแสวงหาการยอมรับจากหนึ่งในสามเผ่าพันธุ์ที่เป็นกลางก่อนเป็นอันดับแรก”
“สามเผ่าพันธ์? พวกเขาคือเผ่าพันธุ์อะไรบ้างครับ?”
“ไททัน มังกรและเอลฟ์”ฤๅษีพูดต่อ “มีเพียงแค่สามเผ่าพันธุ์นี้ที่สามารถอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างใสสะอาดและเป็นอิสระจากสงคราม”
ในเรื่องราวเบื้องหลังของ {REBIRTH} ไททันนั้นเป็นหนึ่งในผู้ที่สร้างโลก พวกเขาเป็นตัวตนที่เท่าเทียมกับพระเจ้า พระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ปีศาจและพวกที่ไร้สาระหล่านั้นก็เป็นได้แค่ลูกหลานของพวกเขา
เอลฟ์นั้นเป็นผู้ที่เชื่อถือในธรรมชาติและมังกรก็เชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตัวพวกเขาเองสามเผ่าพันธุ์นั้นต่างทรงพลังและไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเรื่องราวในโลก ทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ไม่กล้าที่จะยั่วยุพวกเขา
“เอิ่ม ผมยกเลิกภารกิจนี้ได้ไหม?” หวังหยู่เหงื่อไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ถึงแม้ว่าหวังหยู่ไม่เคยที่จะพบปะกับเอลฟ์มาก่อน เขาก็จดจําได้ถึงความแข็งแกร่งของไททันและมังกรได้เป็นอย่างดี
พวกเขาต่างเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่มีระดับ 200 แม้แต่เชื้อสายมังกรที่มีระดับแค่ 35 เทพเจ้ามังกรเลือดก็แข็งแกร่งพอที่จะสังหารเมืองทั้งเมืองทิ้งแล้ว
“แน่นอน นายสามารถทํามันได้ แต่ถ้านายไม่เข้าฝ่ายไหน นายก็จะกลายเป็นพวกคิดนอกกรอบและไม่สามารถที่จะทําเควสเนื้อเรื่องของนายต่อได้โอ้และเงินก็จะไม่สามารถขอคืนได้อีกด้วย”ฤๅษีหัวเราะและพูดออกมา
“…” หวังหยู่พูดไม่ออก
“ฉันมีโทเคนอยู่สามเหรียญ นายสามารถที่จะหยิบโทเคนเหรียญไหนไปก็ได้หนึ่งเหรียญเพื่อเริ่มการทดสอบ!”ฤๅษีหยิบค้อน อัญมณีและใบไม้ออกมา
“ผมเลือกเอลฟ์!” หวังหยู่ชี้ไปที่ใบไม้โดยปราศจากความลังเลใจ
หวังหยู่เคยสู้กับซุสมาก่อน แต่ซุสก็ไม่ได้ยอมรับความพ่ายแพ้ มันเหมือนกับว่าซุสพยายามที่จะลอบโจมตีด้านหลังเขาในครั้งนี้ สําหรับมังกรแล้ว หวังหยู่โชคดีมากพอที่มังกรไม่ได้กลืนกินเขาไป ตั้งแต่ที่เขามีสมญานาม “นักล่ามังกร” และค่าชื่อเสียง 50 กับฝ่ายมังกร เอลฟ์ก็เป็นตัวเลือกที่เลือกได้อย่างชัดเจน
ในจุดนี้ หวังหยู่ก็อดรู้สึกเศร้ากับชะตากรรมของเขาไม่ได้ เขาไม่ใช่คนเลว แต่สุดท้ายเขาก็เป็นศัตรูกับบุคคลที่ทรงพลังมากมาย
ฤๅษีก็ยื่นใบไม้ให้กับหวังหยู่และบอกเขา “เผ่าของเอลฟ์นั้นอยู่ในเมืองเอลฟ์ ฉันหวังว่านายจะได้รับการยอมรับจากพวกเขานะ”
เมื่อเป็นเมืองที่เป็นกลาง เมืองเอลฟ์ก็ตั้งอยู่บนทวีปเดียวกันกับเมืองรัตติกาล หวังหยู่ก็ใช้รูปแบบเทเลพอร์ตและไปถึงที่นั่นในพริบตา
เมืองเอลฟ์นั้นเป็นต้นไม้ดึกดําบรรพ์ขนาดใหญ่ พลเมืองและผู้เล่นทั้งหมดนั้นอาศัยอยู่บนต้นไม้
แม้กระทั่งพื้นที่ด้านนอกของเมืองก็เต็มไปด้วยป่า ภายใต้อิทธิพลของสังคมเมือง ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ต่างเป็นนักธนูหรือไม่ก็เป็นโจร
จากเรื่องราวในอดีต หวังหยู่ก็เข้าใจได้ว่าเอลฟ์นั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่ามังกรและไททันเลย เอลฟ์และมังกรนั้นเป็นสองเชื้อสายแรกที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทพเจ้าแห่งการสรรสร้าง มังกรนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขี้เกลียดและดุร้าย แต่เอลฟ์นั้นอ่อนโยนและขยัน
แต่เอลฟ์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่เกือบทําลายโลกทั้งใบทิ้งไป พวกเขาใช้เวทย์มนต์โดยปราศจากการยับยั้งและเกือบที่จะทําลายโลกไปทั้งใบจากธาตุของเวทย์มนต์ ด้วยเหตุนี้ปีศาจจึงหลุดออกมาจากบาเรียระหว่างนรกและโลกของพวกเขา ความมืดก็ปกคลุมลงมาและเอลฟ์ก็ถูกฉีกกระชากไปด้วยเช่นกัน เผ่าพันธุ์เอลฟ์ที่เหลืออยู่ในเมืองเอลฟ์นั้นเป็นเพียงแค่กลุ่มเล็กๆที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
แน่นอนว่านี่เป็นประวัติศาสตร์เก่าแก่ เอลฟ์นั้นไม่ได้เป็นพวกหัวโบราณและแบ่งแยกเชื้อชาติเหมือนกับตํานานที่เล่าขานพวกเขาแล้ว
หลังจากที่หวังหยู่ส่งโทเคนของฤๅษีให้กับหัวหน้าเผ่าเอลฟ์ อลิส เธอก็พูดกับหวังหยู่อย่างอ่อนโยน “ดังนั้นคุณก็เป็นลูกศิษย์ของฤๅษีนี่เอง ถ้าคุณต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองแล้วละก็ ได้โปรดไปยังป่าวันเดอแลนด์และนําหัวใจของราชาโกเลมหินกลับมา”
อลิสเมินหวังหยู่ทันที หลังจากที่เธอพูดเสร็จและทําตัวเหมือนกับราชินี
หลังจากที่ได้รับเควสจากอลิส หวังหยู่ก็รู้สึกว่าเควสนี้ไม่ได้ยากอย่างที่เขาคิดไว้ หวังหยู่เคยคิดว่าเขาจะต้องสู้กับ NPC ที่มีสติปัญญาของเผ่าเอลฟ์ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาแค่ต้องฆ่าบอสที่ชื่อดูงอกง่อยแทน
อย่างไรก็ตาม เพียงเวลาไม่นานที่หวังหยู่ออกไปจากเมือง เขาก็เข้าใจว่าทําไมเควสถึงเป็นระดับ S
ทันทีที่เขาเข้าไปในป่า แผนที่ของเขาก็หายไปและเขาก็ได้รับข้อความตามมา {แจ้งเตือนระบบ : คุณได้ค้นพบปาที่ถูกสาป คุณได้รับค่าประสบการณ์ 1,000 หน่วยเป็นรางวัล”
ในตอนเริ่มแรก หวังหยู่ก็สามารถตามผู้เล่นไปรอบๆได้ แต่หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ระดับของมอนสเตอร์ก็เริ่มที่จะเพิ่มขึ้นและมันก็มีผู้เล่นน้อยลงไปเรื่อยๆ ในที่สุด หวังหยู่ก็หลงทาง
โดยปราศจากผู้เล่นคนอื่นและแผนที่ของเขาก็หายไปก็ทําให้หวังหยู่ไม่รู้ทิศทาง
“เชี่ย ใครเป็นคนออกแบบแผนที่ปัญญาอ่อนนี่กัน? ใครที่ไหนจะเอาชีวิตรอดจากมันได้กัน?” หวังหยู่ด่าออกมาด้วยความหงุดหงิด
ถ้ามันเป็นชีวิตจริง หวังหยู่ก็สามารถที่จะบอกทิศทางจากความรู้พื้นฐานของเขาได้ อย่างไรก็ตามที่นี่มันในเกมและมันก็มีปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายออกมาด้วยวิทยาศาสตร์ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
มีเพียงอย่างเดียวสําหรับเขาก็คือการฆ่าตัวตายกลับไปยังเมืองและหลังจากนั้นก็เข้ามาในอีกป่าครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม หวังหยู่ก็ไม่สามารถที่จะทําแบบนั้นได้ เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับค่าประสบการณ์ของเขา แต่เควสลับจะถูกยกเลิก เมื่อเขาตายลง หวังหยู่ก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงฆ่าตัวตายถ้าเขาไม่มั่นใจ
“ฉันควรที่จะทํายังไงดีวะ!” หวังหยู่กระวนกระวายใจมาก เขาต้องการที่จะถามหาความช่วยเหลือจากนิกายซวนเฉิน แต่เมื่อคิดรอบที่สอง เขาก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาก็ไม่เคยมาที่นี่มาก่อนด้วยเช่นกันและการถามพวกเขาก็เป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ พวกเขาอาจจะหัวเราะใส่เขาอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกความคิดนี้
เพียงแค่หวังหยู่กําลังจะหมดตัวเลือก เขาก็ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมา
“พี่ชาย พี่คิดว่าบอสถูกค้นพบไปแล้วหรือยัง?”
“ไม่น่าใช่ แผนที่นี้เป็นแผนที่ซ่อนเร้นไว้อย่างดี แม้กระทั่งฉันก็เข้ามาที่นี่ได้ด้วยโชคล้วนๆ ถ้าฉันไม่ได้มีไอเทมพิเศษที่สามารถทําเครื่องหมายบนตําแหน่งได้แล้วละก็ ฉันก็ไม่สามารถที่จะหามันพบได้เหมือนกัน”