เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่14 ความต่างชั้น

ตอนที่14 ความต่างชั้น

หลังจากไท่ซู่ที่เป็นถึงหนึ่งในหัวหน้า4ทิศ พ่ายแพ้ไม่ถึง10ลมหายใจสร้างความตกตะลึงให้กับอสูรตนอื่นๆอย่างมากไม่คิดว่านายน้อยผู้จะเก่งกาจถึงเพียงนี้ เมื่อกลุ่มควันหายไป ก็ปรากฏร่างไท่ซู่ที่ติดกับกำแพงจนล่วงลงมา ทำให้หัวหน้าทิศใต้ ทิศใต้ที่เหลือใบหน้าบิดเบี้ยวยกเว้นเพียงแต่หัวหน้าทิศตะวันตกที่แข็งแกร่งที่สุดในหัวหน้าทิศทั้ง4 ยังคงแสดงใบหน้านิ่งเฉยไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาต่างกับหัวหน้าทิศใต้ และ หัวหน้าทิศตะวันออก

” จะ เจ้ารอบโจมตีข้า!! ” ไท่ซู่ที่โดนเตะออกนอกสนามจนไปกระแทกกับกำแพงกำลังยืนขึ้นด้วยความทุรักทุเร กำลังกล่าวขึ้นน้ำเสียงไม่พอใจ

” ข้ารอบโจมตี ท่าน ข้าเกรงว่าท่านกำลังคิดเข้าข้างตัวเองมากกว่ากระมัง ท่านก็ได้ยินมิใช่รึ ว่า มู่จิน กล่าวเริ่มการประลองข้าก็แค่พุ่งไปหาท่านในขณะที่ท่านกำลังพูดมาก ขณะที่เริ่มการประลองแล้ว ข้าผิดเช่นไรช่วยท่านไท่ซุ่ อธิบาย ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ทำให้ไท่ซู่ ถึงกับพูดไม่ออก

” จะ เจ้า!! ” ไท่ซู่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเดือดดาล

“ข้าทำไมรึ? ” ไป๋หลวกล่าวออกมาพรางจ้องมองไปยังไท่ซู่ด้วยสายตาที่เย็นชา ทำให้ไท่ซู่ถึงกับเสียงสันหลังทันที จนไม่สามารถพูดหาข้ออ้างต่อได้

” ได้ เจ้าชนะ ” ไท่ซู่กล่าวออกมาแบบไม่ได้สนใจแต่ในใจร้อนลุ่มดั่งเปลวเพลิง

“เอาล่ะคนต่อไปถ้าไม่มีข้าจะขออธิบายต่อ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาพลางสำสวจรอบๆจนมีเสียงๆนึงดังขึ้นมา

“ข้า อี้หยง หนึ่งในหัวหน้าทิศทั้ง4 ตัวข้าคุมเขตทางทิศตะวันตก ขอท้าประลองท่านหากท่านชนะพวกเราทั้ง4จะอยู่ภายใต้อำนาจของท่านไม่เพียงเท่านั้นพวกข้าทั้ง4จะให้การคุ้มครองแก่บอกอสูรเขตนอกเช่นกัน แต่ถ้าท่านพ่ายแพ้โปรดเลิกล้มเรื่องที่ท่านกำลังจะทำด้วย ” อี้หยงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แนวแน่และซื่อตรง ทำให้ไป๋หลง อดชมเชยในความเด็ดเดี่ยวไม่ได้

“ในเมื่อท่านกล้าท้าข้าก็กล้ารับเช่นกัน เชิญ ” ไป๋หลงเตรียมทั้งท่าต่อสู้ มู่จินจึงเริ่มกล่าวการประลอง

การประลองระหว่างนายน้อยไป๋หลง และ หนึ่งในหัวหน้าทิศทั้ง4 อี้หยง เริ่มได้!!

เมื่อมู่จินกล่าวเริ่มการประลอง อี้หยงพุ้งเข้ามาหาไป๋หลงด้วยความเร็ว พริบตาเดียว อี้หยงก็ง้างหมัด มาโผล่ตรงหน้าไป๋หลง ไป๋หลงตกตะลึงกับความเร็วของ อี้หยงเป็นอย่างมาก แต่ สามารถนำมือมามาป้องกันไว้ได้ทัน เกิดเสียงปะทะกันของคลื่นพลังทั้งสอง

ตู้ม!!!

หลังจากกลุ่มควันหายไปก็เห็นไปหล๋งถอยจากที่เดิม4ก้าว ส่วนอี้หยงนั้น โดนพลังของตัวเองตีกลับทำให้ถอยมา2ก้าว สร้างความตกตะลึงให้อสูรโดยรอบเป็นอย่างมาก

“เจ้าเห็นไหมนายน้อยสามารถต้านทานการโจมตีของอี้หยงได้ ” อสูรตนนั้นกล่าวออกมาด้วยความชื่นชม

“เจ้าอย่าพึ่งดีใจไป การประลองมันพึ่งจะเริ่มเท่านั้น ” อสูรตนนั้นกล่าวออกมาพรางสังเกตุการประลอง

อี้หยงรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากที่นายน้อยผู้นี้สามมารถทำให้ตนเองนั้นถอยกลับมาได้ จึงแอบชื่นชมไป๋หลงอยู่ในใจนิดๆ ส่วนไป๋หลง ตอนนี้รู้แขนชาเป็นอย่างมากที่รับหมัดนั้น ถ้ารับไว้ไม่ได้เกรงว่าคงจะบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่

” นายน้อยข้าประมาทท่านเกินไปจริงๆข้าจะเอาจริงล่ะน่ะ นายน้อยเตรียมรับมือ ” อี้หยงกล่าวจบก็ระเบิดพลังระดับจักรพรรดิอสูรขั้น6ออกมา

ตู้มมม!!

แรงกดดันที่ปรากฏออกมาสร้างความกดดันให้กับไป๋หลงมิใช่น้อยเพราะ รวมทั้งเหล่าอูรที่มีพลังไม่มากพอจะต้านทานก็รู้สึกหายใจลำบากมากขึ้น

“ในเมื่อท่านเอาจริงข้าก็จะเอาจริงเช่นกัน เตรียมรับมือ ” ไป๋หลงกล่าวจบ ก็ใช้ วิชากายาอัสนี ออกมาทำให้ตอนนี่ร่างกายของไป๋หลงปกคลุมไปด้วยสายฟ้า ทำให้ร่างกายมีความเพิ่มขึ้นเท่าตัว

อี้หยงไม่รอช้าพุ่งเข้าไปหาไป๋หลงทันที ไป๋หลงเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงระเบิดพลังของสายฟ้าออกมา

ตู้มมม!!

ร่างของไป๋หลงหายไปจากสายตาของอี้หยงทันที อี้หยงไม่รอช้ารีบใช้พลังตรวจจับพลังของไป๋หลง อี้หยงขมวดคิ้วก่อนที่จะเงยหน้ามองข้างบน ปรากฏร่างของไป๋หลงที่กำลังดิ่งลงมา

” รับไปซะ ฝ่ามือสยบสรรพสิ่ง!! ” หลังจากไป๋หลงใช้วิชาฝ่ามือสยบสรรพสิ่งก็มีฝ่ามือขนาดใหญ่เทียบเท่าลานประลองพุ่งลงมาที่ร่างของอี้หยง เมื่อ อี้หยงเห็นเช่นนั้นจึง เรียกบางอย่างออกมาจากแหวนมิติ ฝ่ามือสีทองที่กำลังเข้าปะทะกับอี้หยง ฉีกขาดออกราวกับกระดาษ ไป๋หลงขมวดคิ้วทันทีก่อนจะเห็นลำแสงสีเงินที่พุ่งตรงมา ไป๋หลงไม่รอช้า เอี้ยวตัวหลบทันทีทำให้เสื้อที่ใส่ฉีกขาดเล็กน้อย

“นายน้อยข้าขอยอมรับว่าท่านนั้นมีความสามารถมากจนทำให้ข้า อี้หยงผู้นี้ถึงกับใช้อาวุธประจำกายของข้า ชื่อของมันคือ กระบี่โลหิต เป็นอาวุธระดับ6 ดาวชนชั้นราชัน เพราะฉะนั้นท่านโปรดยอมแพ้เถิดข้าไม่อยากให้ท่านต้องเจ็บตัวเพราะถ้าหากข้าลงมือ ข้าไม่สามารถควบคุมความรุนแรงของท่าได้ อี้หยงเอ่ยพลางด้วยการก้มหัวลง” อี้หยงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ให้เกียรติแก่ไป๋หลง

ตอนนี้อสูรทุกตนตกใจภาพตรงหน้าเป็นอย่างมาก ที่ อี้หยงผู้นี้ถึงกับเรียกอาวุธคู่กายออกมา ทำให้ไท่ซู่ต้องมองไป๋หลงใหม่และหัวหน้า4ทิศอีก2คนที่เหลือ ต่างมองไป๋หลงใหม่เพราะไม่คิดว่านายน้อยผู้นี้สามารถทำให้อี้หยงสามารถเอาจริงได้ขนาดนี้

“ข้าขอขอบคุณสำหรับความกรุณาของท่าน แต่ ข้าคงต้องปฏิเสธ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความเคารพ

“ก็ได้ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของนายน้อยข้าก็ไม่ขัด เตรียมรับมือ ”

หลังจากอี้หยงกล่าวจบก็พุ้งมาหาไป๋หลงทันทีพร้อมกับกระบี่โลหิตกระชับอยู่ในมือพร้อมกับกลิ่นไอสีแดงเลือด พร้อมกับตั้งท่า

“รับไปซะ โลหิตสีชาด!! อี้หยงนำกระบี่ที่อาบไปด้วยกลิ่นไอสีโลหิต ก่อน จะมีกลุ้มก้อนสีแดงที่เป็นละลองเลือด พุ้งเข้ามาไป๋หลง เมื่อไป๋หลงเห็นเช่นนั้น ไม่รอช้า รีบใช้วิชา ย่างก้าวอัสนี ออกมา บวกกับ กายาอัสนี ทำให้พลังความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล กลุ้มก้อนสีแดงพุ้งตรงลงมา แต่ไม่สามารถโดนตัวของไป๋หลงได้ด้วยความเร็วที่ต่างกัน กลุ้มก้อนสีแดงปะทะกับสนาม จนเกิดเสียงระเบิดขึ้น

ตู้มมมม!!

เมื่อไป๋หลงเห็นเช่นนั้น ก็เข้าใจทันทีว่ามันคือระเบิดโลหิตขนาดใหญ่ ที่มีพลังทำลายสูงสังเกตุจากพื้นลานประลองที่ทำมาจากแร่พิเศษที่มีความคงทนเป็นอย่างมาก แต่ยังโดน ระเบิดจนเป็นหลุมขนาดใหญ่ อี้หยงประหลาดใจเล็กน้อย ที่ ไป๋หลงสามารถหลบท่า โจมตีของมันได้

ไป๋หลงไม่รอช้าใช้โอกาสที่อี้หยงกำลังตกตะลึง อ้อมไปทางด้านหลังอี้หยงแล้ว ใช้เท้าเตะเข้ากลางลำตัวทันที เมื่ออี้หยงรับรู้ภัยที่มาถตัวไม่รอช้าใช้พลังสร้างเป็นเกราะทำให้ อี้หยงกระอักเลือกออกมาคำโต ภาพลงนี้ตราตรึงลงไปในความทรงจำอสูรทุกตน พวกมันเข้าใจทันทีว่าไป๋หลงนั้นเป็นคนเก่งกาจและเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง

“ไม่คิดเลยว่านายน้อยจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แต่ต้องจบเพียงเท่านี้แล้วหล่ะ กระบวนท่า เผด็จศึกอาณาเขตโลหิต อี้หยงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง อี้หยงนำกระบี่ปักลงพื้นก่อนบริเวณบนลานประลองจะแรากฏ หมอกโลหิตเข้าปกคลุมทั้วทั้งสนาม ไป๋หยางคิ้วขมวดเตรียมจะหยุดการต่อสู้แต่ไป๋หลงส่งโทรจิตบอกว่ายังไหว เลยทำให้ตัวมันได้แต่เฝ้าดูด้วยความเป็นห่วง

” ในพื้นของ อาณาเขตโลหิตจะทำให้คนที่สู้ด้วยอ่อนแอลงและเพิ่มความแข็งให้กับผู้ใช้แต่แลกมาด้วยพลังมหาศาล ” อี้หยงพลางอธิบาย ตอนนี้ไป๋หลงหน้าซีดกำลังจะสูญเสียพลังทั้งหมดก็ได้มีเสียงดังภายในหัวของไป๋หลง นี้เจ้าหนูลืมวิชาที่ข้าฝึกให้อย่างงั้นรึ ก็แค่อาณาเขตพันนี้เจ้าสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย

“จริงของท่านอาจารย์แต่ข้าได้แค่ขั้นเดียวน่ะ แหะๆ ” ไป๋หลงกล่าวด้วยความตอบผ่านจิตด้วยความเขิลอาย

“แค่ขั้นแรกก็เพียงพอ เอาล่ะ ลงมือซะ ข้าขอพักก่อนล่ะ !! ” ขงจือกล่าวออกมาก่อนที่เสียงจะเงียบและหายไป ไป๋หลงกลับมาตั้งสมาธิกับการประลองอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวบอกแก่อี้หยง

“เอาล่ะในเมื่อท่านทุ่มสุดตัวก็ไม่อยากให้ท่านผิดหวังเตรียมรับมือกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า “ไป๋หลงพูดด้วยน้ำเสียงที่องอาจ

หมื่นกระบี่สยบเทวา ขั้นที่1

ไป๋หลงกล่าวจบก็มีกระบี่โปร่งแสงสีขาวซึ่งเป็นเพียงแค่ขั้นแรกเท่านั้นไม่สามารถ แสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้ กระบี่โปรงแสงสีขาว ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน ลอยตัวอยู่กลางอากาศนับพันเล่ม ซึ่งข้างนอกไม่อาจทราบถึงสถาณการณ์ ข้างในได้ อี้หยงเห็นเช่นนั้น ก็ขมวดคิ้วทันท้

“แข็งแกร่ง.. ” อี้หยงกล่าวขึ้นด้วยความชื่นชมไป๋หลงด้วยความนับถืออย่างแท้จริง

ไป๋หลงไม่รอช้าบังคับกระบี่โปร่งแสง พุ่งไปทางอี้หยงในทัน อี้หยงเมื่อเห็นเช่นนั้นก็สร้างม่านหมอกโลหิต เป็นกระบี่สีโลหิตพุ่งเข้าประทะกับกระบี่ของไป๋หลงทันที จนเกิดเสียงระเบิดพลังของทั้งสองที่เข้าประทะกัน

ตู้มมมมมม!!

จบ

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท