เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่16 สหาย

ตอนที่16 สหาย

หลังจากไป๋หลงได้ยินเสียงเรียกของ กลุ่มคนที่สะกดรอยตามตนอยู่ ไป๋หลงก็หยุดลง ไป๋หลงหันหลังกลับไปก็พบกลุ่ม ชายฉกรรจ์ 4-5 คนที่ออกอาการหอบหลังจากไป๋หลงใช้ความเร็วในเพียงน้อยนิดในการทิ้งห่าง แต่ กลุ่มชายฉกรรจ์ ยังตามมาได้ถึงแม้จะมีอาการหอบเพราะเหนื่อยจากการตามไป๋หลงมา

” พี่ชายทั้งหลาย มีธุระอันใดกับข้ารึ ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่ชายฉกรรจ์

” เจ้า ยังมีหน้ามาถามนำของที่เจ้าขโมยจากพวกเราคืนมาซะ!! ” ชายฉกรรจ์ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเดือดดาล

” ของอะไรข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ ” ไป๋หลงกล่าวออกด้วยน้ำเสียง สัตย์จริง

เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มสับสน

” ก็มีคนบอกข้าว่า เจ้านั้นแหละคือคนที่ขโมย โอสถระดับราชันของพวกข้าที่พึ่งประมูลมาได้ ” ชายร่างใหญ่มีกล้ามเป็นมัดๆในหมู่ชายฉกรรจ์กล่าวออกมา

” ข้าก็บอกแล้วไงว่าข้าไม่รู้เรื่อง อีกอย่าง ข้าแค่เข้าเมืองมาซื้อของเท่านั้น ” ไป๋หลงพยามกล่าวอธิบาย พลางไป๋หลงสังเกตุเห็นคนใส่ชุดคลุมสีดำกำลังมองอยู่จากบนหลังคา แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ทำให้ไป๋หลงรู้ทันทีว่าคนขโมยคือใคร

” เอาล่ะพี่ชายข้ารู้แล้วว่าคนที่ขโมยของพวกท่านคือใคร” ไป๋หลงกล่าวออกมาอย่างมีเลศนัย

“มันผู้นั้นเป็นใคร ” ชายฉกรรจ์ รูปร่างสมส่วนหน้าตาถือว่าหล่อเหลา ในระดับนึง

” งั้นพวกท่านรอข้าแปปนึง ” ไป๋หลงกล่าวจบก็หายไปจากสายตากลุ่มชายฉกรรจ์ทันที จนมีคนในกลุ่มอุทานออกมา

แข็งแกร่ง

” เอ้ย เขาหายไปไหนแล้ว ข้าว่าจะดูสักหน่อยว่าเขาจะทำเช่นไรกับกลุ่มคนพวกนั้น ” ชายคลุมสีดำกล่าวขึ้น

” เจ้าหมายถึงข้ารึ ” ไป๋หลงกล่าวเรียบๆแก่ชายใส่ชุดคลุมสีดำ

” เอ้ยนี้เจ้ามาได้ยังไง ปล่อยข้าๆ !! ” ชายชุดคลุมสีดำกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจแต่ไป๋หลงหาได้สนใจ

” มากับข้าเจ้าตัวดี ” ไป๋หลงกล่าวจบก็ลากคอชายชุดคลุมสีดำลงมาข้างล่างทันที

ตุบ!!

เสียงของชายชุดลุมสีดำที่โดนไป๋หลงจับมา

“นี้ไงคนที่ขโมยของ ของท่าน ” ไป๋หลงกล่าวออกมาเรียบๆ

” นี้นะรึ ไหนล่ะ หลักฐาน ” ชายรูปร่างผอมบางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

” นี้ไงหลักฐาน ” ไป๋หลงกล่าวออกมาก่อนจะเอาโอสถระดับราชัน ที่แอบล้วงออกมาจากชายชุดคลุมสีดำ

” เอ้ยนั้นมันของข้า เอาคืนมา ” เสียงของชายชุดคลุมกล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ

” หึ!! เจ้าอาจจะหาคนมารับผิดแทนเจ้าก็ได้ โดยที่แอบนำเอาของ ของพวกข้าออกมาเพราะรู้ว่าหนีไม่รอดเลยต้องการหาคนมารับผิดสิน่ะ ” หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ส่วนชายชุดคลุมสีดำได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะเอ่ยใส่ร้ายไป๋หลง

” ใช่ๆ อยู่ดี ก็จับตัวข้ามาข้าไม่เห็นรู้เรื่องอะไรด้วยเลย ” ชายชุดคลุมสีดำกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกซะใจ

” ถ้าข้าขโมยของพวกท่านจริงเหตุใดเมื่อกี้ข้าถึงไม่หนีไปหล่ะ ในเมื่อข้าเร็วกว่าพวกท่านหลายเท่านัก ” ไป๋หลง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

” นี้เจ้า อวดดียิ่งนักขโมยของพวกข้ายังไม่พอ ยังใส่ร้ายคนอื่นอีก บัดซบ!! ” ชายรูปร่างอ้วนท้วม หนึ่งในหมู่ชายฉกรรจ์กล่าวขึ้น เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็หาได้สนใจเพียงตอบกลับไปแบบเรียบๆ

” ก็แล้วแต่พวกท่านจะคิด ข้าแค่พูดสิ่งที่ข้ารู้เท่านั้น ถ้าพวกท่านไม่เชื่อก็แล้วแต่พวกท่านข้าขอตัว ” ไป๋หลงกล่าวจบก็เตรียมที่จะเดินไปดูชมรอบเมืองต่อ แต่ทันใดนั้นเอง ชายร่างสูงใหญ่ก็เข้ามาขวางไป๋หลงไม่ให้เดินต่อ

” หลบไป!! ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ชายร่างสูงใหญ่กลับหัวเราะออกมา

” หลบงั้นเหรอ ฮ่าๆๆๆ จะหนีมากกว่าละมั้ง มาให้พวกข้าสั่งสอนเด็กอย่างเจ้าซะดีๆ ไอเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน ” ชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

” นี้ มู่หลง ข้าว่าพอเถอะเขาอาจจะพูดความจริงก็ได้ อีกอย่างเราก็ได้ของคืนแล้วด้วย” เพื่อนในกลุ่มกล่าวห้ามไว้

ตอนนี้ไป๋หลงเริ่มรู้สึกไม่ชอบหน้าคนที่ชื่อว่ามู่หลงซะแล้ว อีกอย่างตอนนี้เริ่มมีชาวบ้านมามุงดูกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ

” เจ้าคิดว่าข้ากลัวมันรึไง ข้าจะสั่งสอนมันแทนมันแทนพ่….. ” ชายที่ชื่อมู่หลงกล่าวไม่ทันจบก็โดนแรงกดดันมหาศาลกำลังกดดันมันอยู่ก่อนจะมีเสียงๆ นึงดังขึ้น

หุปปาก!!

ไป๋หลงปล่อยแรงกดดันออกมาใส่ชายที่ชื่อมู่หลง เหตุผลที่ไป๋หลงทำเช่นนี้เพราะ มู่หลงกล่าวดูถูกบิดาของตนจึงทำให้ระเบิดความโกรธออกมา ถ้าด่าว่าเขาคนเดียวเขาจะไม่สนใจแต่กับบิดามันคนละอย่าง

” ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่ได้เป็นคนขโมยอีกอย่างเจ้าไม่เคยฟังผู้ใดที่กล่วเตือนเจ้าแม้แต่น้อยตั้งตนเป็นใหญ่ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่อชายร่างสูงใหญ่ที่กล้ามเป็นมัดๆก็ระเบิดพลัง นักรบที่แท้จริงขั้น 3 ออกมาหวังเพื่อให้ไป๋หลงหยุดการกระทำของตน

“นี้เจ้าหนู เจ้าอย่าอวดดีให้มากนัก พวกข้าคือศิษย์จากสำนัก หมื่นกระบี่ถ้าเจ้าทำร้ายพวกข้าละก็เรื่องไม่จบง่ายๆแน่ๆ ” ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่กล้ามเป็นมัดๆกล่าวขึ้น

” หึ!! ได้ข้าจะหยุดแต่ถ้ามันยังลามปามถึงบิดาและมารดาของข้าอีกอย่าหาว่าข้าไม่เตือนนี้คือคำเตือนสุดท้ายของข้าจงจำไว้ ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา หลังจากนั้นไป๋หลงก็สะหลายแรงกดดันออกทำให้มู่หลงเริ่มยืนขึ้นได้

” บัดซบ!! ถ้าข้าเจอแกอีกละก็ข้าจะสั่งสอนเจ้าซะไอ้ลูกพ่….. ” มู่หลงกล่าวไม่ทันจบก็สัมผัสถึงจิตสังหารที่มหาศาลออกมาจากตัวไป๋หลง ครอบคลุมชายฉกรรจ์ทั้ง5คนกับชายชุดคลุมสีดำ พวกมันได้แต่ตกตะลึงไม่คิดว่าไป๋หลงจะมีจิตสังหารที่น่ากลัวแบบนี้

” มะ ไม่น่าเชื่อ!! จิตสังการรุนแรงมาก ” ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่มีกล้ามเป็นมัดๆกล่าวขึ้น ขณะนั้นเองก็เหมือนมีอะไรลอยผ่านหน้าเขาไป

ตู้มมม!!

ไป๋หลงเตะมู่หลงด้วยพลังกายล้วนๆไม่ได้ใส่พลังอะไรลงไป มู่หลงลอยผ่านหน้า สหายของมันไป จนชนกับกำแพง มู่หลงกระอักเลือดออกมาคำโตทันที

” อึก..บัดซบนี้เจ้ากล้าทำร้ายข้า ” มู่หลงกล่าวออกมาด้วยความเดือดดาลและโมโหเป็นอย่างมาก

” หึ แล้วไงคิดว่ามีสำนักคุมกะลาหัวแล้วจะละลานใครก็ได้งั้นเหรอ อีกอย่างข้าก็เตือนเจ้าแล้ว เจ้ามันหาเรื่องใส่ตัว ” ไป๋หลงกล่าวพลางยกร่างของทู่หลงขึ้นมาก่อนจะต่อยเข้าไปที่หน้าของมู่หลงจนฟันหักเกือบหมดใบหน้าแทบจะไม่เหลือเค้าโครง มู่หลงหมดสติตั้งแต่โดน5 หมัดแรกขนาดใช้พลังในการต้านทานแต่ก็เอาไม่อยู่

“เอาล่ะ เจ้าบอกว่าพวกเจ้ามาจากสำนักหมื่นกระบี่ใช่ไหม อีกไม่นานเราจะได้เจอกันเมื่อถึงตอนนั้ ก็ขอฝากตัวด้วยนะศิษย์พี่ทั้งหลาย ” ไป๋หลงกล้าวอย่างเย็นชาทำให้พวกมันถึงกับเสียวสันหลังกันเลยทีเดียว

ไป๋หลงหันมามองชายชุดคลุมสีดำ

” ถอดชุดคลุมออก ให้ข้าเห็นหน้าเจ้าหน่อยซิ เจ้าหัวขโมย ” ไป๋หลงกล่าวออกมาอย่างเรียบๆ เมื่อมันได้ยินเช่นนั้นก็ทำตามคำบอกของไป๋หลงทันที เพราะมันเข้าใจแล้วว่าวันนี้มันหาเรื่องกับคนที่ไม่สมควรเข้าเสียแล้ว

” ได้ๆ นายน้อย อย่าทำอะไรข้าเลย ” ชายชุดคลุมสีดำถอดฮู้ด ออกทำให้ไป๋หลงแปลกใจเล็กน้อย เพราะ ว่า ดูจากรูปร่างที่ผอมบางใบหน้าเล็กมีแผลเป็นที่แก้มอายุราวๆน่าจะ7-8 ปีแล้วอายุใกล้เคียงกับไป๋หลง

“เจ้าชื่อแซ่อะไร ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่ชายุดคลุมสีดำ

” ขะ ข้าชื่อ อู้เฉียง อายุ7ปี ขะ ขอรับ ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความหวาดกลัวและยำเกรงแก่ไป๋หลง

” หืม? เจ้ารุ่นเดียวกับข้านิ ข้ามีบางอย่างอยากจะถามเดินตามข้ามาไปหาที่คุยกัน ” ไป๋หลงกล่าวจบก็จับมือ อู้เฉียงแล้วดึง อู้เฉียงให้ลุกขึ้น อู้เฉียงไม่รอช้า เดินตามไป๋หลงในทันที

” ส่วนพวกศิษย์พี่ทั้งหลาย อีกไม่นานเราได้เจอกันแน่ แล้วจะดีเป็นอย่างมากถ้าพวกท่านไม่ลังควานข้า ถ้าพวกท่านคิดจะทำโปรดนึกถึงผลที่ตามมาด้วย นี้คือการเตือนครั้งสุดท้ายของข้า!! ” ไป๋หลงกล่าวเดี้ยวน้ำเสียงเย็นชา แล้วเดินจากไปพร้อมกับอู้เฉียง หลังจากไป๋หลงเดินจากไปพวกมันทุกคนสาบานกับตนเองว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับไป๋หลงเด็ดขาด พวกมันทั้งหมดช่วยกันพยุงร่างของมู่หลงที่หมดสติกลับสำนักทันที

กลับมาทางด้านไป๋หลง

“เอาล่ะไหนเจ้าลองบอกมาซิทำไมเจ้าถึงขโมยของ ของพวกมันตอบมาตามความจริงไม่ต้องกลัว ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่อู้เฉียงด้วยน้ำเสียงอบอุ่นต่างกับคนละคนเมื่อกี้ที่ทั้งเย็นชาและแข็งแกร่งแต่ตอนนี้กลับอ่อนโยนและอบอุ่น ทำให้อู้เฉียงไม่รังเลที่จะเล่าความจริงออกมา

” คือข้าไม่ได้ขโมยของไปทั่วหรอกนะ แต่ข้าอยากนำของที่เป็นของมารดาข้ากลับมา แม่ของข้าป่วยหนัก ส่วนพ่อ นำโอสถที่ข้าหามาได้ ไปประมูลแล้วเที่ยวเตร่ อีกอย่างยังชอบทำร้ายร่างกายข้า ส่วนแม่ไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้เพราะป่วยหนัก เม็ดยาโอสถที่พวกนั้นประมูลมามันคือ ของของข้า ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้า ใบหน้าเศร้าหมองเป็นอย่างมาก

เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงไม่น้อยเพราะเด็กตรงหน้าถึงแม้ลำบาก แต่ก็ยังทำ เพื่อผู้เป็นมารดาทำให้ไป๋หลงนับถืออู้เฉียงจากใจจริง

” นี้อู้เฉียง ข้าขอเป็นสหายกับเจ้ารึไม่? ” ไป๋หลงกล่าวมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

” ตะ แต่ข้าเป็นคนธรรมดาชั้นต่ำไม่มีอะไรเลยไม่มีค่าพอให้ท่านมาเป็นสหายข้าหรอก ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง

“เรื่องนั้นก็ชั่งหัวมันสิ!! ตัวข้าอยากจะเป็นสหายกับใครมันผิดด้วยรึไงผู้ใดเป็นคนกำหนดล่ะ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังทำให้อู้เฉียงตะลึงไม่น้อย

” ในเมื่อท่านไม่รังเกียจข้า ข้าก็จะเป็นสหายให้กับท่าน ” อู้เฉียงกล่าวพลางเกาหัว เพราะตัวอู้เฉียงนั้นไม่เคยมีคน มาขอเป็นสหายกับคนชั้นต่ำแบบตัวเองหรอกแต่ไป๋หลงไม่ได้รังเกียจอะไรเลยแม้แต่น้อย ดูจากการแต่งกายคงจะเป็นลูกตระกูลใหญ่สักตระกูล อู้เฉียงพลางคิดในใจ

” ดีๆ ดีมากนับตั้งแต่วันนี้ ข้าไป๋หลง เป็นสหายกับเจ้าอู้เฉียง ถ้าเจ้าลำบากข้าจะช่วยเจ้าท่านทีไม่ว่าเรื่องใดโปรดบอกข้า ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจที่ตนมีสหาย เป็นมนุษย์ สักที บวกกับไป๋หลงชอบนิสัยของอู้เฉียงเป็นการส่วนตัวนิสัยที่ไม่ย้อท้อแม้ลำบาก

” ข้า อู้เฉียงก็เช่นกัน ถ้าท่านมีเรื่องอะไรเดือดร้อนข้าจักช่วยท่านทันทีถึงข้าจะไม่เก่งด้านวรยุทธ์ก็เถอะ แหะๆ ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความดีใจที่มีคนเรียกได้ว่าเป็นสหายอย่างเต็มปาก

” งั้นเอาล่ะ ไปบ้านของเจ้ากัน “ไป๋หลงกล่าวบอกแก่อู้เฉียง อู้เฉียงนิ่งเงียบไปก่อนจะร้องเสียงหลง

“……..”

เอ๋อออออออออ!!

จบ…

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท