เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่26 1 ในเทพอสูรศักดิ์สิทธิ์

ตอนที่26 1 ในเทพอสูรศักดิ์สิทธิ์

หลังจากเสียงคำรามสงบลงภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นหลายคนทำใจเชื่อยากหรือไม่บางคนก็ล้มทั้งยืน เพราะสัตว์อสูรตรงหน้าหาใช่สัตว์อสูรทั่วไปไม่ รูปลักษณ์ที่เด่นชัด มีขนสีขาวสลับกับสีดำ ขนาดตัวที่ใหญ่มหึมา ตอนนี้ ผู้อาวุโสทั้งหมดและรวมถึงเจ้าสำนักนั่งไม่ติดเก้าอี้ทันที

นะ นะ นี้มัน1ในสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ พยักฆ์ขาว ไป๋หู่ !!!

เสียงของผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้กับเจ้าสำนัก พูดออกมาด้วยความตกตะลึง ขนาดสัตว์อสูรในพันธะสัณญาของตนยังไม่ได้เท่าเศษเสี้ยวตรงหน้า แต่แล้วเมื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น พยักฆ์ขาว ศักดิ์สิทธิ์ ส่งเสียงคำรามออกมาอีกครั้งเสียงดังสนั่นไปทั๋วสำนักหมื่นกระบี่

กรรรรรรร!!

โฮกกกกกกก!!

หลังจาก พยักฆ์ขาวคำรามออกมามันก็จ้องมองไปยังกลุ่มคนที่ดูถูกมันและนายของตน ด้วยสายตาที่ราวกับกระบี่แหลมคม แฝงไปด้วยจิตสังหาร เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อพยักฆ์ขาวอยู่ดีๆ ก็หายไปในพริบตามาปรากฏตรงหน้าของพวกหมางเทียน ที่ตอนนี้พวกมันทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนขาสั่น บางคนถึงกับมีฉี่ออกมาจากกางเกง

” ทะ ท่านพี่!! นี้มันเกินความคาดหมายของพวกเราไปไกลแล้วน่ะ สัตว์อสูรในพันธะสัณญาระดับเดียวกับท่านพ่อ ” ถังอวี้ ที่ยืนดูยังจับจิตสังหารที่รุนแรงที่แผ่ออกมาได้ ทำถังอวี้รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

” พี่ก็คิดเช่นนั้น…รีบรายงานเรื่องนี้ให้ท่านพ่อรู้โดยด่วน!! ” ถังเทียนกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึงก่อนจะสั่งองค์รักษ์ของตัวเองที่ตอนนี้ทำหน้าเหวออยู่เพราะพวกมันไม่เคยเห็นใครถือครองสัตว์อสูรในพันธะสูงขนาดนี้มาก่อน

” ท่านแม่ทัพ รีบรายงายเรื่องนี้ให้ท่านพ่อรู้โดยด่วน!! ก่อนเรื่องนี้จะใหญ่โตไปกว่านี้ ” ถังเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้ แม่ทัพที่ติดตามองค์ชายมาตอบรับคำในทันที

” ขอรับ องค์ชาย ” หลังจากแม่ทัพผู้นี้กล่าวจบก็หายไปทันทีเหลือองค์รักษ์ อยู่9คน

สาเหตุที่ถังเทียนเร่งรีบเช่นนี้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องระดับทวีป การที่มีผู้ถือครอง1ในสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ นั้น หายากเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงทวีปอื่นคงเกิดสงครามการแย่งชิงตัว ไป๋หลงอย่างแน่นอน เเต่สาเหตุหลักที่ถังเทียนกังวลเพราะ สัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ นั้น ถึงแม้จะไม่มีทางทำร้ายนายของตนแต่การบังคับให้มันเชื่อฟังคำสั่งนั้นยากยิ่งกว่า การหาตัวผู้ถือครองซะอีก ดีไม่ดี มันอาจจะคุ้มคลั่งและฆ่าคนทั้งหมดที่อยูตรงนี้ก็เป็นได้ ถังเทียน ได้แต่คิดจนเหงื่อตก

ตอนนี้พยักฆ์ขาวได้เคลื่อนที่มาอยู่ตรงหน้าของพวกที่กล่าวดูถูกมันและนายของมัน โดยไม่มีผู้อาวุโสคนไหนมองการเคลื่อนไหวของ พยักฆ์ขาวตัวนี้แม้แต่น้อยถึงจะมีขนาดร่างกายที่ใหญ่แต่ความเร็วไม่ได้น้อยลงไปด้วย ทันใดนั้นเอง สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์พยักฆ์ขาว กล่าวออกมา

” เจ้ากล้าดียังไง เป็นแค่มนุษย์ชั้นต่ำ ริอาจมาดูถูกข้าผู้นี้ โทษของพวกเจ้า คือ ตาย!! ”

เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์พยักฆ์ขาว กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยจิตสังหาร ทันใดนั้นเอง พยักฆ์ขาว ง้างกงเล็บที่มีขนาดใหญ่ของมันโดยไม่ใส่พลังอะไรเข้าไปเพราะ พวกมันไม่คู่ควรให้กับการที่จะต้องใช้พลัง ใช้กงเล็บตปบ ไปที่คนกลุ่มนั้นในทันที อีกไม่กี่เซ็น กงเล็บขนาดใหญ่ของพยักฆ์ขาว จะถึงตัวของพวกหมางเทียน ตอนนี้พวกมันทุกคนทำได้แค่หลับตา พวกผู้อาวุโสหรือแม้แต่เจ้าสำนัก ยังไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วยทัน

” บัดซบ!! ” เจ้าสำนักกล่าวออกมาให้ความอ่อนหัดของตัวเองที่คิดว่าไม่อาจช่วยชีวิต ผู้เยาว์กลถ่มนั้นไว้ได้ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นทำให้พยักฆ์ถึงกับชะงัก

หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าแมวน้อย!!

หลังจากทุกคนได้ยินเสียงของคนผู้ที่กล้าเรียกเทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ ว่าแมวน้อย ทุกคนสายตาหันไปมองจุดเดียวนั้นก็คือ ไป๋หลง ตอนนี้ไป๋หลงยังไม่รู้ว่าสัตว์อสูรในพันธะสัณญาของตนนั้นคือ1ในสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้พยักฆ์ขาวรู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมากหันไปหาต้นเสียงทันที

” ใครมันบังอาจ!!เรียกข้าผู้นี้ว่าแมวน้อย ข้าจะฆ่…… ”

พยักฆ์ขาวพูดไม่ทันจบมันหันไปเจอกับไป๋หลง มันถึงกับกลืนคำพูดของตัวทันที สาเหตุที่มันเคารพไป๋หลงนั้นเพราะ มันสามารถรับรู้ถึงสายเลือดของไป๋หลงได้ ว่าไม่ใช่มนุนษย์ อย่างแน่นอน แต่เป็นอะไรที่เหนือกว่านั้น ซึ่งตัวมันนั้นมิอาจดูหมิ่นหรือดูแคลนได้เลย การที่ไป๋หลงเรียกว่าแมวน้อยมันอาจจะเหมาะกว่าก็ได้ถ้าพลังของไป๋หลงตื่นขึ้นมา

ตอนนี้ผู้คนทั้งสนามสอบต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึง ถังเทียนและ ถังอวี้ และผู้อาวุโสทั้งหมดหรือแม้แต่เจ้าสำนักก็ไม่เว้น เพราะไป๋หลงนั้นกล้าเรียก1ใน สัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ ว่าแมวน้อย ถึงจะป็น เจ้านายผู้ทำพันธะสัณญาแต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำสิ่งใดก็ได้ แต่แล้วเหตุการณ์กลับผิดคาดเกินกว่าที่ทุกคนคิดไว้ พยักฆ์ขาวนั้น นำกรงเล็บที่แหลมคม นั้น ออกจากตัวของพวกหมางเทียนทันที และก้มหัวให้ไป๋หลง สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนที่อยู่ที่นี้ เป็นที่รู้ รู้กันอยู่ว่าสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ หยิ่งในศักศรีเป็นอย่างมากถึงแม้จะเป็นอสูรในพันธะสัณญาแต่ก็ไม่ยอมก้มหัวให้เด็ดขาด แต่นี้ เป็นหนึ่งในสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ ถึงกับก้มหัวให้ สร้างความตกตะลึงเป็นอย่างมากแก่ผู้คนที่เห็น

” นายท่าน ทำไมถึงไม่ให้ฆ่าสังหารพวกมัน พวกมันเป็นแค่มนุษย์ชั้นต่ำริอาจมาดูถูกท่าน ”

พยักฆ์ขาวกล่าวออกมาด้วยความเคารพ และนอบน้อม เพราะมันรู้ได้ถึงสายเลือดที่แท้จริงของไป๋หลง

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้น ก็กล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ และแฝงไปด้วยความเย็นชา

” ไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้ ถึงพวกนั้นจะดูถูกข้า แต่ข้าก็หาได้สนใจไม่ ” ไป๋หลงตอบออกมาทำให้พยักฆ์ขาวตัวนี้นับถือขึ้นไปอีก ไม่ลุ่มหลงในพลัง สุขุม เยือกเย็น ทำให้พยักฆ์ขาวรู้สึก ยินดีเป็นอย่างมากที่จะเป็น อสูรในพันธะของไป๋หลง

” แล้วแต่นายท่าน..พึงประสงค์ ”

พยักฆ์กล่าวออกมาอย่างให้เกียรติแก่ไป๋หลง

” อ้อ แล้วเจ้าไม่ได้เป็นแมวน้อยหรอกหรือ?ทำไมพวกนั้นต้องกลัวเจ้าด้วยล่ะ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความสงสัย แต่คำถามนี้ในสถาณการณ์ที่เสียงพูดคุยแทบไม่มีเพราะความเกรงกลัวแก่พยักฆ์ขาวตรงหน้า แม้แต่เสียงเข็มหล่นยังได้ยิน ทุกคนได้ยินสิ่งที่ไป๋หลงถาม เหมือนกับฟ้าผ่าลงบนตัวพวกมันทุกคนก่อนจะคิดในใจ เจ้าบ้าหรือเจ้าโง่กันแน่ แม้แต่เจ้าสำนักยังแทบกระอักโลหิต ก่อนที่ผู้อาวุโสที่ยืนขาสั่นอยู่ใกล้กับไป๋หลงจะกล่าวบอกแก่ไป๋หลง

“นะ นี้ เจ้าไม่รู้รึ!! ว่าเจ้าเรียกสิ่งใดออกมา มันเป็นสิ่งที่คนทั้งทวีปหรือแม้แต่ ในโลกยุทธภพอยากได้กันมาครอบครอง ” ผู้อาวุโสที่คุมสอบกล่างออกมาก้วยความกล้าๆกลัว ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็สงสัยทันที เพราะตัวมันนั้นไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับสัตว์อสูรต่างๆเลยแม้แต่น้อย

” เป็นอย่างที่ท่านผู้อาวุโสกล่าว ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้ผู้อาวุโสแทบล้มทั้งยืน พยักฆ์เห็นนายของตนสงสัยจึงกล่าวอธิบายแทน

” เรียนนายท่าน ข้าไม่ใช่แมวน้อยอย่างที่ท่านเข้าใจนั้นเพียงแค่ร่างจำแลงของข้าเท่านั้นนี้คือร่างจริงของข้า ตัวข้านั้นเป็น1ในสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ ที่ใครๆของต่างหมายปองนั้นเอง ”

พยักฆ์ขาวกล่าวอธิบายออกมา ถึงแม้จะเป็นคล้ายการกล่าวโอ้อวดแต่นั้นล้วนเป็นความจริง ทั้งสิน เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ พยักหน้าเชิงเข้าใจ

” ข้าอยากจะฟังเรื่องราวทั้งหมดได้หรือไม่ แต่ตอนนี้คงไม่เหมาะไว้ถ้าว่างๆ เจ้าอธิบายให้มันละเอียดขึ้นอีกนะ ” ไป๋หลงกล่าวบอกแก่พยักฆ์ขาว เมื่อพยักฆ์ขาวได้ยินเช่นนั้นก็ตอบรับทันทีด้วยความเคารพ

” ตามที่นายท่านพึงประสงค์ ”

“เอาล่ะงั้นถ้า..เจ้าช่วยกลับมาอยู่ในร่างแมวเหมือนเดิมได้ไหม? เจ้าอยู่ในร่างนี้แล้วมันทำให้คนอื่นกลัว ” ไป๋หลงกล่าวออกมาให้เกียรติแก่พยักฆ์ขาว เมื่อพยักฆ์ได้ยินเช่นนั้นก็ พยักหน้าทันที ก่อนจะมีแสงสว่างจ้าทั่วสนามก่อนจะปรากฏแมวตัวเล็กสีขาวสลับดำหน้ารักน่าชังแต่หารู้ไหมว่าภายใต้ความน่ารักนี้ซ่อนความหายนะอันใหญ่หลวงไว้

พยักฆ์ขาวได้จำแลงร่างเป็นแมวอีกครั้งก่อนจะเข้ามาครอเคลียไป๋หลง สร้างความตกตะลึงแก่ผู้อาวุโสรวมทั้ง ถังเทียน และ ถังอวี้ด้วยเช่นกัน

ไป๋หลงจับ พยักฆ์ขาวในร่างแมวน้อยขึ้นมาวางไว้บนหัวก่อนจะกล่าวอะไรบางอย่าง

” นับตั้งแต่วันนี้ หลิงหลุน คือชื่อของเจ้า เจ้าว่ามันเหมาะไหมข้าเองก็ไม่เคยตั้งชื่อมาก่อน ฮ่าๆๆ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาอย่างขบขัน เมื่อพยักฆ์ขางได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับทันที

” เป็นชื่อที่ดี ขอรับนายท่าน ” หลิงหลุนกล่าวออกมาด้วยความชื่นชอบ

” ถ้าเจ้าชอบข้าก็ดีใจ ”

ไป๋หลงหันไปบอกผู้อาวุโสทันทีโดยมีหลิงหลุนนั่งอยู่บนหัว

” เชิญ ผู้อาวุโส เรียกคนอื่นมาต่อได้เลยข้าขอตัว ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความเคารพแก่ผู้อาวุโส เมื่อผู้อาวุโสได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าให้ทันที

ม๊าววววววว!!

เสียงของหลิงหลุนร้องออกมาก่อนที่ไปหลงจะเดินลงจากเวที ทุกคนต่างหลีกทางให้ไป๋หลง ส่วนพวกหมางเทียนนั้นได้หนีหายออกจากสนามสอบตั้งแต่ หลิงหลุนหยุดสังหารพวกมัน อู้เฉียงมองไป๋หลงด้วยความแปลกใจ และสงสัยในคำพูดของพยักฆ์ขาวที่กล่าวออกมาว่า มนุษย์ชั้นต่ำแล้วไป๋หลงเป็นอะไรกันแน่ อู้เฉียงได้แต่ครุ่นคิด จนไป๋หลงเดินมาหา

” อู้เฉียงเจ้าเป็นอะไรทำหน้าอย่างกับคิดอะไรไม่ออก อ้อๆ ข้าลืมไปเจ้าไม่ค่อยใช้สมองคิดนิ ฮ่าๆๆ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความชอบใจ

” นี้เจ้า เจ้า..คอยดูเถอะ ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความเคืองเล็กน้อย

” นายท่าน คนผู้นี้คือ… ” หลิงหลุนกล่าวถามแก่ไป๋หลง

” อ้อ จริงสิข้าลืมไปเลย นี้ อู้เฉียงสหายข้าเอง ” ไป๋หลงบอกกล่าวแก่หลิงหลุน

” เป็นเช่นนี้ นี้เอง เพื่อนของนายท่านมีพลังแฝงอยู่ในร่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งเลยทีเดียว แต่เทียบกับนายท่านไม่ได้หรอก ” หลิงหลุนบอกกล่าวแก่ไป๋หลงผ่านทางจิต

” เงียบเอาไว้ห้ามบอกอู้เฉียงเด็ดขาด ” ไป๋หลงกล่าวผ่านทางโทรจิตกลับไป หลิงหลุนก็ทำตามที่ไป๋หลงขอ

หลังจากเหตุการณ์สงบลงผู้อาวุโสก็กล่าวเรียกคนต่อไปทันที โดยหารู้ไหมว่าจะเกิดเหตุการณ์ ที่วันนี้ทุกคนจะต้องจดจำไปตลอดชีวิต

คนต่อไป

อู้เฉียง

จบ

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท