เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่9 ให้ข้า

ตอนที่9 ให้ข้า

หลังจากจบการประลองลูกน้องของหมิงเย่ หนีกันไปคนละทิศคนละทาง ไป๋หลงไม่ได้สนใจพวกมันจึงปล่อยมันไปส่วนคนที่คิดจะจับแม่ลูกอสูรนั้นโดน ชุนยี่สังหารไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นชุนไห่ ได้เข้ามาหาไป๋หลงเพื่อเจรจาบางอย่าง

” เอ่อ..ไม่ทราบว่าท่านจอมยุทธ์ข้าขอเวลาสักครู่ได้หรือไม่ ” ชุนไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อมเพราะมันรู้ว่าคนเบื้องหน้าไม่สามารถล่วงเกินได้หรือจะพูดให้ถูกคือห้ามล่วงเกินเด็ดขาด

ไป๋หลงเห็นชุนไห่ที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงให้ความเคารพก็รู้สึกเขิลอายนิดหน่อย แต่ไม่สามารถมองเห็นได้เพราะหน้ากากที่ใส่อยู่ ไป๋หลงสังเกตุว่าชุนไห่นั้นมาดีไม่ได้มาร้ายจึงได้เอ่ยตอบกลับไป

” ได้ แต่ก่อนอื่นข้าขอเครียเรื่องตรงนี้ก่อนได้หรือไม่ “ไป๋หลงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงนอบน้อมถ่อมตน

“ได้ ขอรับ ไม่มีปัญหา ” ชุนไห่ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ให้เกียรติ แก่ไป๋หลง

” ท่าน ชื่ออะไร หรือและท่านมาจากไหน” ไป๋หลงกล่าวถามแก่ผู้ป็นแม่ที่ตอนนี้อุ้มผู้เป็นลูกอยู่ ผู้เป็นแม่นั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีปีกนกอยู่ข้างหลังมือและเท้าคล้ายกับ ของเหยี่ยว จงอยปากสั้นนิดนึง ใส่เสื้อผ้าฉีกขาด ทำให้ไป๋หลงหดหู่ใจเป็นอย่างมาก

” เรียน ท่านจอมยุทธ์ ข้าชื่อ หน่านเหอ ส่วนลูก นั้นชื่อ หน่านเหิง พวกเราสองแม่ลูกโดนจับมาเป็นทาสเมื่อเดือนที่แล้วขณะที่ข้ากำลังอาหารอยู่นั้นข้าไปโดนกับดักของพวกที่จับข้ามา ส่วนลูกข้านั้นแอบตามข้ามาจึงโดนจับมาด้วย พวกเราอาศัยอยู่ในป่าอสูรแต่อยู่ได้เพียงเขตรนอกเท่านั้นเพราะไม่กล้าเข้าไปลึก เพราะกลัวว่าจะเจอกับอสูรที่แข็งแกร่งเข้ามาทำร้ายพวกข้าพวกข้าสองแม่ลูกจึงต้องอาศัยเขตรนอก พวกอสูรที่อ่อนแอส่วนใหญ่จะอยู่เพียงแค่เขตรนอกเท่านั้น นั้นจึงเป็นเหตุที่พวกเราโดนจับมาเพราะอ่อนแอเกินไปส่วนสามีของข้านั้นโดนพวกมนุษย์จับมาก่อนหน้าพวกข้า ตอนนี้ไม่รู้มีชีวิตอยู่อีกหรือไม่” หน่านเหอ กล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่เป็นอย่างมาก ไป๋หลงได้ยินดังนั้นจึงหันหน้าไปมองมู่จินแบะมู่หลาน ทั้งสองพยักหน้าให้เชิงบอกว่าที่หน่านเหอกล่าวมาถูกหมดทุกอย่าง ไป๋หลงที่เห็นเช่นนั้นจึงตกใจไม่ใช่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้ในป่าอสูรด้วย

” มู่จิน มูหลาน พาสองแม่ลูก ไปรักษาด้วย ข้าขอฝากพวกเจ้าด้วยล่ะ ” ไป๋หลงกล่าวเชิงออกคำสั่ง

“แต่- ” มู่จินกล่าวไม่ทันจบก็โดน พูดขัดขึ้นซะก่อน

“ไม่มีแต่ นี้คือคำสั่งไปได้แล้ว ข้าฝากด้วยล่ะพาสองแม่ลูก ไปที่คฤหาส และทำการรักษา ”

” ขอรับนายน้อย ดูแลตัวเองด้วย พวกข้าจะรีบกลับมาหลักจากรักษาพวกเขาเสร็จ ” มู่จินกล่าวจบก็นำตัวสองแม่ลูกขึ้นมาอุ้มไว้ในท่าอุ้มเจ้าสาว หลังจากนั้นมู่จินก็ กระโดดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับมู่หลาน ไม่ได้สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้คนเท่าไหร่ เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่มู่จินทำไว้ คือการระเบิดพลังระดับจักรพรรดิออกมา ทำให้ผู้คนแถวนี้ไม่ค่อยตกตะลึงเท่าไหร

หลังจากมู่จินและมู่หลาน เดินทางกลับไปที่ป่าอสูร สายตาทุกคู่ก็จับจ้องมาที่ไป๋หลง บ้างก็หวาดกลังบ้างก็ชื่นชม แต่ไม่ได้ทำให้ไป๋หลงสนใจแม้แต่น้อย ไป๋หลงหันกลับมาทางด้านชุนไห่ที่ยืนรออยู่

“เอาล่ะ ข้าว่าไปพูดกันตรงอื่นเถอะตรงนี้คนเยอะเกินไป ” ไป๋หลวกล่าวบอกแก่ชุนไห่

“งั้นเอาเป็น ที่ตระกูลของพวกข้าได้หรือไม่ ” ชุนไห่กล่าวออกมาเชิงแนะนำ

“ก็ได้ ” ไป๋หลงตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆไม่ได้คิดอะไร

“เชิญตามพวกข้ามา ” ชุนไห่ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพ

“พวกข้า? ” ไป๋หลงกล่าวมาด้วยความ งง

” อ้อ ข้าลืมแนะนำตัว ขอท่านอย่าได้ถือสา ตัวข้ามีนามว่าชุนไห่ ส่วน น้องของข้าที่อยู่ตรงนั้นชื่อชุนยี่ ” ชุนไห่กลาวออกมาด้วยความนอบน้อม

ไป๋หลงพยักหน้า แล้วเดินฝ่าฝูงชนออกไป ไม่เชิงเดินฝ่าแต่ทางที่ไป๋หลงเดินนั้นมีแต่คนหลีกทางให้ ทำให้ไม่ต้องลำบากเท่าไหร่ ชุนไห่และชุนยี่เดินนำไป๋หลง เพื่อไปยังตระกูลของพวกตนระหว่างทางไป๋หลงก็สังเกตุว่ามีคนตามมาแต่ดูถ้าว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายจึงปล่อยไป ไป๋หลงเดินดูสิ่งของรอบๆมีทั้งอาหารอาวุธเครื่องประดับ เดินไปสักพักก็มาถึง ตระกูลชุน เป็นตระกูลใหญ่เช่นเดียวกับตระกูลชิน ชุนไห่และชุนยี่ที่เดินมาถึง ทหารยามเห็นว่าเป็นผู้ใดทหารยามสองคนนั้นจึงกล่าวออกมา

” คาราว่ะ คุณหนูและคุณชาย ” ทหารยามสองคนนั้นกล่าวมาด้วยความเคารพแต่มันสังเกตุเห็นไป๋หลงตามาด้วยจึงเอ่ยถามชุ่นไห่

” คุณชาย ไม่ทราบว่าคน ผู้นี้เป็นใคร ” ทหารยามคนนึงร่างกายจัดว่าส่มส่วนใบหน้าหล่อเหลาคมคายอายุราวๆ30 กว่า ระดับพลังอยู่ที่นักรบที่แท้จริงขั้น2

” ท่านผู้นี้คือแขกที่ข้าเชิญมา ” ชุนไห่กล่าวตอบแก่ทหารยาม เมื่อทหารยามได้ยินเช่นนั้นก็ให้ความเคารพไป๋หลง ไป๋หลง พยักหน้าและเดินตามชุนยี่และชุนไห่ไป ทหารยามเห็นไป๋หลงใส่หน้ากากรูปอสูรจึงไม่ได่กล่าวอะไรออกมาเพราะมันจะเป็นการเสียมารยาทแก่แขกของคุณชาย

“เอาล่ะ ข้าขอไปตามท่านพ่อมาก่อน ชุนยี่เจ้าคอยดูแลท่านจอมยุทธ์ก็แล้วกันเดี๋ยวข้ามา ” ชุนไห่กล่าวจบก็มุ่งหน้าไปที่ผู้นำตระกูลชุนทันทีหรือเรียกอีกนัยนึงก็คือ พ่อของชุนไห่และชุนยี่นั้นเอง ตระกูลชุนนั้นเป็น1ใน12 ตระกูลใหญ่เช่นเดียวกับตระกูลชิน ผายในตระกูลชุนนั้น มีทั้งแจกัน เครื่องประดับอัญมณีเกือบทั้งห้องโถงนั้นเต็มไปด้วยความงดงาม ก่อนเข้ามา ก็มีลานฝึกยุทธ์ขนาดใหญ่ ให้คนภายในตระกูลฝึกฝนกัน ตระกูลชุนนั้นมีพื้นที่เยอะเป็นอันดับ3 ในทั้งหมด12 ถือว่า ตระกูลชุนนั้นมีอำนาจพอสมควร หลังจากชุนไห่ไปตามท่านพ่อในห้องโถงเหลือแค่ ชุนยี่ที่นั่งอยู่คนละฝั่งของไป๋หลงชุนยี่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาเพราะกลัวจะทำให้ไป๋หลงไม่พอใจ ไป๋หลงเป็นคนไม่คือยชอบความเงียบจึงเป็นฝ่ายเริ่มสนทนาก่อน

“ตระกูลของชื่อว่าอะไรรึ ทั้งใหญ่โต มีสิ่งของสวยงามเช่นนี้ ที่คฤหาสของท่านพ่อข้าแตกต่างจากตระกูลของเจ้ามากเลยล่ะ ฮ่าๆๆ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขบขัน แต่ชุนยี่ที่ได้ยินเสียงใกล้ๆ เหมือนเป็นเสียงของผู้เยาว์แต่ไม่น่าจะใช่ เพราะไม่มีผู้เยาว์คนไหนสามารถใช้พลังระดับนั้นได้หรอกชุนยี่จึงหยุดคิดไร้สาระแล้วกล่าวตอบแก่ไป๋หลงด้วยความนอบน้อม

“ตระกูลของท่านพ่อข้าคือ ตระกูลชุน ถึงท่านจะบอกว่าตระกูลของข้ามีขนาดใหญ่แต่เทียบไม่ได้กับตระกูลใหญ่ที่เหลือหรอก ” ชุนยี่กล่าวออกมาด้วยความถ่อมตน

” งั้นเหรอ ว่าแต่เจ้ารู้จักตระกูลชินหรือไม่? ” ไป๋หลงกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทำให้ชุนยี่รู้สึกได้ถึง ความโกรธที่แฝงไว้ในคำพูด

” เรียนท่านจอมยุทธ์ ตระกูลชินนั้นเป็นตระกูลที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายอัมหิต และเท่าที่ข้ารู้ตระกูลชินนั้นจับสัตว์อสูรมาเป็นทาสมากมายและใช้อย่างทารุณ แต่ฝีมือของพวกตระกูลชินจัดได้ว่า เป็นของจริงเลยทีเดียว ส่วนผู้นำตระกูลชิน ชินหลง นั้นได้ข่าวมาว่า พึ่งขึ้นระดับจักรพรรดิขั้นที่1 ได้ไม่นานมานี้เอง มีแค่นี้แหละที่ข้ารู้ ” ชุนยี่กล่าวตอบตามความที่รู้มา

” ว่าแต่ท่านถามทำไมหรือ? ” ชุนยี่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย

” หึหึ ข้าจะไปเยี่ยมเยียน พวกมันสักหน่อย ” ไป๋หลงหัวเราะและพูดอย่างเย็นชา ทำให้ชุนยี่ที่นั่งอยู่กับสั่นสะท้านด้วยความกลัว

ผ่านไปสักพักชุนไห่และผู้นำตระกูลชุนนั้นเดินออกมาอย่างเร่งรีบเพราะได้นินเรื่องที่ชุนไห่เล่าให้ฟัง ตัวมันจึงรีบมาด้วยความรีบร้อนไม่ว่าแลกด้วยอะไรก็ต้องให้ได้กระบี่เล่มนั้นมาให้ได้แต่ที่สำคัญที่สุดคือจะไม่ใช้วิธีแย่งชิงเด็ดขาดเพราะนั้นคือ นิสัยของชุนเปียวผู้นำตระกูลชุน

“ท่านจอมยุทธ์ ข้าขอแนะนำนี่คือท่านชุนเปียว เป็นผู้นำตระกูลชุน เป็นบิดาของข้าและชุนยี่ ” ชุนไห่กล่าวแนะนำแก่ไป๋หลง ชุนเปียวที่เห็นไป๋หบง ลองใช้พลังในการสังเกตุตรวจสอบดูพลังแต่ไม่สามรถมองเห็นได้ทำให้ผู้นำตระกูลชุนเลิกสนใจและจะกล่าวทำความเคารพไป๋หลงโดยการก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการให้เกียรติ

” ข้าผู้นำตระกูลชุน ขอคาร- ” ชุนเปียวกล่าวไม่ทันจบก็โดนไป๋หลงขัด

“ข้าเกรงว่ามันจะไม่เหมาะสมเท่าไหร ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงให้เกียรติ

” ไม่เหมาะสมอย่างไร? ” ชุนเปียว งง กับการกระทำและคำพูดของไป๋หลง

“งั้นท่านคอยดู ” ไป๋หลงกล่าวจบก็เอามือมาจับหน้ากากและดึงออกพร้อมกับปลดผ้าคลุมออก ทำให้ ชุนเปียว ชุนไห่และชุนยี่ ที่อ้าปากค้างตกตะลึง ทั้งความหล่อเหลาราวกับเทพบุตร ดวงตาสีแดงราวกับอัญมณี ผิวที่เนียนขาวดุจสตรี ผมยาว สลวยปลิวไปตามสายลม เส้นผมสีดำเงางามทำให้หญิงใดที่ได้เห็น ต้องอิจฉาและหลงไหลเป็นแน่แท้

” ทีนี้ท่านคิดว่าเหมาะสมอีกหรือไม่ล่ะท้านผู้นำตระกูล ฮ่าๆๆ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขบขันยิ้มแย้มแจ่มใสทำให้ชุนยี่ที่เห็นรอยยิ้มนั้นหน้าแดงเป็นลูกตำลึงและก้มหน้าลงทันทีด้วยความเขิลอาย

” นะ นะ นี้เจ้าเป็นผู้เยาว์ รึ ? ” ชุนเปียวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจ

” อย่างที่ท่านเข้าใจอีก4 เดือนข้าก็จะอายุ7 ปีแล้ว ” เมื่อไป๋หลงกล่าวออกมสร้างความตกตะลึงให้กับชุนเปียว ชุนไห่ และ ชุนยี่เข้าไปอีก ชุนเปียวตั้งสติได้และกล่าวถามแก่ไป๋หลง

“เจ้ามีชื่อว่าอะไร ” ชุนเปียวกล่าวถามแก่ไป๋หลง

“ข้ามีชื่อ ว่า ไป๋หลง ” ผู้นำตระกูลได้ยินเช่นนั้นจึงครุ่นคิดเหมือนได้ยินมาจากไหน แต่ก็นึกไม่ออกจึงข้ามไปก่อน

” เอาล่ะว่าแต่มีอะไรจะเจราจาล่ะชุ่นไห่ข้าเห็นท่านอยากจะเจรจาอะไรกับข้าอย่างงั้นเหรอ? ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่ชุนไห่

” คือ ข้าจะขอพูดตามตรงไม่อ้อมค้อมน่ะ กระบี่ที่เจ้าใช้น่ะ กระบี่เหมันต์ มันเป็นสิ่งจำเป็นแก่ชุนยี่อย่างมากเลยเพราะไม่มีอาวุธชนิดใดที่ทนพลังความเย็น ของนางได้เลยทำให้อาวุธเหล่านั้น กลายเป็นน้ำแข็ง และแตกสลายไปในที่สุดอีกอย่างนางยังไม่สามารถเรียกอาวุธจิตวิณญาณของตัวเองออกมาได้นี้จึงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับนาง ไม่ว่าแลกเปลี่ยนเป็นอะไรข้าขอแลกหรือ ข้าจะให้ราคาเจ้า ร้อยล้านเหรียญเพชรหรือจะเป็นโอสถระดับจักรพรรดิ ข้าก็ยินดีแลกเพราะจะนั้นได้โปรดไตร่ตรองด้วย ” ชุนไห่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง มองมาทางไป๋หลง ไป๋หลงนั้นส่วนตัวแล้วกระบี่เล่มนี้ไม่สำคัญอะไรเลยไป๋หลงแค่หยิบออกมาแค่1เล่มแต่ในห้องคลังสมบัตืของพ่อตนนั้นมีกระบี่แบบอื่นแยู่อีก20 ถึง 30 กว่าเล่มจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก

“ท่านหมายถึงกระบี่เล่มนี้งั้นเหรอ ” ไป๋หลงกล่าวจบก็หยิบกระบี่เหมันต์ ออกมาจากแหวนมิติ สร้างความตกตะลึงให้ชุนเปียวเป็นอย่างมากเพราะไม่คิดว่าผู้เยาว์เช่นนี้จะมีอาวุธระดับนี้ได้

” ชะ ใช่ กระบี่เล่มนี้แหละ กระบี่เหมันต์ อาวุธระดับ6ดาว ชนชั้นราชัน ” ชุนไห่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

” แลกเปลี่ยนอย่างงั้นหรือ ก็ได้ข้าจะแรก แต่ก่อนอื่นข้าขอถามท่าน ศิษย์ พี่ ชุนยี่ ” ไป๋หลงกล่าวด้วยให้ความเคารพ

” ทำไมตอนนั้นท่านถึงช่วยแม่ลูกอสูรคู่นั้นทั้งที่ตามจริงปล่อยให้พวกเขาโดนจับเป็นตัวประกันก็ได้ ” ไป๋หลงกล่าวถามชุนยี่

“เพราะข้าเกรียจการคิดไม่ซื่อและการคดโกงการข่มเหงผู้ที่ไม่มีทางสู้มากที่สุดถึฝข้าจะตายข้าก็จะไม่ยอมก้มหัวให้กับคนที่ข่มเหงข้าเด็ดขาดนั้นคือเหตุผลที่ข้สเข้าไปช่วยแม่ลูกอสูรคู่นั้น ” ชุนยี่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มในใจและรู้สึกดีกับนิสัยของชุนยี่ที่มีความตรงไปตรงมาไม่โกหกในคำพูดแม้แต่น้อย

“เอาล่ะ กระบี่เล่มเหมันต์เล่มนี้ข้ายกให้ท่าน ถือว่าเป็นการชดใช้ที่ท่านช่วยคนของข้าไว้ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สร้างความแปลกใจและตกตะลึงเป็นอย่างมาก เพราะชุนเปียวที่กำลังเตรียมทรัพย์สินภายในตระกูลเกือบทั้งและโอสถล้ำค่าอีกมาก กลับต้องชะงัก

” เจ้าว่าอะไรเจ้าจะยกให้ข้าอย่างงั้นเหรอ นี้มันระดับ6 ดาวชนชั้นราชันเลยน่ะ ” ชุนยี่กล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง ไป๋หลงเพียงยิ้มตอบ

” ข้าไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วในระดับของอาวุธอีกอย่าง ตอนใช้มันรู้สึกเย็นมากเลยล่ะ ข้าก็เลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นะฮ่าๆฟ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขบขัน

ชุนเปียวที่ได้ยินเช่นนั้น ก็คิดว่า นี้มันเหตุผลที่บ้าบอที่สุดที่เคยได้ยินมาเลยที่มีคนไม่เห็นค่าาวุธระดับนี้

“แล้วต้องการอะไรเป็นการแลกเปลี่ยนล่ะ ” ชุนยี่กล่าวถามแก่ไป๋หลง

” ข้าต้องการตัวท่าน ”

“……………..”

” อะไรน่ะ!! ” ชุนเปียวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตกตะลึงรวมถึงชุนไห่ที่ อ้าปากค้าง ชุนยี่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดงเขิลอาย จนดูน่ารักเป็นอย่างมาก

” ข้าลอเล่นน่ะ ฮ่าๆ ข้อแลกเปลี่ยนนั้นไม่ต้องหรอก ข้าแค่อยากจะลองใจท่านเท่านั้นศิษย์พี่ชุนยี่ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขบขัน

ชุนเปียวที่ได้สติ จึงคิดถึงคำพูดที่พูดว่าคนของข้า ที่ออกจากปาก ไป๋หลงเมื่อกี้จึงถามแก่ไป๋หลง

” เดี๋ยวน่ะ ที่เจ้าพูดว่า คนของข้าหมายถึงอะไร อธิบายให้ข้าฟังหน่อยสิ ? ” ชุนเปียวกล่าวด้วยน้ำเสียงสงสัย

“ข้าก็นึกว่าท่านจะถามอะไร ก็สองแม่ลูกอสูรคู่นั้นอาศัยอยู่ในป่าอสูรของข้าแล้วทำไมข้าจึงเรียกว่าคนของข้าไม่ได้ในเมื่อท่านพ่อของข้าเป็นคนปกครองป่าอสูร ” ไป๋หลงกล่าวจบก็ เกิดความเงียบขึ้นถายในห้องโถงก่อนจะมีเสียงดังขึ้น

อะไรน่ะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

จบ…

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท