เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่ 377 เสาแห่งแสงสีโลหิตที่น่าสะพรึง

ตอนที่ 377 เสาแห่งแสงสีโลหิตที่น่าสะพรึง

อัลเบียร์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ปลดปล่อยจิตสังหารออกมาในทันที!! เพราะอัลเบียร์นั้นย่อมรู้จุดประสงค์ของคนผู้นี้ที่มีต่อไป๋หลงในทันที..จักรพรรดิ์ธาตุที่มีความเคียดแค้นต่อจักรพรรดิ์เงามากที่สุด…

“ 1 ใน จักรพรรดิ์ธาตุ…จักรพรรดิ์แห่งแสง เซเรฟ!!! ”

“ ราชินีแห่งเผ่าพันธุ์แวมไพร์ กับ บุตรสาวของเทพมารที่ล่วงลับอย่างงั้นเหรอ…เป็นการรวมตัวกันที่พึลึกชอบกลว่าไหม…”

“ เซเรฟ ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็ไสหัวของเจ้ากลับไปซะ ก่อนที่ข้าจะลงมือสังหารเจ้าด้วยตัวข้าเอง..”

อัลเบียร์พูดพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารออกมาจนบรรยากาศโดยรอบถึงกับเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง แม้แต่เทียร์ยังสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลที่สุดจะหยั่งถึง…

“ ใจเย็นลงก่อน..ข้าก็แค่มาทักทายเท่านั้น..ยังไงข้าก็ชนะท่านไม่ได้อยู่แล้ว..ต่อให้สู้กันก็คงต้องมีฝ่ายใดฝ่ายนึงไม่ข้าก็ท่านที่ต้องตาย.. ”

“ สิ่งที่เจ้าทำเมื่อครู่นี้เรียกว่าทักทายอย่างงั้นเหรอ..”

“ ข้าไม่ได้ทักทายท่าน..แต่เป็นคนที่อยู่ด้านหลังของท่านต่างหาก..จักรพรรดิ์เงาข้ารู้นะว่าเจ้าได้ยินสิ่งที่ข้าพูดอยู่..จะหลับหูหลับตาไปถึงเมื่อไหร่..”

เซเรฟกล่าวขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปที่ไป๋หลงที่กำลังลุกขึ้นอย่างช้าๆก่อนจะแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายออกมา…

“ คำเตือนของจักรพรรดิ์อัสนีในตอนนั้นอย่างงั้นเหรอ..เฮ้อ ไม่นึกเลยว่าจะเจอกันในที่แบบนี้..จริงสิเราก็ลืมไปเลยเหมือนกัน..แต่จะให้เสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้ก็คงจะไม่ได้.. ”

ไป๋หลงครุ่นคิดในใจก่อนจะฉายแววตาเจ้าเล่ห์ออกมา..เป็นสายตาที่เทียร์นั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี…

“ เอางี้เป็นไง..จักรพรรดิ์จรัสแสงสินะ..เจ้าต้องการจะต่อสู้กับข้าใช่ไหม.. ”

“ หึ..แน่นอนว่าข้าจะสังหารเจ้าด้วยมือของข้าเองไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิทั้งนั้น ต่อให้เทพปีศาจจะเอาชีวิตเจ้าไปข้าก็จะขัดขวางให้ถึงที่สุดเพราะคนที่จะสังหารเจ้าได้มีเพียงแค่ข้าเท่านั้น!!! ”

เซเรฟพูดขึ้นด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความหื่นกระหายในการต่อสู้กับไป๋หลงในฐานะจักรพรรดิ์เงาเป็นอย่างมาก…ทำให้ตอนนี้สถานการณ์กำลังเป็นไปตามที่ไป๋หลงนั้นคิดเอาไว้…

“ ย่อมได้..ข้าจะสู้กับเจ้าแต่.. ”

“ แต่อะไร? ”

“ ยังไม่ใช่ตอนนี้ข้ามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องไปจัดการศึกใหญ่กับเผ่าปีศาจกำลังจะเกิดขึ้นข้าต้องเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้..หากศึกครั้งนี้จบลง ข้าจะต่อสู้กับเจ้าอย่างสุดกำลัง..ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าเลือกจะปฏิเสธก็ได้..แต่ข้าจะไม่ต่อสู้กับเจ้าเด็ดขาด..เพราะถ้าหากเป็นแบบนั้นคนที่เจ้าจะต้องสู้ด้วยเกรงว่าจะไม่ใช่ข้าแต่เป็น… ”

ไป๋หลงผายไปทางอัลเบียร์ที่ขมวดคิ้วแน่น…

“ เจ้าหลานคนนี้..คิดใช้ข้าเป็นไม้กันสุนัขอย่างงั้นเหรอ…นิสัยต่อรองกับหว่านล้อมศัตรูต่างกันไม่มีผิด..ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ!! ”

อัลเบียร์คิดในใจพร้อมกับยินยอมที่จะเล่นไปตามแผนของไป๋หลง…ซึ่งเซเรฟนั้นก็แสดงท่าทีครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง..

“ จักรพรรดิ์เงานี้เจ้ากำลังต่อรองกับข้าอย่างงั้นเหรอ..”

“ เปล่าเลยนี่ไม่ใช่การต่อรอง…เพราะคนที่ยื่นข้อเสนอได้มีเพียงแค่ข้าคนเดียว เจ้าไม่ได้อยู่ในฐานะที่ต่อรองกับข้าซะด้วยซ้ำ..ว่าไงข้าไม่ได้มีเวลามาคุยกับเจ้าทั้งวันหรอกนะ..จะรอหรือจะสู้ตอนนี้ ข้าให้ทางเลือกกับเจ้าแล้ว.. ”

เทียร์ที่ได้ยินคำพูดและท่าทางของไป๋หลงมองดูกี่ครั้งกี่หนก็ไม่เคยชินเลยสักครั้ง..ความสามารถในการต่อรองและความสงบเยือกเย็นแบบนี้…มันช่าง..

เซเรฟที่ได้ยินแบบนั้นก็ลดกลิ่นอายสังหารลง..พร้อมกับสะกดกลิ่นอายแห่งความตายเอาไว้ในทันที…

“ ก็ได้ตกลง..ข้าจะรับข้อเสนอของเจ้า..แล้วถ้าเจ้าถูกพวกปีศาจสังหารตายขึ้นมาแล้วข้อตกลงที่เจ้าให้ไว้กับข้าละ.. ”

“ คิดซะว่าเป็นเวรกรรมของเจ้าก็แล้วกันที่ข้าต้องตายด้วยง้วมมือของ..คนอื่นที่ไม่ใช่เจ้า.. ”

“ บัดซบ!!! ได้ จักรพรรดิ์เงา!! ข้าจะติดตามเจ้าไปในสนามรบในครั้งนี้ด้วย..แม้เป็นแม่ทัพปีศาจก็เอาชีวิตเจ้าไปไม่ได้!!! ”

เทียร์ได้แต่รู้สึกสับสนและตกตะลึง..นี่เป็นการดึงเอากำลังเสริมที่คาดไม่ถึงมาเสียแล้ว..แม้แต่เทียร์นั้นก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของจักรพรรดิ์ธาตุผู้นี้มาพอสมควร..แม้จะดูเหมือนโรคจิต แต่ทว่าความแข็งแกร่งนั้นเป็นของจริง!!

“ หลานข้า..ไม่เบาหนิที่ใช้ข้าคนนี้เป็นไม้กันสุนัขเช่นนี้..เป็นการต่อรองที่น่าสนใจจริงๆ ”

ไป๋หลงได้ยินเสียงที่ส่งผ่านกระแสจิตจากอัลเบียร์ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมาเท่านั้นพร้อมกับกล่าวขอโทษอัลเบียร์ภายในใจอยู่ยกใหญ่…

“ แต่มีข้อแม้ ถ้าเจ้าจะติดตามข้าไปห้ามปล่อยกลิ่นอายที่อยู่ในกายเจ้าออกมาอย่างเด็ดขาด ถ้าเจ้าทำไม่ได้ก็ติดตามข้ามาไม่ได้เช่นกัน..มีหวังพาเจ้าไปชาวบ้านกับจอมยุทธที่มีระดับพลังอ่อนแอได้ถูกสูบพลังชีวิตไปเพราะกลิ่นอายของเจ้าเป็นแน่… ”

เซเรฟรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ไป๋หลงนั้นสามารถมองออกถึงกลิ่นอายที่ตนพยามปกปิดเอาไว้..

“ มองออกด้วยอย่างงั้นหรือ..ฝีมือเจ้าไม่ธรรมดาจริงๆสินะอีกอย่าง เรื่องมากขี้จุกจิกสมแล้วที่เป็นจักรพรรดินอกรีต.. ”

“ จะเรียกข้าว่าอะไรก็แล้วแต่..จะทำหรือไม่ทำ ข้าถามเจ้าเพียงแค่นี้… ”

“ ก็ย่อมได้เมื่อถึงเวลาข้าจะเป็นคนเอาชีวิตเจ้าเองในระหว่างนี้..ข้าจะเดินตามแผนของเจ้าไปก่อนก็แล้วกัน..แล้วเจอกัน.. ”

เซเรฟนั้นสลายพลังทั้งหมดก่อนที่ความรู้สึกอีกขั้วหนึ่งที่ถูกกดทับจะถูกปลดปล่อยออกมาชั่วคราว…

“ นี่พวกเจ้าคือ… ”

ความทรงจำทั้งหมดค่อยๆไหลซึมซับเข้าไปในตัวของเซเรฟที่ตอนนี้อยู่ในสภาวะอารมณ์ที่เหมือนกับชายหนุ่มทั่วไป…ผลจากการที่เซเรฟหรืออีกจิตวิญญาณหนึ่งเข้ามาครองร่างทำให้สติและจิตวิญญาณที่อ่อนแอกว่าต้องถูกปิดผนึก

และในครั้งนี้เซเรฟก็เป็นผู้ที่ยอมปล่อยให้อีกขั้วอารมณ์นึงมาใช้ร่างกายแทน..ทำให้พลังทั้งหมดสลายหายไปในทันที…ก่อนที่ความทรงจำทั้งหมดจะไหลผ่านเข้ามาจนหมด..

“ เข้าใจ..ท่านก็คือจักรพรรดิ์เงาที่เซเรฟนั้นเฝ้าตามหา.. ”

ไป๋หลงที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกว่า เซเรฟคนนี้นั้นเหมือนอู้เฉียงอย่างเห็นได้ชัด..เหมือนในที่นี้ก็คือการมีจิตใจสองขั้วสองอารมณ์ ด้านที่อ่อนแอกว่าจะถูกผนึก..

แต่ในกรณีของอู้เฉียงนั้นคือการยินยอมซึ่งกันและกันทำให้จิตวิญญาณรวมกันเป็นหนึ่ง..แต่ในกรณีของเซเรฟผู้นี้นั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด..

“ นี่เจ้า..”

ขณะที่ไป๋หลงกำลังจะกล่าวบางอย่าง..อยู่ๆก็มีประกายแสงสีแดงดำปกคลุมทั่วท้องฟ้าเพียงชั่วพริบตา..ก่อนจะปรากฏเสาแห่งแสงสีแดงโลหิตไหลออกไปพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา..

ทั่วทั้งยุทธภพต่างเห็นประกายแสงเสาสีแดงนี้อย่างเห็นได้ชัด..แต่ทันทีเสาแห่งแสงนี้ปรากฏขึ้นมาสิ่งเดียวที่ทุกคนรู้สึกเหมือนกันก็คือ..ความรู้สึกที่น่าขนลุกและหวาดกลัว..

แม้แต่ไป๋หลง เทียร์ และอัลเบียร์ยังสัมสัมผัสได้ถึงพลังที่น่าขนลุกที่แผ่..จากเสาแห่งแสงสีโลหิต..

กาเบรียลที่อยู่ในห้วงจิตของไป๋หลงแสดงสีหน้าเคร่งครึมออกมา…

“ พลังแบบนี้มัน..เบลเซบับ!!! ”

จบตอน..

ข้อความจากไรท์

ก่อนอื่นเลยไรท์ต้องขอโทษ นักอ่านทุกท่านที่ต้องปล่อยให้รอนาน ไรท์จะอธิบายให้นักอ่านทุกคนได้ฟัง ไรท์ได้ไปหาหมอ เพราะรู้สึกว่าตัวไรท์นั้น อารมณ์แกว่ง เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง ความรู้ต่างๆมากมายเหมือนมันถามโถามเข้ามา ทั้งเรื่องสอบ เรื่องที่บ้านของไรท์ ทำให้รู้ว่าไรท์ในตอนนี้เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าสูงมาก ทำให้ไรท์นั้นมีปัญหา ในการแต่งนิยาย เพราะทุกครั้งที่ไรท์จะแต่งนิยาย ไรท์ต้องใช้อารมณ์ความคิด เพื่อที่จะเขียนให้มันออกมาดี ไรท์จะเขียนส่งๆไปไม่ได้ ไรท์อยากให้นิยายที่ทุกคนอ่านนั้น มันมีคุณภาพ ไม่ใช่เขียนแค่เพื่อเอามาลง เพื่อเอาเงิน แต่ไรท์อยากให้ทุกคนอื่นเนื้อหานิยายที่มันมีคุณภาพ ที่ไรท์หายไปเกือนหนึ่งอาทิตย์ เพราะอารมณ์ไรท์มันไม่ดีเลย มันเครียดตลอดเวลา ไรท์พยามหาอะไรทำแล้วทั้งดูหนังฟังเพลง แต่มันรู้สึกเบื่อไปหมด

ไรท์จะพยามจัดการกับอารมณ์ตัวเองให้ดีที่สุด..เพราะแบบนั้นไรท์ต้องขอโทษนักอ่านที่น่ารักของไรท์ทุกท่านเป็นการล่วงหน้าด้วยนะครับ ที่อาจจะต้องปล่อยให้รอนาน

แต่ไรท์จะเขียนให้จบอย่างแน่นอน ขอบคุณครับ..

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท