กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – บทที่ 49 ส่งตงฟางเจ๋อจากไป (2)

บทที่ 49 ส่งตงฟางเจ๋อจากไป (2)

ซูหลียกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผากตงฟางเจ๋อเบาๆ คิ้วที่ขมวดเข้าหากันของเขาคลายออก เขาลืมตาเล็กน้อย มองเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของนาง เขาขยับนิ้วทีละนิด เอื้อมไปจับมือนางช้าๆ แล้วจึงค่อยกล่าวเสียงเบา  เรื่องที่โรงหล่อข้าไม่รู้เรื่อง เซี่ยงหมิงหยางข้าก็ไม่ได้ตั้งใจฆ่าเขา 

ซูหลีปวดใจ รีบกุมมือเขาตอบแน่นๆ ก่อนจะยิ้มบางแล้วกล่าวว่า  ข้าเชื่อท่านอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้ามาที่ท่าน บางที ตั้งแต่วินาทีที่ท่านก้าวเท้าเข้ามาในแคว้นติ้ง ก็มีคนคอยบงการเรื่องราวทุกอย่างอยู่เบื้องหลังแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ไม่เป็นผลดีกับท่าน ท่านไปจากที่นี่ กลับไปพักฟื้นให้ดีก่อนเถิด ข้าจะต้องสืบเรื่องราวทุกอย่างให้กระจ่างได้แน่นอน 

ตงฟางเจ๋อหอบหายใจ กัดฟันหยัดกายลุกขึ้นนั่ง แล้วกล่าวเสียงขรึมว่า  ข้าไปไม่ได้! คนผู้นี้ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดแต่แรก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมโผล่หน้าออกมา จะต้องเป็นคนชั่วภายใต้หน้ากากคนดีอย่างแน่นอน สี่ทูตประจำกายของเจ้ายามนี้เหลือเพียงเจียงหยวนที่อยู่ที่นี่ แล้วจะให้ข้าวางใจได้เช่นไร? 

ซูหลีกล่าว  เสด็จพี่ออกคำสั่งขับไล่แล้ว วันนี้เขาโกรธมากจริงๆ ถ้าหากเขารู้ว่าท่านไม่ไปจากที่นี่ เกรงว่า… 

ตงฟางเจ๋อกล่าว  ข้าจะระวัง  พูดไป เขาก็ฝืนลุกจากเตียง แล้วกำชับเสียงขรึมว่า  เซิ่งฉิน รีบไปจัดการให้เรียบร้อย…  เขายังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ ก็ถูกตีท้ายทอยอย่างแรง สายตาพลันมืดมน หมดสติไปทันที

พวกเซิ่งฉินตะโกนด้วยความตกใจ  องค์หญิง! 

ซูหลีประคองร่างกายของตงฟางเจ๋อที่ล้มลง แล้วพาไปนอนลงบนเตียงอีกครั้ง จากนั้นก็สกัดจุดไป่ฮุ่ย[1]ของเขา น่าจะทำให้เขาหลับไปอีกหลายชั่วยาม นางหันไปกล่าวกับองครักษ์ทั้งสามว่า  รีบไปเตรียมรถ ข้าจะไปส่งพวกเจ้าออกจากเมืองด้วยตนเอง ต้องส่งเขากลับเมืองหลวงแคว้นเฉิงอย่างปลอดภัยให้ได้! 

 พ่ะย่ะค่ะ!  ทั้งสามรับคำแล้วจากไป

สายตาของซูหลีจับจ้องอยู่บนดวงหน้าหล่อเหลาที่กำลังหลับใหล จากกันครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อใด นางโน้มตัวเข้าไปใกล้ จุมพิตบนกลีบปากเขาเบาๆ ลึกๆ ในใจอาลัยอาวรณ์สุดแสน แต่กลับจำต้องตัดใจพลัดพราก

ยามพลบค่ำ รถม้าสีดำเรียบหรูคันหนึ่งเคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวงแคว้นติ้งอย่างรวดเร็ว และค่อยๆ หายลับไปจากครรลองสายตาของซูหลี…

วันต่อมา ซูหลีตรงไปยังที่พักของเซี่ยหมิงหยาง ในห้องโถงใหญ่ถูกจัดให้เป็นห้องโถงไว้อาลัยเล็กๆ เซี่ยอวิ๋นเซวียนสวมชุดไว้อาลัยที่ทำจากสายป่าน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก กำลังนั่งคุกเข่าเผากระดาษอยู่ตรงหน้าป้ายวิญญาณ ซูหลีเดินเข้าไปจุดธูปไหว้ศพสามดอก จากนั้นก็หันไปถามเซี่ยอวิ๋นเซวียน  ทุกอย่างกลายเป็นเช่นนี้ ท่านสำนึกผิดบ้างหรือไม่ หากไม่ใช่เพราะความวู่วามของท่าน บางทีอาจารย์ลุงของท่านอาจไม่ต้องตาย ใครเป็นผู้บอกท่านกันแน่ ว่าเมื่อวานฮ่องเต้แคว้นเฉิงจะทำการขับพิษ? 

เซี่ยอวิ๋นเซวียนชะงักงันเล็กน้อย เขาค่อยๆ หันหน้าไปอีกทาง คล้ายไม่อยากพูดอะไร

ซูหลีกล่าวด้วยสีหน้าตึงเครียด  ถึงแม้อาจารย์ลุงของท่านถูกฮ่องเต้แคว้นเฉิงสังหารโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่คนที่แอบบอกความลับกับท่านต่างหากคือคนที่มีเจตนาร้ายอย่างแท้จริง หากท่านยังไม่ยอมเข้าใจอีก อาจารย์ลุงของท่านคงนอนตายตาไม่หลับ! 

 อาจารย์ลุงไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว  เซี่ยอวิ๋นเซวียนมองป้ายวิญญาณด้วยใบหน้าอาบน้ำตา เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด  ข้าเพียงนึกแค้นที่ตนเองมีวรยุทธ์อ่อนแอ จึงมิอาจสังหารปิศาจตนนั้นได้ 

 เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วท่านยังดื้อดึงไม่ยอมรับผิดอีกหรือ?  ซูหลีก้าวเท้ามาข้างหน้าด้วยความร้อนใจ

เซี่ยอวิ๋นเซวียนพลันกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว  ในสายตาผู้น้อยเซี่ย องค์หญิงก็ไม่ต่างกันเลยมิใช่หรือ? 

ซูหลีขมวดคิ้ว ถามด้วยความสงสัย  ท่านหมายความว่าเช่นไร? 

เซี่ยอวิ๋นเซวียนค่อยๆ ลุกขึ้นยืน จ้องหน้านางในระดับสายตาเดียวกัน กล่าวด้วยใบหน้าสับสนว่า  ศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกของผู้น้อยเซี่ยก็คือคนรักขององค์หญิง องค์หญิงมั่นใจได้เช่นไรว่าคนที่บอกความลับกับผู้น้อยเซี่ยมีเจตนาร้ายจริงๆ? องค์หญิงกับกระหม่อมมีจุดยืนไม่เหมือนกัน องค์หญิงมีคนที่อยากปกป้อง กระหม่อมก็มีเหมือนกัน! หากองค์หญิงไม่พอพระทัยที่ผู้น้อยเซี่ยลอบสังหารฮ่องเต้แคว้นเฉิง เช่นนั้นก็จับกุมกระหม่อมเสีย!  เอ่ยจบ เขาก็ค่อยๆ ยกสองมือขึ้น ใบหน้ายังคงแข็งกร้าวไม่ยอมอ่อนข้อ

ซูหลีนึกไม่ถึงว่าเขาจะมีทิฐิสูงถึงเพียงนี้ หัวใจพลันจมดิ่งสู่ก้นเหว นางผงะถอยหลังไปทีละก้าวๆ รู้ดีว่าตอนนี้ยังไม่อาจเกลี้ยกล่อมเซี่ยอวิ๋นเซวียนได้ นางค่อยๆ ล้วงลูกธนูที่ทำจากเหล็กกล้าออกมาจากแขนเสื้อ ซึ่งเป็นลูกธนูที่ทำให้ตงฟางเจ๋อได้รับบาดเจ็บเมื่อวาน

เซี่ยอวิ๋นเซวียนหน้าเปลี่ยนสี มองดูซูหลีวางลูกธนูดอกนั้นไว้หน้าป้ายวิญญาณเซี่ยหมิงหยาง อดกำหมัดแน่นไม่ได้

ใบหน้าของซูหลีตึงเครียด นางกล่าวด้วยน้ำเสียงผิดหวังว่า  ถึงแม้ข้ากับคุณชายเซี่ยเคยพบหน้ากันเพียงไม่กี่หน แต่กลับรู้สึกว่าท่านเป็นคนดีรู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดีมาโดยตลอด แต่วาจาและการกระทำของท่านในวันนี้…ทำให้ข้าผิดหวังมาก 

ดวงตาของเซี่ยอวิ๋นเซวียนฉายแววสับสนและเจ็บปวด ร่างกายเขาสั่นเทาเล็กน้อย เบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตานาง ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าแผ่วเบาก้าวออกจากประตูไป แต่ก็หยุดเดินอีกครั้ง

เสียงถอนหายใจของซูหลีดังมาจากข้างหลัง  ท่านเชี่ยวชาญเรื่องอาวุธลับและการสร้างกลไก มีความคิดและจิตใจที่บริสุทธิ์จึงวู่วามง่าย หวังว่าในอนาคตจะสามารถรักษาความสุขุมเยือกเย็น รอบคอบและระมัดระวัง ไม่ปล่อยให้ผู้มีเจตนาร้ายหลอกใช้อีก เพราะถึงอย่างไร ยามนี้สายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของสำนักกระบี่เหล็กก็เหลือเพียงคุณชายเซี่ยแล้ว ท่าน…ดูแลตนเองให้ดีก็แล้วกัน 

เสียงฝีเท้าค่อยๆ ห่างออกไป สายลมพัดเข้ามาในประตู พัดเอากระดาษเงินที่ยังไหม้ไม่หมดบนพื้นให้ปลิวว่อน ดั่งหิมะที่โปรยปรายในเดือนสิบสอง

เซี่ยอวิ๋นเซวียนยืนอยู่กลางห้องโถงไว้อาลัย พลันรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงกระดูก

ซูหลีเดินออกจากจวนเซี่ย เจียงหยวนที่ยืนรออยู่ข้างนอกรีบเดินเข้ามา  เจ้าสำนัก สืบได้หรือไม่ว่าเป็นฝีมือของใคร? 

ซูหลีส่ายหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักใจ  เขาไม่ยอมพูด 

เจียงหยวนขมวดคิ้ว กล่าวว่า  คนที่ทำให้เซี่ยอวิ๋นเซวียนปิดปากสนิทได้ถึงเพียงนี้ จะต้องมีสายสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเขาอย่างแน่นอน 

ซูหลีนิ่งคิด หลังจากเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงในสำนักกระบี่เหล็ก เซี่ยอวิ๋นเซวียนก็ใช้ชีวิตหลบซ่อนมาโดยตลอด ระหกระเหินมาจนถึงแคว้นติ้งจึงค่อยลงหลักปักฐานอย่างมั่นคง เขาต้องรู้จักคนผู้นั้นในแคว้นติ้งอย่างแน่นอน…สายตานางพลันสะดุดเล็กน้อย  เจียงหยวน รีบส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้ ตั้งแต่ออกจากแคว้นเฉิง โดยเฉพาะหลังจากมาถึงแคว้นติ้ง เซี่ยอวิ๋นเซวียนติดต่อกับผู้ใดบ้าง! 

 ขอรับ!  เจียงหยวนรับคำแล้วจากไปทันที

โรงหล่อระเบิด เซี่ยหมิงหยางตาย การร่วมมือระหว่างสองแคว้นจบลงด้วยความล้มเหลวในที่สุด ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นติดต่อกันทำให้อารมณ์ของฮ่องเต้แคว้นติ้งขึ้นลงไม่มั่นคง ไม่นานก็ล้มป่วย อาการป่วยครั้งนี้ร้ายแรงนัก ฮ่องเต้แคว้นติ้งจมสู่ห้วงหลับใหล สีหน้าซีดเหลืองไปทั้งดวง ดื่มยารักษาไปมากมายก็ไม่ดีขึ้น หมอหลวงในวังยืนเฝ้าอยู่นอกตำหนักบรรทมทั้งคืน ใบหน้าอิดโรย ต่างก็ไม่รู้จะรักษาด้วยวิธีใดแล้ว

ซูหลีรีบเรียกเจียงหยวนเข้าวัง เพื่อรักษาอาการป่วยให้ฮ่องเต้แคว้นติ้ง

เจียงหยวนตรวจชีพจร เงียบงันเนิ่นนาน แล้วจึงค่อยดึงมือกลับ

ซูหลีรีบถาม  เป็นอย่างไรบ้าง? 

หลางฉ่างกับฮองเฮาต่างมองเขาด้วยสีหน้าคาดหวังโดยมิได้นัดหมาย

เจียงหยวนส่ายหน้าช้าๆ กล่าวด้วยสีหน้าหนักใจ  พระวรกายของฝ่าบาทบาดเจ็บมานาน อาศัยการรักษาโดยใช้ยาวิเศษ และทำใจให้สงบ จึงชะลออาการมาได้จนถึงตอนนี้ ครั้งนี้ กระหม่อมเกรงว่า…คงหมดหนทางรักษาแล้วพ่ะย่ะค่ะ 

ซูหลีตะลึงงัน

ฮองเฮาน้ำตาไหลพราก ขานเรียกด้วยความเศร้าโศก  ฝ่าบาท!  ร่างกายซวนเซ

 เสด็จแม่ระวังพ่ะย่ะค่ะ!  หลางฉ่างรีบเข้าไปประคองฮองเฮาที่อยู่ข้างหลัง นางกลับดันมือเขาออก แล้วเดินซวนเซมาข้างเตียง มองฮ่องเต้แคว้นติ้งด้วยสายตาเหม่อลอย

หลางฉ่างกล่าวด้วยสีหน้าเจ็บปวด  ไร้หนทางรักษาแล้วจริงๆ หรือ?! 

เจียงหยวนคล้ายนึกอะไรบางอย่างออก สายตาเป็นประกายเล็กน้อย  บางทีอาจมีบางสิ่ง ที่สามารถบรรเทาอาการของฝ่าบาท และประวิงเวลาออกไปได้อีกสักระยะ 

—————————————————————————–

[1] จุดไป่ฮุ่ย หมายถึง จุดรวบรวมเส้นลมปราณทั้งหลาย เป็นจุดที่มีเลือดและพลังมารวมกันอยู่เยอะ

 

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น!
หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน
เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม
ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน
หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง!
พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี!
แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี
ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ
หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น
นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง
แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้
ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้
แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา
‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น!
เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน