กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – บทที่ 47 วิกฤตแห่งความเชื่อมั่น

บทที่ 47 วิกฤตแห่งความเชื่อมั่น

หลางฉ่างหันไปสบตากับซูหลี ทั้งสองหัวเราะเสียงเบา หลางฉ่างค้อมกายแล้วกล่าวว่า  เสด็จพ่อทรงพระปรีชา! สองแคว้นมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน ถือเป็นกลยุทธ์อันดีเพื่อสันติภาพและความสงบสุขในระยะยาว การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ยิ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด เหตุใดเสด็จพ่อจึงไม่สนับสนุนเรื่องดีๆ เช่นนี้เล่าพ่ะย่ะค่ะ? 

ฮ่องเต้แคว้นติ้งถอนหายใจเสียงเบา หันไปมองซูหลี เห็นแววคาดหวังอันร้อนรุ่มในดวงตานาง ก็อดใจอ่อนไม่ได้ เขาเดินเข้าไปตบมือนางเบาๆ  พ่อเพียงหวังให้ฉางเล่อมีที่พึ่ง สุขสมหวังไปตลอดชีวิตเท่านั้น 

หลางฉ่างเห็นฮ่องเต้แคว้นติ้งมีท่าทีอ่อนลง ก็พลันดีใจ หมายจะกล่าวอะไร จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากทางโรงหล่อ! เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นแสบแก้วหู ควันดำโขมงลอยคลุ้งทั่วท้องฟ้าเหนือโรงหล่อในพริบตา องครักษ์หลวงรีบวิ่งเข้ามาล้อมฮ่องเต้แคว้นติ้งกับคนอื่นๆ พลางตะโกนเสียงดัง  คุ้มกันฝ่าบาท! 

ฟางรั่วไห่วิ่งตรงเข้าไปข้างหลังโรงหล่อทันที ซูหลีกับหลางฉ่างสบตากัน จากนั้นก็วิ่งตามเข้าไปติดๆ

เห็นเพียงเตาหลอมพังถล่มไปครึ่งส่วน ควันสีดำยังคงลอยคลุ้งออกมาจากข้างใน คนงานที่เมื่อครู่กำลังทำงานอย่างแข็งขัน ยามนี้นอนล้มอยู่ด้านหน้ากล่องสูบลม ร่างกายอาบไปด้วยเลือดสีแดงสด สิ้นใจไปทั้งอย่างนั้น! ส่วนคนงานคนอื่นๆ ถูกแรงระเบิดกระแทกจนปลิวไปไกลบ้างใกล้บ้าง ตายบ้างเจ็บบ้าง เสียงโอดครวญดังระงมจนแทบทนฟังไม่ไหว ฟางรั่วไห่ประคองคนงานที่ยังมีสติคนหนึ่งขึ้นมา แล้วถามเสียงสั่น  ซวนจื่อ! เกิดเรื่องใดขึ้น! ทำไมอยู่ดีๆ จึงระเบิดได้เล่า? 

ซวนจื่อพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง  ไม่รู้…จู่ๆ ก็ระเบิด…ไม่ทันตั้งตัว 

หลางฉ่างตะโกนเสียงเกรี้ยว  ทหาร รีบไปเชิญหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้! 

ซูหลีสูดดมกลิ่นอย่างละเอียด แล้วกล่าวอย่างตกตะลึง  เป็นดินประสิว! 

ฟางรั่วไห่ร้องขึ้นทันที  เหตุใดจึงมีดินประสิวได้เล่าพ่ะย่ะค่ะ? ดินประสิวใช้ทำดินปืน ไม่มีประโยชน์กับโรงหล่อเลยแม้แต่น้อย! 

หลางฉ่างกวาดมองลานกว้างที่มีสภาพระเนระนาด แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงปวดใจ  ระเบิดครั้งนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ เป็นฝีมือคน! 

พลันนั้น ก้อนดินเล็กๆ ร่วงตกลงมาจากหลังคาทิศตะวันตก เงาดำสายหนึ่งโฉบผ่านหลังคาไปอย่างรวดเร็ว สายตาซูหลีแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางโฉบกายขึ้นกลางอากาศ พุ่งขึ้นไปบนหลังคา เงาดำสายนั้นกำลังจะกระโดดลงไปจากคานบ้าน แต่กลับถูกนางคว้าตัวไว้ก่อน ซูหลีสกัดจุดลมปราณเขา และพาตัวลงมาจากหลังคาทันที

ซูหลีเหวี่ยงคนผู้นั้นล้มลงตรงหน้าหลางฉ่าง แล้วถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด  บอกมาเดี๋ยวนี้ เหตุใดต้องระเบิดโรงหล่อ? เจ้ารับคำสั่งมาจากผู้ใด? 

หลางฉ่างมองคนผู้นั้นด้วยความตกใจระคนสงสัย ถามด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้ง  เจ้าเป็นใคร? 

คนผู้นั้นหัวเราะชั่วร้าย ก่อนจะกัดลิ้นตนเองอย่างแรง คอเอียงพับ สิ้นใจไปทันที!

ซูหลีตกตะลึง อยากช่วยแต่กลับไม่ทันเสียแล้ว นางมองหลางฉ่างด้วยความจนใจ สีหน้าของทั้งสองเริ่มสับสน ซูหลีมองฟางรั่วไห่ที่ยังคงยืนอึ้งอยู่ด้านหนึ่ง แล้วชี้ไปยังคนร้ายที่ฆ่าตัวตาย ถามว่า  ฟางรั่วไห่ เจ้ารู้จักคนผู้นี้หรือไม่? 

ฟางรั่วไห่ราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน เขาเดินมาดูคนที่นอนสิ้นใจอยู่บนพื้น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงตกใจ  เหตุใดจึงเป็นเขา? 

ซูหลีกับหลางฉ่างถามขึ้นพร้อมกัน  เขาเป็นใคร? 

ฟางรั่วไห่พูดด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ  เขา เขาก็คือคนที่ประสานงานเรื่องวัสดุเหล็กที่ทางแคว้นเฉิงส่งตัวมาพ่ะย่ะค่ะ! 

ซูหลีกับหลางฉ่างตะลึงงัน ทั้งสองมองหน้ากัน เป็นไปได้อย่างไร?

องครักษ์ประคองฮ่องเต้แคว้นติ้งเดินเข้ามาจากลานด้านหน้า ฮ่องเต้ได้ยินอย่างชัดเจน กล่าวด้วยน้ำเสียงพิโรธ  ตงฟางเจ๋อทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? หรือเพราะข้าคัดค้านการแต่งงานในคราวนี้ จึงคิดจะให้บทเรียนข้าอย่างนั้นหรือ? คิดว่าแคว้นติ้งเราขาดเขาไม่ได้หรืออย่างไร? 

ซูหลีร้อนใจ ส่ายหน้าและกล่าวโดยสัญชาตญาณ  ไม่ เขาไม่มีทางทำเช่นนี้แน่เพคะ! 

หลางฉ่างรีบเดินเข้าไปเกลี้ยกล่อม  เสด็จพ่อโปรดทรงระงับโทสะ ลูกรู้สึกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ คนผู้นี้แม้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแคว้นเฉิง แต่อาจมิได้รับคำสั่งมาจากตงฟางเจ๋อก็ได้ 

ฮ่องเต้แคว้นติ้งกริ้วโกรธอย่างหนัก เขาชี้หน้าหลางฉ่าง กล่าวว่า  ได้! ข้าขอสั่งให้เจ้ารีบไปตรวจสอบให้ชัดเจน ว่าใช่ฝีมือของเขาหรือไม่กันแน่? หากเขามีส่วนเกี่ยวข้องจริง ก็รีบสั่งให้เขาไสหัวกลับแคว้นเฉิงไปเสีย! ข้าไม่ขอพบหน้าคนผู้นี้อีก! ทหาร เคลื่อนขบวนกลับวัง!  เอ่ยจบ เขาก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมาอีก

ซูหลีไม่อยากเชื่อหูตนเอง นางตะโกนเรียกเสียงดัง  เสด็จพ่อเพคะ! 

นางคิดอยากจะวิ่งตามไปอธิบายสักหลายประโยค แต่กลับถูกหลางฉ่างรั้งไว้ก่อน สีหน้าของเขาเคร่งเครียด ส่ายหัวบอกว่า  ยามนี้เสด็จพ่อกำลังกริ้ว ไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้น พวกเรารีบไปหาตงฟางเจ๋อแล้วถามให้รู้เรื่องดีกว่า 

รถม้าวิ่งทะยานด้วยความเร็วดุจสายลม มุ่งหน้าไปยังทะเลสาบจิ้งพัว

ครั้นมาถึงประตูสวนชิงหลี หน้าประตูกลับไร้คนเฝ้า ซูหลีร้อนใจดั่งไฟสุมอก ไม่มีเวลาคิดมาก นางกระโดดลงจากรถม้าแล้วสาวเท้าเข้าไปในสวนทันที หลางฉ่างสีหน้าตึงเครียด เดินตามหลังนางไปติดๆ ในสวนเงียบสงบผิดปกติ ตลอดเส้นทางมองไม่เห็นองครักษ์ พลันนั้นเสียงต่อสู้กันดังมาจากสวนด้านหลัง ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ ลางสังหรณ์บางอย่างผุดขึ้นมาในใจ นางพุ่งตัวไปที่สวนด้านหลังอย่างไม่ลังเล

นางวิ่งไปถึงประตูสวนในอึดใจเดียว ยังไม่ทันมองเห็นคนในสวน สายตาพลันพร่ามัว ประกายสีเงินพาดผ่าน กระบี่ประกายแสงกำลังร่ายรำ! เงาร่างสายหนึ่งโฉบผ่าน คมกระบี่อันเฉียบแหลมพุ่งแทงหัวใจของคนผู้นั้นอย่างไร้ความปรานี! กระบี่ถูกดึงออกมาอย่างรวดเร็ว เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นทั่วทิศ!

เงาร่างสายนั้นพยายามหยัดยืนอยู่หนึ่งวินาที ก่อนจะเอนล้มลงไปบนพื้น! ซูหลีมองเห็นเซี่ยอวิ๋นเซวียนที่ยืนอยู่ด้านหลังเงาร่างสายนั้น สายตาของเขาตื่นตกใจ ไม่นานก็กรีดร้องออกมาด้วยเสียงเหมือนแทบขาดใจ  อาจารย์ลุง!! 

ซูหลีลืมหายใจไปชั่วขณะ นางค่อยๆ เลื่อนสายตาไปยังผู้ที่ถือกระบี่ ตงฟางเจ๋อสวมเพียงเสื้อซับใน ไหล่ขวาถูกธนูดอกหนึ่งยิง แขนเสื้อสีขาวถูกเลือดย้อมจนกลายเป็นสีแดง ใบหน้าไร้สีเลือดฝาด ขาวซีดเหมือนกระดาษ สายตากลับดุดันน่ากลัว เขายืนเอาหลังพิงเสา แทบหยัดยืนไม่ไหว ขณะที่มือยังคงกำกระบี่ประกายแสงแน่น

ซูหลีวิ่งเข้าไปประคองเขา รีบสังเกตบาดแผลเขา แล้วถามทันที  ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? พวกเซิ่งฉินไปไหนแล้ว? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?  ตั้งแต่รู้จักกันมา นางยังไม่เคยเห็นตงฟางเจ๋อในสภาพย่ำแย่ถึงเพียงนี้มาก่อน! แม้ว่านางจะฉลาดปราดเปรื่องอีกแค่ไหน ยามนี้ก็ไม่อาจควบคุมความสับสนวุ่นวายในใจได้

ตงฟางเจ๋อไม่พูดอะไร เขากุมมือนางแน่น มือของเขากลับเย็นชืดดุจน้ำแข็ง

 สหายเซี่ย!!  หลางฉ่างที่เห็นเหตุการณ์พร้อมกันตะลึงพรึงเพริด เขาสูญเสียความใจเย็นในยามปกติ วิ่งเข้าไปประคองเซี่ยหมิงหยาง ขานเรียกครั้งแล้วครั้งเล่า  สหายเซี่ย สหายเซี่ย! ท่านอดทนไว้ก่อน หลางฉ่างจะพาท่านไปหาหมอเดี๋ยวนี้! 

ดวงตาของเซี่ยหมิงหยางหม่นหมอง เขาอ้าปาก คล้ายต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับกระอักเลือดออกจากปากไม่หยุด เขาไออย่างหนักไม่กี่ครั้งก็สิ้นใจคาอ้อมแขนของหลางฉ่าง!

เสียงฝีเท้าวุ่นวายดังเข้ามาจากนอกลานสวน เซิ่งฉิน เซิ่งเซียว และเซิ่งจินย้อนกลับมาจากสามทิศทาง ครั้นเห็นตงฟางเจ๋อได้รับบาดเจ็บ ก็วิ่งเข้าไป และขานเรียกพร้อมกัน  ฝ่าบาท! 

หลางฉ่างเงยหน้าจ้องตงฟางเจ๋อ นัยน์ตาอ่อนโยนดุจหยกมีแววเย็นชาและเคียดแค้นพาดผ่าน เขากัดฟันกล่าวว่า  สุดท้ายท่านก็ฆ่าเขา! 

แววเยือกเย็นและดุดันพาดผ่านดวงตาดำขลับ ตงฟางเจ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง  เขารนหาที่ตายเอง แล้วข้าจะทำเช่นไรได้ 

หลางฉ่างค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นแค้น  เมื่อครู่ข้าเห็นท่านสังหารเขาในกระบี่เดียวกับตาตนเอง! 

ตงฟางเจ๋อพยายามหยัดยืนตัวตรง เขาค่อยๆ ยกกระบี่ประกายแสงชี้ไปที่เซี่ยอวิ๋นเซวียน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงขึ้งเคียด  เขามาลอบสังหาร ข้าย่อมมิอาจนั่งรอความตาย จู่ๆ เซี่ยหมิงหยางก็วิ่งเข้ามารับกระบี่ ข้าเองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน! 

หลางฉ่างเคียดแค้นยากสงบ ค่อยๆ เยื้องย่างเข้ามา และกัดฟันกล่าวทีละคำๆ  ฮ่องเต้แคว้นเฉิงมีวรยุทธ์สูงส่ง ใต้ฟ้านี้มีผู้ใดบ้างไม่รู้? 

เซิ่งฉินก้าวเท้าเข้ามา เขาอธิบายเสียงดังอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป  องค์รัชทายาท! หลายวันนี้ฝ่าบาทกำลังขับพิษรักษาอาการบาดเจ็บ พระองค์สูญเสียกำลังภายในไปจนสิ้น ยามอันตรายมาเยือนจะต้านรับกระบี่นั้นไหวได้อย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ?! 

ฝีเท้าของหลางฉ่างชะงักงัน เขาหันไปมองหน้าตงฟางเจ๋อด้วยสายตาตกใจระคนสงสัย

——————————————-

 

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น!
หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน
เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม
ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน
หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง!
พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี!
แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี
ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ
หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น
นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง
แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้
ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้
แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา
‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น!
เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน