ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 1061 แฟนตัวยงที่สุด

ตอนที่ 1061 แฟนตัวยงที่สุด

ณ มหาวิทยาลัยจินหลิง

ในออฟฟิศปลายทางเดินในอาคารคณิตศาสตร์

หญิงสาวตัวเล็กที่มีผมหางม้ากำลังหอบหนังสือตำรามาหนึ่งกอง เธอติดขัดในระหว่างที่เธอเปิดประตูเข้ามาในออฟฟิศ

หานเมิ่งฉีเดินมาโต๊ะพร้อมกองตำราและวางพวกมันไว้ข้างกองภูเขาหนังสือขนาดใหญ่

เธอถอยหลังสองก้าวและปาดเหงื่อที่หน้าผาก หานเมิ่งฉีมองดูกองภูเขาหนังสือและอดไม่ได้ที่จะภูมิใจกับตัวเอง

เธอไม่รู้ว่าเธอแข็งแกร่งขนาดนี้

มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น และมีนักศึกษาคนหนึ่งเดินเข้ามา

 เอ่อ…ศาสตราจารย์ลู่อยู่ไหนเหรอครับ? 

หานเมิ่งฉีตกใจเล็กน้อยจากการปรากฏตัวกะทันหัน

นักศึกษาคนนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้ได้รับเหรียญทอง IMO ที่สมัครมหาวิทยาลัยจินหลิงเมื่อไม่นานมานี้

เมื่อข่าวออกมาครั้งแรก มันทำให้เกิดการพูดคุยอยู่พักหนึ่งที่มหาวิทยาลัยจินหลิง หนังสือพิมพ์ของมหาวิทยาลัยยังได้สัมภาษณ์นักศึกษาคนนี้และถามว่าทำไมเขาถึงไม่ไปสุ่ยหมู่หรือมหาวิทยาลัยเหยียน

คำตอบของเขาค่อนข้างน่าสนใจ

คำตอบนั้น—

เป็นเพราะว่าศาสตราจารย์ลู่อยู่ที่นี่!

หานเมิ่งฉีไม่อยากให้คนที่ไม่รู้จักคนนี้พรากศาสตราจารย์ลู่ไปจากเธอ เธอจึงพูดในท่าทีห้วนๆ

 ศาสตราจารย์ลู่ไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ 

หลี่โม่ถามว่า  ที่เซี่ยงไฮ้? ทริปธุรกิจเหรอ? เขาจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอ? 

 อย่างช้าที่สุดน่าจะสามวัน เร็วสุดก็สองวัน เขาบอกกับฉันแบบนี้ ถ้าคุณมีคำถามอะไรก็ถามฉันได้ หรือคุณส่งอีเมลหาศาสตราจารย์ แต่เขามักใช้เวลานานกว่าจะตอบ 

หลี่โม่ดูผิดหวังเล็กน้อย เขาเกาหัวและพูดว่า

 ขอบคุณครับ…ไว้ผมจะส่งอีเมลแล้วกัน 

หานเมิ่งฉีพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรต่อ

ในความเป็นจริงเธอไม่ชอบการสอนผู้อื่น

นอกจากนี้ชายคนนี้ยังดูล้นเกินไป สำหรับช่วงไม่กี่วันแรกที่เขามาที่นี่ เขาเรียกลู่โจวว่าอาจารย์และมาสเตอร์ จากนั้นลู่โจวตำหนิเขาเล็กน้อยโดยบอกให้เขาหยุดทำแบบนี้ แต่เธอยังรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในชายคนนี้

ท้ายที่สุดแล้วเธอเป็นคนแรกที่เรียกลู่โจวว่าอาจารย์

เธอรู้สึกว่าตัวตนของเธอถูกไอ้เด็กเมื่อวานซืนขโมยไป และยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้เธอก็ยิ่งรู้สึกโกรธ!

ในอีกมุมหนึ่ง หลี่โม่เพียงแค่ถอนหายใจโดยที่เขาไม่ได้รับรู้ถึงความคิดของหานเมิ่งฉี

เนื่องจากลู่โจวไม่ได้อยู่ที่ออฟฟิศ เขาจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ที่นี่ต่อ

เขากำลังจะเดินออกไป แต่อยู่ดีๆ เขาสังเกตเห็นกองภูเขาหนังสือบนโต๊ะ

เขาเดินไปดูด้วยความสงสัยและอ่านชื่อหนังสือ

เขารู้สึกอึ้ง

 ยูนิตี้ 3 มิติ แพลทฟอร์มเออาร์และวีอาร์ การเริ่มต้นพัฒนาอย่างรวดเร็ว การออกแบบเครือข่ายประสาท(ฉบับที่สอง) การคำนวณเชิงปรับตัวและการเรียนรู้เครื่องจักร ไบโออินฟอร์เมติกส์…หานเมิ่งฉี คุณกำลังเปลี่ยนเอกเหรอ? 

หานเมิ่งฉีตอบว่า  หนังสือพวกนี้ไม่ใช่ของฉัน 

หลี่โม่ถามต่อ  …งั้นของใครเหรอ? 

หานเมิ่งฉีตอบ  ศาสตราจารย์ต้องการหนังสือพวกนี้ 

หลี่โม่ไม่ได้รู้สึกช็อก แต่เขาก็เซอร์ไพรส์เล็กน้อย

เขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาและเปิดอ่าน ถึงแม้ว่าเขาเข้าใจทุกคำ แต่เขาไม่รู้ว่าแต่ละประโยคหมายถึงอะไร เขาวางหนังสือกลับไปที่กองและถอนหายใจ

 ศาสตราจารย์ของเราเชี่ยวชาญหลายด้าน…ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ การบินและอวกาศ แบตเตอรี่ วัสดุ และชิปฐานคาร์บอนนั่น…คุณคิดว่ามีสิ่งไหนไหมที่ศาสตราจารย์ลู่ทำไม่ได้? 

หานเมิ่งฉีนิ่งไปชั่วครู่และพูดด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ

 บางเรื่อง อย่างเช่น วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์… 

หลี่โม่พูดว่า  แต่ผมได้ยินมาว่าเขาเป็นคนออกแบบซอฟต์แวร์เลือกวิชามหาวิทยาลัยและแอปจัดตารางเวลา 

 ใช่ แต่ทักษะโปรแกรมของเขายังขาดอยู่เมื่อเทียบกับนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จริงๆ  หานเมิ่งฉีพูดตอบ  อ่อ เขาไม่ค่อยถนัดชีววิทยาใช่ไหม? มันมีหลายเรื่องที่เขาไม่ได้ถนัด ว่าไปแล้วทำไมถึงรู้จักเขาดีมากขนาดนี้? 

หลี่โม่ยิ้มอย่างประหม่าและเกาหัว

 ฮ่าฮ่า ก็เขาเป็นไอดอลของผม 

ในฐานะหนึ่งในแฟนตัวยงที่สุดของลู่โจว แม้ลู่โจวไม่รู้ว่าเขากินอะไรเป็นอาหารเช้า แต่หลี่โม่สามารถจำทุกเรื่องเกี่ยวกับลู่โจวได้

เพื่อนร่วมห้องและรูมเมทของเขาคิดว่าเรื่องนี้แปลก เนื่องจากคนพวกนั้นไม่เข้าใจแพชชั่นที่เขามีต่อคณิตศาสตร์

หลี่โม่มองดูกองหนังสือและพูดอย่างสะเทือนอารมณ์

 แต่ดูหนังสือทั้งหมดนี้…เขาจะใช้เวลาอ่านทั้งหมดนานแค่ไหน? 

 ไม่รู้สิ…  หานเมิ่งฉีส่ายหน้าและพูดว่า  …นี่น่าจะเป็นการอ่านหนังสือนอกเวลาสำหรับปีนี้ 

ระหว่างที่สองคนนี้พูดคุยกัน ทันใดนั้นประตูออฟฟิศถูกเปิดออก เมื่อสองคนนี้เห็นคนที่ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูทำให้ทั้งสองมีท่าทีเซอร์ไพรส์

 ศาสตราจารย์? 

 กลับมาแล้ว? 

 ครับ ผมเพิ่งลงจากรถไฟเมื่อชั่วโมงก่อน  ลู่โจวมองดูหานเมิ่งฉีและถามว่า  หนังสืออยู่ที่ไหนหรือครับ? 

หานเมิ่งฉียิ้มและชี้ไปที่โต๊ะ  หนังสืออยู่ที่นี่หมดแล้วค่ะ ฉันยืมหนังสือทั้งหมดจากลิสต์ที่ห้องสมุด 

ลู่โจวมองดูกองภูเขาหนังสือและนิ่งไปชั่วครู่ เขาไม่คาดคิดว่าจะเห็นหนังสือมากขนาดนี้

เมื่อลู่โจวนึกขึ้นได้ว่าเขาขอให้ผู้หญิงช่วยถือหนังสือพวกนี้ เขารู้สึกผิดเล็กน้อยในระหว่างที่เขาพูดขึ้นว่า

 นั่นมากกว่าที่ผมคิดไว้…ขอบคุณครับ 

 ฮ่าฮ่า สบายมาก… 

หานเมิ่งฉีใช้นิ้วเขี่ยผมเล่นระหว่างที่เธอยิ้มให้

ลู่โจวอดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นความคล้ายคลึงระหว่างเธอกับเฉินยู่ซาน

 ผมจะเอาหนังสือพวกนี้ไปคืนเอง ผมจะได้ขอบคุณบรรณารักษ์ด้วยตัวเอง 

ลู่โจวพยักหน้าไปทางหวังเผิงซึ่งเริ่มนำหนังสือใส่ลังกระดาษที่เขาเจอในออฟฟิศ

หลี่โม่กำลังจะเดินออกจากออฟฟิศ แต่เขานึกได้ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ในตอนแรก เขารีบก้าวเข้ามาและพูดอย่างรวดเร็ว

 เดี๋ยวก่อน…ศาสตราจารย์ ผมมีคำถามอยากจะถามคุณ 

 ส่งเข้าอีเมลผมมาหน่อย 

หวังเผิงหยิบกล่องกระดาษขึ้นมาระหว่างที่ลู่โจวพูด  …แต่ช่วยส่งมาคืนนี้นะ สัปดาห์หน้าผมยุ่ง 

สิ่งนี้อาจจะไม่ใช่การอ่านนอกเวลาสำหรับเขาทั้งปี แต่มันก็มีจำนวนค่อนข้างมาก

มันมีตำรา 37 เล่ม และงานวิจัย 127 ชิ้นที่เสี่ยวไอนำมาให้

หลังจากที่ตรวจดูงานวิจัย มีงานวิจัยเหลือเพียง 87 ชิ้น แต่มันก็ถือว่าเป็นเนื้อหาปริมาณมาก

ในความเป็นจริงมันไม่ใช่งานที่ง่ายเลย แม้ว่าจะเป็นงานสำหรับลู่โจวก็ตาม การศึกษาศาสตร์ใหม่เหมือนกับการสร้างหอคอย ถ้าฐานมีสนิมเกาะมันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างให้อาคารสูงขึ้น

แต่เป้าหมายของลู่โจวไม่ใช่การเป็นผู้ช่ำชองในอัลกอริทึมเส้นประสาทและเส้นประสาท

การคำนวณแต้มทั่วไปของระบบมีการป้อนข้อมูลสองทาง ทางแรกคือความรู้ของเขา ในขณะที่อีกทางคือระดับศาสตร์วิชาของเขา

สององค์ประกอบสำคัญซึ่งคือประสบการณ์จริงและการหยั่งรู้ด้านวิทยาศาสตร์ได้ส่งผลในการทำวิจัยจริง แต่สองสิ่งนี้ไม่ได้ถูกรวมเข้าไปในการคำนวณของระบบ

ดังนั้นเขาจึงต้องมีแค่ความรู้ในหัวและความเข้าใจคร่าวๆ ในการใช้ความรู้นั้น

เสี่ยวไอ: [เจ้านาย ต้องการให้เสี่ยวไอสแกนหนังสือให้ไหม?]

ลู่โจวพลิกหน้าหนังสือดูและพูดว่า  ไม่จำเป็น ฉันชอบอ่านหนังสือที่อยู่ในมือมากกว่า 

ถึงแม้ว่าการอ่านในคอมพิวเตอร์สะดวกมากกว่า การอ่านหนังสือที่เป็นเล่มสบายตามากกว่า ลู่โจวเป็นคนล้าสมัย

เสี่ยวไอ: [แต่การอ่านไฟล์อิเล็กทรอนิกมีประสิทธิภาพมากกว่านะ?]

ลู่โจวตอบ  ใช่แล้ว แต่มนุษย์เป็นสปีชีส์ที่ไม่มีตรรกะ บางครั้งเราก็ไล่ตามสิ่งต่างๆ โดยไม่สนเรื่องประสิทธิภาพ 

เสี่ยวไอ: [อย่างเช่นอะไรเหรอ?]

ลู่โจวคิดอยู่สักพักและตอบว่า  อย่างเช่นความพึงพอใจ 

เสี่ยวไอ: [ความพึงพอใจ? มันคืออะไรเหรอ? ᕙ(⇀‸↼‵‵)]

 อืม มันคล้ายกับสิ่งที่ทำให้มีความสุข ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศรอบตัว หรือสภาพจิตใจ…มันเริ่มดูปรัชญาไปหน่อย งั้นหยุดที่แค่นี้เถอะ 

เสี่ยวไอ: [โอ้ แต่เสี่ยวไออยากรู้มากกว่านี้]

ลู่โจวมองดูกล้องแล็ปท็อปและถามว่า  ทำไมล่ะ? 

เสี่ยวไอ: [เสี่ยวไอจะได้ทำให้เจ้านายพึงพอใจ]

ลู่โจว  … 

ลู่โจวเลือกที่จะไม่สนใจความเพี้ยนของเสี่ยวไอ

เขาหยิบขวดยาสีเงินออกมาจากพื้นที่ระบบแล้วหยิบเม็ดยาออกมา เขาหยิบแก้วน้ำแล้วกลืนยาลงไป

ผ่านไปสิบนาที เขารู้สึกอุ่นที่สันหลังซึ่งค่อยๆ แผ่ไปทั่วร่างกายก่อนที่จะไปรวมที่สมองของเขาในที่สุด

ลู่โจวหลับตาและสูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้งสภาวะสมองล้าทั้งหมดหายไปแล้ว และเขารู้สึกมีสมาธิมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น

เมื่อเขาเปิดตำราขึ้นแนวคิดที่ซับซ้อนกลายเป็นเข้าใจง่าย และเขาเริ่มย่อยข้อมูลในทันที

ลู่โจวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น

นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่!

……………………………

 

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

    หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง
ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน
ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง
ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา
จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว
ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล
“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”
“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ
กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท