ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 1211 ภารกิจฉุกเฉินลำดับที่ 2

ตอนที่ 1211 ภารกิจฉุกเฉินลำดับที่ 2

อันที่จริงแล้วสัญชาตญาณของลู่โจวนั้นถูกต้อง

ไม่ได้ถูกต้องในแง่ที่เขาได้คาดการณ์ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่เหลือเชื่อเอาไว้

แต่ถูกต้องในแง่ที่ว่าข้อสังเกตการณ์นี้จะนำปัญหามาให้พวกเขาอีกเยอะเลย

ปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ไม่ได้น่ากลัวเสมอไป แต่ถ้าปรากฏการณ์นี้ขัดแย้งกับพื้นฐานของฟิสิกส์สมัยใหม่ ผลกระทบก็อาจจะมีนัยสำคัญ

ลู่โจวเข้าไปในห้องน้ำและเข้าสู่พื้นที่ระบบ เขาเดินไปอยู่หน้าจอแสดงข้อมูลสีฟ้าอ่อน

 ระบบ เปิดแถบภารกิจของผม! 

นี่เหมือนกับภารกิจฉุกเฉินครั้งล่าสุด

ไอคอนล็อกถูกเพิ่มเข้ามาในภารกิจ ‘ควบคุมโลกและจันทรา’ ของเขา ภายใต้ภารกิจเก่าก็มีภารกิจใหม่ซึ่งทำสัญลักษณ์เป็นไอคอนฉุกเฉินไว้

[ภารกิจฉุกเฉิน:สายจากวอยด์ (ระดับการคุกคาม: ?)]

[คำอธิบาย: ถนนไปสู่การค้นหาความจริงทั้งหมดมักจะไม่มั่นคง มีสิ่งลึกลับมากมายที่เราไม่อาจเข้าใจในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ อย่าโดนล่อลวงด้วยภาพลวงแห่งความจริง…]

[ข้อกำหนด: ค้นหาเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังข้อมูลที่ผิดปกติ เทคนิคที่สามารถนำมาใช้ได้นั้นรวมอยู่ด้วยแต่ไม่ได้ถูกจำกัด:

[1]

[รางวัล:???]

ลู่โจว  ??? 

หลังจากลู่โจวอ่านแถบภารกิจเสร็จ เขาก็รู้สึกสับสนยิ่งกว่าเครื่องหมายคำถามสามอันที่อยู่ในคอลัมน์รางวัลจากภารกิจ

การกำจัดและการทำลายหมายความว่าอะไร?

มันหมายความว่าให้ทำลายนักฟิสิกส์ทั้งหมดที่ค้นพบปัญหานี้ให้หมดสิ้นหรือเปล่า?

สิ่งที่ทำให้เขายิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปอีกก็คือความสามารถทางจิตแบบกลุ่มที่เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน

และ ‘จิตวิญญาณแห่งจักรวาลอันยิ่งใหญ่’…

ลู่โจวนึกถึงประโยคที่คล้ายๆ กันที่ปรากฏอยู่ในความทรงจำของเขาเกี่ยวกับคาลานเอ็มไพร์ เขาขมวดคิ้วและเริ่มคิด

จิตวิญญาณแห่งจักรวาลหมายถึง ‘การมีอำนาจไม่สิ้นสุด’ ในศาสนาและรูปแบบทางวัฒนธรรมต่างๆ ของอารยธรรมวอยด์ นี่คือสิ่งที่ ‘ผู้สังเกตการณ์’ กล่าวอ้าง หรืออาจมีอารยธรรมที่เรียกว่า ‘จิตวิญญาณแห่งจักรวาล’…

อาจจะเหมือนกับอารยธรรมล้ำยุคที่ ‘มีอำนาจไม่สิ้นสุด’ มันครอบงำมุมบางมุมในจักรวาลหรือควบคุมกฎธรรมชาติในบางรูปแบบ บางทีมันอาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติเองด้วยซ้ำ

ถ้าเพียงแต่มีหนทางหนึ่งที่จะเรียนรู้ภาษาของอารยธรรมวอยด์

เมื่อลู่โจวพยายามจะค้นหาเอกสารการวิจัย สิ่งต่างๆ ส่วนมากที่เขาพบโดยบังเอิญก็คือนิยายวิทยาศาสตร์

แน่นอนว่าแทนที่จะเชื่อในสิ่งมีชีวิตอันลึกลับ ลู่โจวกลับมีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าจิตวิญญาณแห่งจักรวาลเป็นแนวคิดทางฟิสิกส์มากกว่า

อย่างไรก็ตามหลังจากเห็นผลลัพธ์ของการทดลอง ความเข้าใจในเรื่องฟิสิกส์ของเขาก็ถูกล้มล้างไป

 นี่มันดูไม่เป็นวิทยาศาสตร์เกินไปไหม? 

ลู่โจวกลับเข้ามาในออฟฟิศ หลัวเหวินเซวียนพูดขึ้นขณะที่ถือแก้วกาแฟไว้ในมือว่า  ถ้าข้อสังเกตการณ์ของเราถูกต้องจริงๆ พื้นฐานฟิสิกส์ทั้งหมดอาจจะถูกล้มล้างโดยพวกเรา 

การอนุรักษ์มวลพลังงานในทางฟิสิกส์นั้นเทียบเท่ากับสัจพจน์ของเพอาโนในคณิตศาสตร์

ถ้าใครสักคนอ้างว่ามวลพลังงานสามารถสร้างขึ้นได้จากอากาศ ก็จะเหมือนกับการบอกว่า 1+1=3 มันเป็นคำกล่าวอ้างที่ไร้สาระ แม้แต่นักเรียนชั้นประถมก็คงจะหัวเราะกับเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์การทดลองก็ชัดเจนแจ่มแจ้ง อัตราการเพิ่มขึ้นของมวลพลังงานอยู่ที่ 53% โดยพื้นฐานแล้ว หลังจากไอออนตะกั่วที่มีพลังงานอยู่ 1 หน่วยชนกัน จริงๆ แล้วพวกมันก็ผลิตไอออนตะกั่วออกมา 2.53 ไอออน

แล้วพลังงานไอออนตะกั่วที่เพิ่มมา 0.53 นั้นมาจากไหน?

ไม่มีใครรู้

อีกอย่างคือพวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นสัญญาณใดๆ ของการแทรกแซงจากสิ่งแวดล้อมภายนอก

มันดูราวกับเป็นเวทมนตร์

ลู่โจวตั้งสติและพูดอย่างใจเย็นว่า

 พื้นฐานของฟิสิกส์ถูกทำลายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ถ้ามันจะมีอีกสักครั้งก็ไม่เป็นไรหรอก มันจะเป็นสิ่งที่ ‘ไม่เป็นวิทยาศาสตร์’ ไปไม่ได้ ถ้านายไม่รู้กระทั่งว่าวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้คืออะไร 

หลัวเหวินเซวียนพูดว่า  เพื่อน ทำไมนายต้องแดกดันฉันแบบนั้นด้วย? 

 นายเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้แดกดันใครเลย  ลู่โจวมองมาที่หลัวเหวินเซวียนและพูดว่า  อีกอย่างฉันคิดว่ามี ‘ตัวกระทำภายนอก’ ที่ส่งผลต่อการทดลองของเรา 

 ตัวกระทำภายนอก?  หลัวเหวินเซวียนทำคิ้วขมวดและพูดว่า  นายกำลังบอกว่ามีมนุษย์ต่างดาวมาแทรกแซงการทดลองของเราเหรอ? 

หลัวเหวินเซวียนทำท่าชี้มือชี้ไม้

 เหมือนมนุษย์ต่างดาว… ในหนังเรื่องสงครามวันดับโลกเหรอ? 

ลู่โจวมองมาที่เขาและอธิบายอย่างอดทนว่า  นี่คือความเป็นไปได้ ก่อนที่เราจะจับมนุษย์ต่างดาวและซักถามมัน เรายังไม่สามารถที่จะตัดความเป็นไปได้นี้ออกไปได้… ยังไงก็แล้วแต่ฉันต้องชี้ให้เห็นว่าความน่าจะเป็นของเรื่องนี้ต่ำมากๆ พวกเขาจะต้องอยู่ในที่แรกและมีเทคโนโลยีกับแรงจูงใจในการทำอะไรแบบนี้ มันมีหนทางอื่นๆ อีกเป็นล้านที่พวกเขาจะสามารถแทรกแซงการพัฒนาทางเทคโนโลยีของเราได้ 

หลัวเหวินเซวียนยักไหล่

 ฉันแค่กำลังทำเรื่องตลกขึ้นมาเพื่อทำให้บรรยากาศมันมีชีวิตชีวาขึ้น… 

ลู่โจวพูดอย่างจริงจัง

 ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเราต้องรวบรวมข้อมูลการทดลองเพิ่มเติม 

 ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะมนุษย์ต่างดาวหรือเพราะความจริงของจักรวาล การมีอยู่ของมันได้ล้มล้างความเข้าใจในเรื่องฟิสิกส์ของเราไปแล้ว 

 ฉันยังเชื่อว่ามวลพลังงานไม่สามารถจะสร้างขึ้นมาได้จากอากาศ บางอย่างต้องกำลังแทรกแซงการทดลองของเรา… ทั้งหมดที่เราต้องทำคือการพิสูจน์เรื่องนี้และให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลในเรื่องนี้!  

 ฉันไม่ได้กำลังล้อเล่น ฉันแน่ใจว่านายเข้าใจว่าทำไมผมคิดแบบนี้ 

หลัวเหวินเซวียนมองใบหน้าที่จริงจังของลู่โจวอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ถอนหายใจแล้วจิบกาแฟจากแก้วกาแฟของเขา

หลังจากนิ่งชะงักไปสักครู่ เขาก็ถามว่า  เราควรจะเผยแพร่ผลการวิจัยออกไปไหม? 

ลู่โจวใช้เวลาคิดอยู่ครึ่งนาทีก่อนจะพยักหน้า

 ประกาศไปเลย 

 เราต้องการคนที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมมาช่วยเรา 

ในวันอังคารแรกของเดือนพฤษภาคมก็มีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นในแวดวงฟิสิกส์นานาชาติ

ผลการวิจัยล่าสุดที่เผยแพร่โดย ILHCRC แสดงให้เห็นว่าระหว่างการทดลองการชนกันในขอบเขตพลังงาน 5.12~5.22 เทระอิเล็กตรอนโวลต์ ไอออนตะกั่วที่ชนกันไม่ได้สูญเสียมวลของพวกมันไปตามที่คาดไว้ แต่กลับได้มวลเพิ่มมาแทน

เมื่อข่าวถูกปล่อยออกมามันก็ก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายในแวดวงฟิสิกส์นานาชาติทันที

เพราะผลการวิจัยนี้ไปหักล้าง ‘สามัญสำนึก’ ของฟิสิกส์

อันที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการทดลองการชนกันของไอออนตะกั่ว เมื่อนานมาแล้ว เซิร์นใช้ไอออนตะกั่วในการเลียนแบบการชนกันของ ‘บิ๊กแบง’ อย่างไรก็ตาม การทดลองของพวกเขามีพลังงานของการชนในระดับที่ต่ำกว่ามาก

ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดผลการวิจัยนี้

ความสำคัญของข่าวนี้ในแวดวงฟิสิกส์คล้ายกับการทดลองโอเปราในครึ่งหลังของปี 2011 ซึ่งเซิร์นประกาศในการแถลงต่อสื่อว่านักวิจัยของพวกเขาได้ค้นพบนิวทริโนที่เดินทางได้เร็วกว่าความเร็วของแสง 0.0025%

เหตุการณ์นี้กระจายไปทั่วแวดวงฟิสิกส์เป็นเวลาครึ่งปี และในท้ายที่สุดอีเรดิทาโตหัวหน้าทีมวิจัยโอเปราก็ต้องลาออก

หลายคนรู้สึกประหลาดใจที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในเซิร์น ซึ่งเป็นอารามแห่งฟิสิกส์ พวกเขาตกตะลึงว่าสมาชิกในทีมวิจัยนั้นโง่เขลาขนาดนี้ได้อย่างไร

อย่างไรก็ตามแม้แต่เด็กนักเรียนมัธยมยังรู้ว่าไม่มีอะไรจะสามารถเหนือกว่าความเร็วแสงได้

อันที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์

ย้อนกลับไปในปี 2006 ไมนอสของแฟร์มีแล็บ หรือโปรเจกต์การตรวจหาการแกว่งของหัวฉีดหลักนิวทริโนยังพบสัญญาณของนิวทริโนที่ผ่านความเร็วของแสง ผลลัพธ์ไม่ได้มีความสำคัญในทางสถิติ ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นที่จดจำในแวดวงฟิสิกส์

แม้แต่นักวิจัยของ ‘โอเปรา’ ก็ยังไม่เชื่อผลการทดลองของพวกเขา

พวกเขาใช้เวลาถึงหลายเดือนในการตรวจสอบเครื่องมือการทดลองและทำการทดลองซ้ำเพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาผิด น่าเสียดายที่พวกเขายังไม่ค้นพบปัญหา

ดังนั้น ในที่สุดพวกเขาจึงเผยแพร่ผลการทดลองออกมา ‘อย่างกล้าหาญ’ ปล่อยประเด็นนี้ไว้ให้แวดวงฟิสิกส์ทั้งหมดทำการพิจารณา

เรื่องนี้จึงก่อให้เกิดบทความวิจัยที่น่าอับอาย

เป็นที่น่าสนใจว่ามีความแตกต่างอยู่ลับๆ ในทัศนคติของนักวิทยาศาสตร์จากประเทศต่างๆ ที่ว่าด้วยเรื่องผลการทดลองอันเป็นเท็จนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อว่าข้อสรุปของโปรเจกต์ ‘โอเปรา’ นั้นผิด

ยกตัวอย่างเช่น นักวิจัยชาวญี่ปุ่นในสาขานี้มากมายกล่าวว่าพวกเขามี ‘ความมั่นใจในโอเปรา’ สำหรับนักวิทยาศาสตร์ชาวจีน คำแถลงของพวกเขานั้นคลุมเครือยิ่งกว่า พวกเขากล่าวว่า โอเปราควรทำ ‘การวิจัยความเป็นไปได้ของการเดินทางที่เร็วกว่าแสงโดยเริ่มจากแก่นแท้ของฟิสิกส์’

นั่นหมายความว่าทั้งหมดไม่มีอะไรเลย

สำหรับนักฟิสิกส์ชาวอังกฤษและชาวอเมริกันส่วนใหญ่พวกเขาจะต่อต้านงานวิจัยนี้

นักฟิสิกส์ที่น่าจะพูดจาตรงไปตรงมามากที่สุดคือ จิม เอ็คเคิร์ต จากมหาวิทยาลัยเซอร์เรย์

ในการสัมภาษณ์ เขาประกาศอย่างเปิดเผยว่า  ถ้าการทดลองโอเปราได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้อง และนิวทริโนล้ำกว่าความเร็วของแสง ผมจะกินถุงเท้า 

ในแวดวงวิชาการ ‘การกิน’ สิ่งที่กินไม่ได้เป็นวิธีการแสดงความมั่นใจของคนคนนั้น

ไม่ว่าอย่างไรการทดลองโอเปราก็ถูกตัดสินว่าเป็นความผิดพลาด

ผู้รับผิดชอบของโปรเจกต์อิคารัสทำการทดลองซ้ำอีกครั้งและกล่าวว่าผลการทดลองที่พวกเขาวัดได้นั้นเหมือนกับการคำนวณของไอน์สไตน์พอดิบพอดีเป็นการไม่ยอมรับผลการทดลองจากโอเปราอย่างถึงที่สุด

สาเหตุของความผิดพลาดนั้นมาจากเคเบิลออปติกระหว่างเครื่องรับสัญญาณจีพีเอสกับคอมพิวเตอร์เสียหายไปอย่างชัดเจน รวมทั้งวงจรกำเนิดความถี่ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกันอย่างเหมาะสม

แต่ในตอนนี้แวดวงฟิสิกส์กำลังเจอกับสถานการณ์ที่คล้ายกันอีกครั้ง

ทฤษฎีสัมพัทธภาพไม่ใช่แค่ทฤษฎีเดียวที่อยู่ในภัยคุกคาม พื้นฐานฟิสิกส์ทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ในอันตราย

แวดวงฟิสิกส์ทั้งหมดเป็นบ้ากันไปแล้ว…

[1] จิตวิญญาณแห่งจักรวาลอันยิ่งใหญ่นำทางเราไปข้างหน้า (อุดมคตินิยม +10)

[2. ทุกสาเหตุต้องมีเหตุผล ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกในจักรวาล มีเพียงความจริงเท่านั้น (วัตถุนิยม +10

[3. ผู้ยิ่งใหญ่จะไม่จัดหาสิ่งที่ธรรมดา ตอนนี้ไม่ใช่เวลาในการแก้ปัญหานี้ (อำนาจนิยม +10)

[4. กำจัด ทำลาย (ความสามารถทางจิตแบบกลุ่ม +10)

……………

 

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

    หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง
ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน
ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง
ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา
จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว
ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล
“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”
“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ
กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท