พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 9

บทที่ 9

บทที่ 9 รักษาสัญญา

อารียากะพริบตาโตๆ ของเธอแล้วมองรพีพงษ์ ในใจของเธอ เกิดความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เมื่อวานเขาพูดต่อหน้าทุกคนว่าเธอสามารถซื้อตึกได้ใน ราคาห้าล้าน

แล้ววันนี้เธอก็ทำได้จริงๆ

ถึงแม้ว่าการที่เธอซื้อตึกได้ในราคาห้าล้าน เป็นเพ ราะอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์จัดกิจกรรมโชคดี แต่ว่าถ้าไม่มี เขา เธอก็คงจะมาร่วมกิจกรรมนี้ไม่ทันเหมือนกัน

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่กับเขา ผู้ชาย คนนี้ไม่ทำให้เธอผิดหวังอย่างที่คาดไว้จริงๆ

“โอเค ฉันจะเก็บมันเป็นความลับไปขับรถเร็ว” อารียา เอ่ยขึ้น

รพีพงษ์ยิ้มแล้วรีบทำตาม อารียานั่งอยู่ข้างหลัง เธอลังเล เล็กน้อยก่อนที่จะเอามือกอดเอวของเขาไว้

ชายหนุ่มตัวตรงขึ้นมาทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกอดเอว เขา จนเขาทำตัวไม่ถูก

ขณะเดียวกันหญิงสาวก็ทำตัวไม่ถูกเช่นกัน เพราะตอนที่เธอกอดเอวเขา เธอรับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้อเป็นลอนๆ ตรงหน้า

ท้องของเขา

“นี่เขามีกล้ามด้วยเหรอเนี่ย” ภายในร้านชานม

ชรินทร์ทิพย์มองคนที่อยู่ข้างนอกอย่างสงสัย เธอคิดไม่ถึง ว่าอารียาจะออกมาเร็วขนาดนี้

“ทำไมมันถึงออกมาเร็วจัง ในมือก็ถืออะไรไว้ด้วย อย่า บอกนะว่าเจรจาสำเร็จ” ชรินทร์ทิพย์เอ่ยขึ้น

“เป็นไปไม่ได้หรอก เธอดูท่าทางเหม่อลอยของมันสิ ถ้า เจรจาสำเร็จจริงๆ มันจะเป็นแบบนั้นไหม สงสัยเข้าไปพูดไม่ ทันถึงสองประโยคก็โดนเขาไล่ออกมา” ธายุกรพูดแล้วหรี่

ตาลง

“น่าจะเป็นอย่างนั้น แค่ไม่นานพวกมันจะเจรจาสำเร็จได้ อย่างไร” ชรินทร์ทิพย์ พยักหน้า

“ไปกันเถอะ พวกมันเจรจาไม่สำเร็จอย่างแน่นอน ดูสิว่า มันจะไปอธิบายกับคุณปู่ว่ายังไง” ธายุกรแสยะยิ้มแล้วออก มาจากร้านชานมพร้อมกับชรินทร์ทิพย์

ช่วงบ่าย

คฤหาสน์ตระกูลฉัตรมงคล
นภทีป์เรียกทุกคนมารวมตัวกันอีกครั้ง เพราะเมื่อช่วงเช้า เขาได้รับโทรศัพท์จากอารียา เธอโทรมาบอกว่ามีเรื่อง สำคัญจะแจ้ง

“นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเอง อารียาก็มีเรื่องจะแจ้งแล้ว จะเป็น เรื่องอะไรกันนะ”

“ยังต้องบอกอีกเหรอว่าเรื่องอะไร ก็ต้องเป็นเรื่องที่มันไม่ มีปัญญาซื้อตึกในราคาห้าล้านไงล่ะ”

ใช่ ฉันเดาได้ตั้งนานแล้วว่ามันไม่มีปัญญาทำได้หรอก ดูท่าแล้วครั้งนี้มันกับไอ้คนไร้ประโยชน์นั่นต้องโดนไล่ออก จากตระกูลฉัตรมงคลแล้วล่ะ”

“โดนไล่ออกไปก็ดี เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ ตระกูลเราไม่ เลี้ยงคนที่ไม่มีประโยชน์”

ธายุกรกับชรินทร์ทิพย์นั่งฟังคนที่อยู่รอบๆ ถกเถียงกัน ใบหน้าแสดงออกถึงรอยยิ้มที่พึงพอใจ เมื่อเช้าพวกเขาเห็น มันออกมาจากอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ด้วยท่าทีเหม่อลอย กับตาตัวเอง ดังนั้นมันต้องทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จแน่ๆ ถึงให้คุณ ปู่เรียกทุกคนมารวมตัวกัน

“คุณปู่ให้เวลา อารียา ห้าวัน นี่แค่วันแรกเธอก็ยอมแพ้ แล้ว ไม่มีความอดทนเลย คนที่ยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ น่าจะ ออกจากตระกูลของเราไปเร็วๆ” ธายุกรโน้มหน้าเข้าไปพูด ใกล้ๆ นภทีป์
สีหน้าของนภทีป์ ก็ไม่ค่อยดีนัก เขาได้ฟังสิ่งที่คนในนี้ ถกเถียงกัน ก็คิดว่าการที่อารียาเรียกทุกคนมากะทันหันแบ บนี้ ก็เพราะเธอทำไม่สำเร็จ เลยจะมาบอกกับทุกคน

“ที เด็กไม่เอาไหน ถ้าเด็กนั่นยอมแพ้จริงๆ คนแบบนี้ก็ไม่ ควรอยู่ในตระกูลของเรา” นภทีป์ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ไม่นาน ประตูคฤหาสน์ก็เปิดออก อารียาและรพีพงษ์เดิน เข้ามาจากข้างนอก

ทุกคนรีบเงียบลงแล้วหันไปมองทั้งคู่เป็นตาเดียว

ในคฤหาสน์เต็มไปด้วยบรรยากาศของการเยาะเย้ย ทุก คนแสยะยิ้มให้กับทั้งคู่

ธายุกรลุกขึ้นยืนแล้วมองไปที่ อารียา จากนั้นก็หัวเราะ แล้วพูดว่า “อารียา ถึงวันนี้เธอจะเจรจาไม่สำเร็จ เธอก็ควร จะลองใหม่ในวันพรุ่งนี้ เธอทำมันแค่ครั้งเดียวก็ยอมแพ้แล้ว เหรอ ไม่สมกับสิ่งที่คุณปู่พร่ำสอนมาว่ายิ่งพ่ายแพ้ยิ่งกล้า หาญเลยสักนิด”

“ผู้หญิงแบบนี้จะคิดได้ยังไง ไม่ดูผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ บ้าง นั่นสวะของเมืองริเวอร์เชียวนะ สงสัยเธอจะติดนิสัยแบบนั้น มาจากมันแล้วล่ะ” ชรินทร์ทิพย์พูดเหน็บแนม

อารียาเดินเข้าไปหานที่ป์ด้วยสีหน้าเยือกเย็น ในมือของ เธอถือสัญญาที่เซ็นเรียบร้อยเอาไว้
“อารียา ฉันว่าเธออย่าไปอ้อนวอนคุณปู่เลย เจรจาไม่ สำเร็จก็คือไม่สำเร็จ เธอรีบไสหัวออกไปเถอะ” ธายุกร พู ดอย่างไม่เกรงกลัวใคร

อารียาเหลือบมองเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใคร บอกว่าฉันเจรจาไม่สำเร็จ”

“ทำไม หรือเธอจะบอกว่าเธอเจรจาสำเร็จอย่างนั้นเหรอ เมื่อเช้าฉันเห็นเธอเดินเหม่อลอยออกมาจากที่นั่นด้วยตาของ ฉันเอง อีกอย่างความสามารถอย่างเธอ ทำไม่ได้อย่าง แน่นอน!” ธายุกรพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ

“อย่างนั้นนายคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ ที่ฉันให้คุณปู่เรียกทุก คนมารวมตัวกัน ก็เพราะอยากจะบอกว่าฉันซื้อตึกของอสัง หาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ได้แล้ว” อารียาเอ่ยขึ้น

ทุกคนต่างพากันอึ้ง คิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดว่าซื้อตึกนั่นได้

แล้ว

“เป็นไปไม่ได้! อารียา เธอเห็นว่าพวกเราโง่หรือไง นี่แค่กี่ วันเอง เธอจะซื้อตึกนั่นได้ยังไง!” อายุกรถลึงตาใส่อารียา แล้วตะโกนออกมาเสียงดัง

“ใช่ คุณปู่คะ อารียาไม่มีความสามารถแล้วยังมาหลอก คุณปู่อีก มันเห็นว่าคุณปู่เป็นคนโง่ คุณปู่รีบไล่มันออกไปเลย ค่ะ!” ชรินทร์ทิพย์พูดออกมาเสียงดัง
อารียาไม่สนใจ เธอเอาสัญญายื่นให้ชายชรา

“คุณปู่ นี่คือสัญญาการซื้อตึก คุณปู่ดูได้เลยค่ะ” ทุกคนต่างพากันเบิกตาโพลง คิดไม่ถึงว่าเธอจะเอา สัญญามาด้วย

ธายุกรและชรินทร์ทิพย์จ้องไปที่สัญญาฉบับนั้นด้วยความ สงสัย ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ถึงพวกเขาจะพูดใส่ร้ายแค่ไหนก็ คงไม่ได้ผลแล้ว

นภทีปรับสัญญามาแล้วดูอย่างจริงจัง เมื่อเห็นตราประทับ ของอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ ชายชราก็รู้ทันทีว่าเป็นสัญญา จริง รอยยิ้มเผยออกมาบนใบหน้า

“ดี อารี ครั้งนี้เธอจัดการได้ไม่เลวเลย เธอซื้อตึกได้ใน ราคาห้าล้านจริงๆ ควรจะได้รับการชมเชย ต่อจากนี้ฉันจะ เพิ่มเงินเดือนให้สองเท่า โบนัสอีกสิบเปอร์เซ็นต์” นภที่ป์พูด ด้วยความดีใจ

ธายุกรกับชรินทร์ทิพย์มีสีหน้าไม่เชื่อ ธายุกรรีบถา มด้วยความร้อนรน “คุณปู่ สัญญานี่มันอาจจะปลอมขึ้นมาก็ ได้ คุณปู่อย่าโดนมันหลอกนะครับ”

นภทีป์ส่งเสียงในลำคอแล้วปรายตามองธายุกร “ทำไม แกคิดว่าฉันแก่จนตาพร่ามัวแล้วแยกไม่ออกว่าอะไรจริงหรือ

ปลอมเหรอ”
ธายุกรรู้ทันทีว่าสัญญานั่นเป็นของจริง เขาทำหน้าสลดทัน

ที่

“พอแล้ว อารีจัดการเรื่องนี้ได้ดีมาก พวกแกก็เรียนรู้จาก เธอไว้ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายเถอะ” นภทีป์เอ่ยขึ้น

“เดี๋ยวครับ!”

ขณะนั้นเองเสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา เป็นเสียงของรพีพงษ์ นภที่ป์มองไปทางเขาแล้วถามขึ้น “ทำไม นายมีเรื่องอะ ไรอีก”

รพีพงษ์หัวเราะแล้วหันไปทางธายุกร “คุณปู่นี่เป็นผู้ดีที่ ลืมจริงๆ นะครับ เมื่อวานผมพนันกับธายุกรเอาไว้ว่าถ้าอา รีใช้เงินห้าล้านซื้อตึกนั่นได้ เขาจะยอมคุกเข่าก้มหัวยอมรับ ผิดต่อหน้าอารี”

“ตอนนี้อารีทำสำเร็จแล้ว ธายุกรก็ควรจะรักษาสัญญาที่ พนันกันเอาไว้ใช่หรือเปล่าครับ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท