พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 7

บทที่ 7

บทที่ 7 ร่วมมือสำเร็จ

เพราะคำพูดของรพีพงษ์ทำให้ห้องรับแขกในคฤหาสน์เงียบ

ลง

จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเยาะ ทุกคนมองเขาด้วย สายตาเย้ยหยัน

“ไอ้นี่มันโง่จริงหรือแกล้งโง่ หรือมันดูไม่ออกว่าเราเจ ตนาพูดแบบนั้นออกไป มันยังตกปากรับคำ”

“ต้องขอบคุณมันจริงๆ ที่รับจัดการเรื่องที่ไม่มีใครอยาก ทำ น่าขำสิ้นดี อารียาได้สามีที่ดีจริงๆ”

“ฉันคิดว่าในนี้คนที่คิดว่าจะสามารถซื้อตึกนั่นได้ในรา คาห้าล้านคงจะมีแค่มันคนเดียว ไม่รู้จริงๆ ว่าอารียาจะ เกลียดมันแค่ไหน”

“เบาๆ หน่อย อย่าให้คุณปู่ได้ยิน ในเมื่อรพีพงษ์พูดแบบ นั้น ก็ให้มันรับกรรมไปสิ”

ศศินัดดาเป็นคนแรกที่ได้สติ เธอรีบเขาไปคว้าแขนของรพี พงษ์แล้วพูดว่า “แกบ้าไปแล้วหรือไง ใครให้แกตอบตกลง ตามอำเภอใจแบบนั้น คุณปู่ให้เงินแค่ห้าล้าน ที่เหลือแกจะ จ่ายให้หรือไง”

อารียาก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะตอบตกลงแทนเธอในช่วงเวลาแบบนี้ เธอรู้ดีว่าเรื่องในวันนี้เธอไม่สามารถปฏิเสธ

ได้

หญิงสาวหันไปมองรพีพงษ์อย่างสงสัย แล้วแสดงท่าที่เห มือนซักไซ้ รพีพงษ์มีสีหน้าจริงจังแล้วพูดกับเธอว่า “ผมบอก คุณแล้วไงว่าจะไม่ให้คนอื่นมองคุณด้วยสายตาเย็นชาอีก คุณเชื่อผมไหม”

อารียาลังเลเล็กน้อย แต่เธอก็พยักหน้าให้เขา

“ผมจะช่วยคุณจัดการเรื่องซื้อตึกนั่น คุณแค่ตอบตกลงคุณ ปู่ไป” รพีพงษ์พูดขึ้น

แม้ไม่รู้ว่าเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่เธอก็รู้สึก ได้ว่าเขาไม่ได้พูดล้อเล่น

อีกอย่างเรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว สู้ลองเชื่อใจเขาดูสัก ครั้ง ดังนั้นเธอจึงพยักหน้า

ศศินัดดาได้ยินที่ทั้งสองคุยกันแล้วรีบจ้องไปที่ลูกสาวทันที

“นี่ลูก อย่าไปโง่ตามมัน จะไปฟังอะไรกับคำพูดของคนไร้ ประโยชน์แบบมัน”

อารียา ไม่สนใจคำพูดของผู้เป็นแม่ เธอหันกลับไปพู ดกับนภทีป์ “ในเมื่อคุณปู่สั่งมาแล้ว หนูก็จะไปจัดการตามที่ คุณปู่ต้องการ”

เมื่อเห็นว่าอารียาตอบตกลง ธายุกรบชรินทร์ทิพย์ก็อึงไปเล็กน้อย ตระกูลธายุกรคิดว่าแค่นี้คงยังไม่พอ เขากลอก ตาไปมาแล้วพูดขึ้นมาว่า “แค่ตอบตกลงมันไม่ได้หรอก ใครจะไปรู้ว่าเธอจะเอาอนาคตของบริษัทไปทำอะไรเงินห้า ล้านสำหรับบริษัทมันไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ นะ ถ้าเกิดเธอเอา เงินก้อนนี้ไปปู้ยี่ปู๋ยำ มันจะกระทบต่อบริษัทเป็นอย่างมาก”

อารียาขมวดคิ้วแล้วหันไปมองธายุกร จากนั้นก็เอ่ยปาก ถามขึ้นมาว่า “ธายุกร ฉันตกลงกับคุณปู่แล้วว่าจะซื้อตึกนั่น มาให้ได้ นายต้องการอะไรอีกเหรอ”

“ฉันไม่ได้ต้องการอะไร ฉันแค่ช่วยคุณปู่คิดเท่านั้น ให้เงิน ห้าล้านกับเธอ ถ้าเกิดเห็นเงินแล้วเอาไปใช้เองจะทำยังไงล่ะ อีกอย่างใครจะรับประกันว่าเธอสามารถซื้อตึกนั่นได้จริงๆ ถ้าซื้อไม่ได้ขึ้นมา ไม่เสียเวลาคุณปู่แย่เลยเหรอ” ธายุกรพูด เถียงข้างๆ คูๆ

อารียาโกรธมาก คนที่พูดว่าเธอจะซื้อตึกนั่นมาได้ก็คือ ธายุกร แล้วตอนนี้ยังมากังวลว่าเธอจะไม่สามารถซื้อตึกนั่น มาได้อีก ผู้ชายคนนี้ทำทุกอย่างเพื่อกำจัดเธอ

“ที่ธายุกังวลก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล แกพูดว่าสามารถซื้อตี กนั่นได้ในราคาห้าล้าน ใครจะรับประกันได้ล่ะ” นภทีป์พูด ขึ้น

“ผมรับประกันได้ว่าเธอจะซื้อตึกนั่นมาได้แน่นอน” รพี พงษ์พูดขึ้นมาอีกครั้ง
ธายุกรแสยะยิ้ม แล้วพูดว่า “แกรับประกันอย่างนั้นเหรอ ใครๆ ก็รู้ว่าแกมันคนไร้ประโยชน์ แกจะมารับประกันอะไร ได้!”

รพีพงษ์ดูไม่โกรธ เขายิ้มแล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณไม่เชื่อ อย่างนั้นมาพนันกันต่อหน้าของคุณปู่เป็นไง”

ธายุกรหัวเราะ รพีพงษ์อย่างกับคนที่ฟ้าส่งลงมาช่วยเขา เขากำลังคิดว่าจะพูดยังไงว่าถ้าอารียาไม่สามารถซื้อตึกนั่น ได้ ให้รีบไล่มันออกไป รพีพงษ์กลับคิดวิธีให้เขาซะอย่างนั้น

“ได้ พนันก็พนันสิ ถ้าเธอไม่สามารถซื้อตึกได้แกกับเธอก็ ใสหัวออกไปจากที่นี่ซะ แล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีก!” ธายุกร พูดด้วยสีหน้าดุร้าย

“ได้ แต่ถ้าอารีทำได้ คุณต้องคุกเข่าเพื่อรับผิดที่ทำกับอา รีต่อหน้าของคุณปู่ คุณกล้าพนันไหม” รพีพงษ์ จ้องธายุกร แล้วถามออกไป

ธายุกรไม่เชื่ออยู่แล้วว่าเธอจะสามารถซื้อตึกได้ด้วยเงิน ห้าล้าน ถ้าพนันจริงๆ เขาต้องชนะอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเขาจึง พูดด้วยความมั่นใจว่า “ฉันมีอะไรต้องกลัว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันตกลง เอาเรื่องนี้เป็นสิ่งประกันก็แล้วกัน ถ้าซื้อตึกไม่ได้ พวกแกก็ไสหัวออกไปซะ!”

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเดินไปยืนข้างอารียา
นภทีป์เห็นว่าเรื่องนี้ตกลงเรียบร้อยแล้ว เขาจึงปิดการประ ชุม แล้วก็ให้เงินห้าล้านกับอารียา เขาให้เวลาเธอห้าวันเพื่อ จัดการเรื่องนี้

หน้าประตูหมู่บ้าน

ศศินัดดาดึงรพีพงษ์เอาไว้ เป็นตายยังไงเธอก็ไม่ยอมให้ เขาเข้าไป

“ไอ้คนไร้ประโยชน์แกทำร้ายครอบครัวของเราอีกแล้ว แกไปพนันอะไรกับมัน ถ้าแคลร์ซื้อตึกไม่ได้ ครอบครัวของ เราก็จะถูกไล่ออกต้องอยู่อย่างอดยาก แกจะให้ครอบครัวเรา ต้องเป็นเหมือนแกหรือไง!”

ระหว่างทางกลับบ้าน ศศินัดดาก็ด่าเขาตลอดทาง มาถึง หน้าประตูบ้านก็ไม่ยอมให้เขาเข้าไปอีก อารียากับศักดา ช่วยกันดึงศศินัดดา แต่ทว่าเธอกลับเกรี้ยวกราดจะไปตีรพี พงษ์

“แม่ เรื่องวันนี้เป็นเรื่องที่ ธายุกรกับชรินทร์ทิพย์จงใจ ทำให้มันเกิดขึ้น ถึงรพีพงษ์ไม่พูดเรื่องนี้มันก็ต้องเป็นหนูอยู่ ดี แม่อย่าด่าเขาเลย” อารียาพูดโน้มน้าวผู้เป็นแม่

“พูดเหลวไหลอะไร เรื่องทั้งหมดนี้ก็เพราะมัน ถ้าไม่ใช่ เพราะมัน ครอบครัวของเราก็ไม่โดนคนดูถูกแบบนี้หรอก แถมยังไม่โดนคนรังแกด้วย วันนี้ฉันจะไม่ยอมให้มันเข้ามา ในบ้าน” ศศินัดดาพูดอย่างขาดสติ
“แม่ ใจเย็นก่อน ที่ผมพนันกับธายุกร ก็เพราะผมเชื่อว่า แคลร์จะซื้อตึกนั่นได้ ถ้าแคลร์สามารถซื้อได้ ธายุกรก็ทำ อะไรพวกเราไม่ได้แล้ว” รพีพงษ์พูดอธิบายให้เธอฟัง

“เชื่อใจแล้วได้อะไร! ตึกสิบล้านใครจะมาขายให้แกห้า ล้าน แกคิดว่าอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์มีจิตใจเมตตาขนาด นั้นเลยหรือ” ศศินัดดาก่นด่า

รพีพงษ์จนปัญญา ไม่รู้จะอธิบายกับเธออย่างไร

“พอเถอะแม่ คนมองเยอะแยะแล้ว หรือแม่อยากให้คนอื่น

รู้” อารียาพูด

ศศินัดดามองไปรอบๆ เธอเห็นว่าคนอื่นกำลังมองอยู่ เธอจึงเริ่มเก็บอาการของตัวเอง

เธอมองรพีพงษ์ด้วยความเคียดแค้น แล้วพูดว่า “แกเหลือ เวลาแค่ห้าวัน ห้าวันนี้ถ้าแคลร์ซื้อตึกไม่ได้ไม่ว่ายังไงพวก

แกสองคนก็ต้องหย่ากัน!”

พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปข้างใน

รพีพงษ์หรี่ตาลง แล้วพูดพึมพำว่า “ไม่ต้องถึงห้าวันหรอก พรุ่งนี้ก็รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันถูกต้องหรือเปล่า”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท