พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 25

บทที่ 25

บทที่ 25 ไม่มีราชันฟ้าทั้งสามในเมืองริเวอร์ อีกต่อไป

II โอ๊ย !! ”

เสียงร้องโหยหวนไม่ต่างจากหมูที่ถูกเชือดดังไปทั่วทั้งร้า

นอาหาร

ใบหน้าของอินทัช เต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมา สีหน้า เปลี่ยนเป็นซีดเผือด ความเจ็บปวดนั้นทำให้ใบหน้าของเขา บิดเบี้ยวไป

เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า รพีพงษ์ ซึ่งทุกคนมองว่าเป็น แค่ขยะนั้นจะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ มันกล้าหักแขนของเขา จนหักไปเลย

พนักงานสองคนที่แอบมองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลได้เห็นฉากนี้ แล้ว พวกเขาก็รู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย

ในเวลานั้นพวกเขากำลังล้อเลียน รพีพงษ์ ที่จะต้องถูกอิ นทัช จัดการอย่างโหดเหี้ยมแน่นอน โดยที่คิดไม่ถึงว่าจะเป็น รพีพงษ์ ที่หักแขนของอินทัช แทนหลังจากที่หันกลับมา

นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ย นั้นคือ… รพีพงษ์ จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ ?”

นี่มันชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่า รพี พงษ์ จะทำแขนอินทัช หัก ! นั่นคือหนึ่งในสามของราชาโลกมีดเชียวนะ ”

” เขา….เขาเป็นแค่ขยะไร้ค่าจริงเหรอ ? ถ้าหากเขาเป็น แค่ขยะแล้วพวกเราล่ะ….นับว่าเป็นอะไร ? ”

พนักงานทั้งสองกลืนน้ำลายเบา ๆ และทัศนคติของพวก เขาที่มีต่อ รพีพงษ์ นั้นถือว่าเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว

หลังจากที่ รพีพงษ์ หักแขนของอินทัช แล้วเขาก็ถามขึ้นว่า ” ยอมรับผิดแล้วรึยัง ? ”

อินทัช เป็นถึงหนึ่งในราชาโลกมืดของเมืองริเวอร์ กว่า จะมาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไปร้องขอความเมตตาจาก คนอื่นเอา

เขากัดฟันแน่น ความต้องการที่จะกำจัด รพีพงษ์ ยังคงอยู่ และเขาก็มั่นใจด้วยว่าความแข็งแกร่งของเขา ต่อให้มีเพียง แค่แขนเดียวที่เหลือ ก็จะสามารถทำให้รพีพงษ์ ลงไปกอ

งกับพื้นได้

” ยอมรับก็บ้าแล้ว….”

อินทัช พยายามลุกขึ้นจากพื้นด้วยมือเพียงข้างเดียว

เมื่อ รพีพงษ์ เห็นดังนั้นเขาจึงปล่อยมือจากแขนที่หักแล้ว หลังจากนั้นก็จับเข้าที่แขนอีกข้างของอินทัช อย่างรวดเร็ว

อินทัช ล้มลงบนพื้นอีกครั้ง อีกทั้ง รพีพงษ์ ยังจับอยู่ ระหว่างข้อต่อของเขาไว้อีก แม้ว่าเขาจะมีความแข็งแรงมากแค่ไหน แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะเคลื่อนไหวหรือใช้กำลัง อยู่ดี

” บ้าเอ๊ย ปล่อยฉันสิวะ ฉันจะสู้กับแก ! “อินทัช เริ่มตะโก นออกมา

ไตรทศที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งเห็นเหตุการณ์มาตลอด เมื่อเขา ได้ยิน รพีพงษ์ ถามอินทัช ว่าสำนึกผิดหรือยังถึงสองครั้ง เขาก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าอินทัช กำลังจะเสียโอกาสที่ดีที่สุดใน การเอาชีวิตรอดไป

โง่จริง ๆ ในตอนที่ พี่รพี ถามคุณครั้งแรก แค่คุณ ยอมรับผิดก็คงไม่ต้องมาทนรับความเจ็บปวดแบบนี้แล้ว ”

ไตรทศสายหัวไปมา เมื่อนึกถึงตรงนี้ในใจเขาก็เกิดร่อง รอยของความกลัวขึ้นมา ในหัวเขาคิดถึงฉากที่เขาได้พบกับ

รพีพงษ์ ครั้งแรกในปีนั้น

ถ้าตอนนั้นเขาไม่มีความฉลาดอยู่บ้าง ตอนนี้เขาอาจจะ แขนขาหักจนไม่สามารถเชื่อมต่อได้อีกก็เป็นได้

– โอกาสของคุณหมดไปแล้ว ”

น้ำเสียงของ รพีพงษ์ นิ่งและเรียบเฉย เขาเป็นเหมือนดั่ง ยมทูตที่สามารถลงโทษผู้อื่นให้ถึงแก่ความตายได้อย่า

งง่ายดาย

ะ ๘ เขาจับแขนของอินทัช อีกข้าง หลังจากนั้นก็มีเสียงหักดังกรอบขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับเสียงของอินทัช ที่ร้องโหยหวน ไม่ต่างจากหมูที่ถูกเชือดอีกเหมือนเคย

ฉัน….ฉันรู้แล้ว ฉันยอมรับแล้วปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่ กล้าทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว ”

หลังจากที่อินทัช ได้ลิ้มรสของความเจ็บปวดและทรมาน แล้ว เขาก็ไม่กล้าที่จะต่อกรกับ รพีพงษ์ อีก เขารู้แล้วว่าถ้า หากเขายังจะขัดขืนต่อไปชั่วชีวิตของเขาที่เหลืออยู่คงทำได้ แค่นอนอยู่บนเตียงเท่านั้น

‘ คุณผิดตรงไหน ? ” รพีพงษ์ เอ่ยปากถามขึ้น

“ฉันก็คือฉันไม่ควรยั่วโมโหแก และฉันไม่ควรบอกว่า แกเป็นขยะ ”

อะไรอีก ? ”

ฉัน…ฉันไม่ควรคิดร้ายต่อ อารียา ขอร้องล่ะเมตตาฉันที แขนสองข้างของฉันก็ใช้การไม่ได้แล้ว ต่อไปฉันคงจะเข้า ไปวุ่นวายกับแกอีกไม่ได้แล้ว ”

” ก่อนหน้านี้ผมให้โอกาสคุณไปแล้วแต่คุณไม่ยอ มรักษามันไว้เอง ถ้าการเสียใจทีหลังมันมีประโยชน์ละก็ เส้น ตายของผมก็มีแค่แสดงผลให้เห็นเท่านั้นแหละ ”

หลังจากพูดเขาก็หักขาทั้งสองข้างของอินทัช อย่างไร้ ความปรานี
อินทัช นอนหอบอยู่กับพื้น ตอนนีแขนขาของเขาทั้งสี่หัก หมด แม้ว่าเขาจะอยากจะกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวดแต่ ก็ไม่สามารถทำได้

หลังจากที่ รพีพงษ์ สั่งสอนอินทัช เรียบร้อยแล้วเขาก็ลุก

ขึ้นยืน

ไตรทศมองไปที่อินทัช ที่นอนอยู่บนพื้น พร้อมกับถอนหาย ใจเบา ๆ ในใจเขารู้สึกอยากจะขอบคุณตัวเองจริง ๆ ที่เลือก ติดตาม รพีพงษ์ แทนที่จะต่อต้านและเป็นศัตรูกับเขา

” จัดการกับเขาให้เรียบร้อยที นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีราชาทั้งสามในเมืองริเวอร์ อีกแล้ว ” รพีพงษ์ พูดขึ้น

” ครับ ” ไตรทศตอบรับ

พนักงานสองคนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลพากันวิ่งหนีด้วยความ ตกใจ เมื่อพวกเขาเห็นสิ่งที่ รพีพงษ์ ทำ ถ้าหาก รพีพงษ์พบ ว่าพวกเขายังอยู่ที่นี่ละก็ อาจจะฆ่าพวกเขาด้วยก็เป็นได้

จริง ๆ แล้วสิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ รพีพงษ์ รู้มาตลอดว่าพวก เขาทั้งสองคนอยู่ที่นี่ แต่เขาแค่ขี้เกียจจะสนใจก็เท่านั้น

รพีพงษ์ ออกมาจากร้านอาหาร ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้า งอารียา พร้อมกับยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน

คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย แล้ว อินทัชล่ะเขาปล่อยคุยออกมา แล้วเหรอ ? ” อารียา ถามอย่างเป็นกังวล
” ผมไม่เป็นไร เรื่องทั้งหมดจบลงแล้ว เรากลับบ้านกัน เถอะ ” รพีพงษ์ พูดขึ้น

จบลงแล้ว ? ” อารียา เบิกตากว้างด้วยความประหลา ดีใจ ” อย่างนั้น ไตรทศล่ะเขาเป็นอะไรกับคุณเหรอ ? ” เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้สามารถจบได้อย่างแน่นอนเพราะมี

ไตรทศไม่ว่าอย่างไรก็ตามผู้ที่จะล้มหนึ่งในสามราชันฟ้าได้ ก็คงจะมีเพียงราชาอีกคนหนึ่งเท่านั้น

และเธอก็ไม่เคยคิดว่า รพีพงษ์ จะสามารถล้มอินทัช ได้

ด้วยตัวเขาเองอย่างแน่นอน

” เอ่อ….ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ ” รพีพงษ์ ตอบ

ไม่ได้เป็นอะไรกัน ? อย่างนั้นเขาจะมาช่วยคุณทำไม ? ” อารียา ถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ผมใช้เงินจ้างเขามาน่ะ เงินสามารถแก้ปัญหาทุกอย่าง ได้อยู่แล้ว ” รพีพงษ์ ยกเหตุผลขึ้นมาพูดแบบผ่าน ๆ

อารียา ยังรู้สึกไม่เชื่ออยู่ดี แต่พอนึกถึง หัวใจวีตัส เส้นนั้น ที่ รพีพงษ์ มอบให้เธอ ของสิ่งนั้นมีราคากว่า 100 ล้านเชีย วนะ พอคิดได้ดังนั้นเธอจึงเลิกสงสัย รพีพงษ์ ถ้าหากเขา จะใช้เงินจ้าง ไตรทศมาจริง ๆ

เพียงแค่ผู้ชายคนนี้เขาชักจะร่ำรวยเกินไปรึเปล่า

แบบนี้นับเป็นการซ่อนเงินรึเปล่านะ ? อารียา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกเมื่อมีความคิดแบบนี้แล่นเข้ามาในหัวเธอ

ทั้งสองเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ ถ้าพูดตามเหตุและผลละก็ เงินที่ อารียา ไม่รู้ ก็ถือว่าเป็นเงิน ส่วนตัวของ รพีพงษ์ ทั้งหมด

รพีพงษ์ เห็น อารียา หัวเราะออกมาใบหน้าของเขาก็เต็ม

ไปด้วยความงงงวย ก่อนจะถามขึ้นว่า ” คุณหัวเราะอะไร ? ” ” ไม่มีอะไรหรอก เราไปกันเถอะ ”

อารียา รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเธอจึงรีบเดินนำไปข้างหน้า เรื่องในครั้งนี้ทำให้เธอได้รู้ซึ้งถึงความอันตรายของธายุ กรสักที เธอตัดสินใจแล้วว่าในวันพรุ่งนี้เธอจะเอาเรื่องที่เกิด ขึ้นไปบอกกับ นภทีป์

ในเวลาเดียวกันเธอก็รู้สึกได้ถึงความน่าเชื่อถือของ รพี พงษ์ อีกครั้ง ดูเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ รพีพงษ์ได้คิดและเต รียมการมาก่อนแล้ว

หากไม่ใช่เพราะรพีพงษ์ ครั้งนี้เธออาจจะถูก ..ไปแล้วก็

ได้

พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปหาคุณปู่เพื่อคุยที่เกิดขึ้น ครั้งนี้ธายุกร ทำเกินไป ” อารียา พูดขึ้น

ผมจะไปกับคุณ ” ไม่ว่า อารียา ต้องการจะทำอะไรเขา จะคอยสนับสนุนเธอเสมออารียา เม้มริมฝีปากแน่นแต่ในใจกลับแย้มยิ้มออกมา

ณ เวลานี้ตราบใดที่มี รพีพงษ์ อยู่เธอก็รู้สึกสบายใจแล้ว ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินกลับไปตามถนนสายหนึ่ง อารียา เหลือบไปเห็นร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า เธอจึงหยุดเดิน

และจ้องไปที่โทรทัศน์ด้านในที่ตั้งโชว์อยู่แล้วพูดกับตัวเอง เบา ๆ ว่า ” โทรทัศน์เครื่องที่บ้านก็เก่ามาก ดูได้แค่ไม่กี่ช่อง เองแม่ก็บอกฉันมาหลายครั้งแล้ว แต่เงินเดือนเดือนนี้ก็ยังไม่ พออยู่ดี…”

รพีพงษ์ มองไปที่ อารียา ที่มีท่าทางปวดใจเพราะอยาก จะซื้อของแต่ทำไม่ได้ ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา

หลังจากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรกลับก็คว้าแขนของ อารียา แล้วพาเธอเดินเข้าไปในร้านทันที

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท