พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 12

บทที่ 12

บทที่ 12 หัวใจวีตัส

ภายในห้อง อารียา ล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดแรง เธอหยิบมือถือขึ้นมาสไลด์หน้าจอเล่น

“นี่ คนที่เจ้าของวิลล่าฟ้าอนงค์เชิญนะอาจจะไม่ใช่ ชริน ทร์ทิพย์ก็ได้ ตอนนี้เธอมั่นใจมากแค่ไหน เมื่อถึงตอนนั้นเธอ ก็ยิ่งอายมากขึ้นเท่านั้น” รพีพงษ์พูดปลอบใจ

“ไม่ว่าคนที่เขาเชิญจะเป็นใคร แต่ไม่ใช่ฉันแน่นอน ไม่ ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว หงุดหงิดใจเปล่าๆ” อารียาเอ่ยขึ้น

เมื่อเห็นว่าอารียาพูดเช่นนี้ เขาก็ไม่พูดอะไรอีก เขารอให้ ถึงวันงานแล้วค่อยเซอร์ไพรส์เธอ

“ว้าว สร้อยคอเส้นนี้สวยจัง” เธอพูดขึ้นมาขณะที่รพี

พงษ์กำลังปูที่นอน รพีพงษ์ประหลาดใจเล็กน้อย เขาโน้มหน้าเข้าไปดู รูป

ในมือถือของเธอเป็นสร้อยคอที่ประดิษฐ์อย่างสวยงาม ชื่อ

ของมันคือหัวใจวีตัส สร้อยคอเส้นนี้จะถูกประมูลในวันพรุ่งนี้

เขาฉุกคิดขึ้นมาในใจ เขาวางแผนไว้ว่าจะเซอร์ไพรส์เธอ ในวันงานนิทรรศการ เขาจะจัดสถานที่ให้โรแมนติก เพื่อจะ ขอบคุณเธอตลอดสามปีที่ผ่านมา แต่ดูๆ ไปแล้วมันยังขาด ของขวัญไปสักอย่าง
“สร้อยคอเส้นนี้สวยมาก คุณชอบไหม” รพีพงษ์ถามล

องเชิง

อารียาทำหน้าเซ็งๆ แล้วพูดว่า “เจอกับของแบบนี้ ผู้หญิง คนไหนจะไม่ชอบ แต่ว่าสร้อยคอเส้นนี้มันแพงมาก ราคาเริ่ม ประมูลคือสิบล้าน มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถวาดฝันได้”

“อันที่จริงวาดฝันไว้หน่อยก็ไม่เห็นเป็นไร” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

มา

อารียากลอกตามองบนใส่เขา แล้วพูดว่า “วาดฝันอะไร วาดฝันให้นายซื้อให้ฉันเหรอ อย่าคิดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย รีบนอนเถอะ”

พูดจบ เธอก็ปิดมือถือแล้วนอนลงบนเตียง

รพีพงษ์ยกยิ้มมุมปาก เขาตัดสินใจได้แล้ว ว่าจะประมูล สร้อยคอหัวใจวีตัส เพื่อจะเอามาเป็นของขวัญให้เธอ

เช้าวันต่อมา อารียาไปเตรียมนิทรรศการวัตถุโบราณ รพีพงษ์เข้าไปในตัวเมือง สร้อยคอหัวใจวีตัสจะถูกประมูล ในตัวเมือง

รพีพงษ์ซื้อหมวกแก๊ปที่ร้านข้างทางแล้วสวมมันไว้บน ศีรษะ จากนั้นเขาก็จัดการเสื้อผ้าของตัวเอง เพื่อไม่ให้คนจำ เขาได้

ไม่นานเขาก็มาถึงสถานที่ประมูล มีรถจอดอยู่จำนวนมากผู้ที่มาร่วมงานประมูลนี้ถ้าไม่ใช่คนรวยก็เป็นคนที่มีอำนาจ

แต่ละคนสวมเสื้อผ้าเครื่องประดับที่ดูดีมีราคา จะมีก็แต่รพี พงษ์ ที่สวมเสื้อผ้าตามแผงขายเสื้อ ซึ่งดูไม่เข้ากับคนในที่นี้ เสียเลย

เขาเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้างานประมูล ตรงนั้นมีชาย สวมเสื้อสูทสีดำสองสามคนกำลังยืนตรวจสอบผู้เข้าร่วมงาน

รพีพงษ์กำลังจะเดินเข้าไปในงาน แต่ชายสองคนก็มาเข้า มากันเข้าเอาไว้ก่อน

“ถ้าจะเก็บขยะก็ไปฝั่งนู้น ที่นี่เป็นงานประมูลระดับสูง ไม่ ดูสารรูปตัวเองเลย แกคิดว่าตัวเองจะเข้าไปที่ไหนก็ได้อย่าง นั่นเหรอ” ผู้ชายหนึ่งในนั้นพูดขึ้น

รพีพงษ์ปรายตามองแล้วพูดขึ้นมาว่า “ฉันมาร่วมงานประ

มูล”

ผู้ชายทั้งสองคนได้ยืนแล้วก็อึ้งไป จากนั้นก็หัวเราะร่วน

“แกคิดว่าพวกฉันตาบอดหรือไง สารรูปอย่างแกเนี่ยนะ เสื้อผ้าที่ใส่อยู่รวมๆ แล้วน่าจะไม่เกินร้อย ที่นี่เป็นงานประมูล ระดับสูง ของแต่ละชิ้นมีราคาหลักล้านทั้งนั้น แกคิดว่าตัวเอง ซื้อไหวเหรอ”

“พอแล้ว พอแล้ว อย่าไปคุยกับคนไร้ประโยชน์แบบนี้เลย รีบไล่มันไปเถอะ อย่าให้มันไปรบกวนแขกคนอื่น” ชายหนึ่งในนั้นพูดขึ้นมา

ขณะนั้นเองก็มีผู้หญิงที่ดูเซ็กซี่และฉลาดเดินเข้ามา เธอพูด ขึ้นมาว่า “มีเรื่องอะไรกัน” เมื่อชายสองคนนั้นเห็นก็รีบโค้งให้เธอทันที ผู้ชายหนึ่ง

ในนั้นพูดขึ้นมาว่า “พี่ฮันน่า ไอ้นี่มันจะเข้าไปในงานพวกเรา ก็เลยกันมันเอาไว้ครับ พวกเราไล่มันไปแล้วแต่มันก็ยังไม่ ยอมไป” คนที่ถูกเรียกว่าพี่ฮันน่ามองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า

จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา เธอคิดในใจว่าเดี๋ยวนี้มีค จำนวนมากที่คิดอะไรไม่ค่อยได้ น

แต่ทว่าเธอก็ไม่ได้ไล่เขาออกไป เธอพูดขึ้นมาว่า “คนที่ จะมาร่วมงานประมูลของเราต้องมีเงินอย่างต่ำก็สิบล้าน ไม่ อย่างนั้นเราจะไม่ให้เข้าไป นายแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะ เข้าไป”

รพีพงษ์หยิบแบล็กการ์ดออกมา แล้วยื่นให้พี่ฮันน่า ดู “คุณตรวจดูเงินในบัตรใบนี้ได้ ถ้ามันน้อยกว่าสิบล้าน ผม จะออกไปจากที่นี่”

พี่ฮันน่าเห็นว่าเขายังคงไม่ยอม เธอเบะปากแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่างนั้นฉันจะพานายไปตรวจเงินในบัตร นี่ดู แต่ฉันจะบอกนายไว้นะ ถ้านายกล้าทำให้ฉันเสียเวลา นายได้เจ็บตัวแน่”
รพีพงษ์ยักไหล่เหมือนไม่สนใจ

พี่ฮันน่าพาเขาไปในห้องที่ตรวจทรัพย์สิน เธอคิดในใจว่า

ถ้าไม่มีเงินในบัตรนี้ เธอจะให้ลูกน้องมากระทืบเขาสักที เมื่อมาถึงภายในห้อง พี่ฮันน่าก็เอาบัตรของรพีพงษ์ยื่นให้

พนักงาน แล้วให้พนักงานตรวจสอบเงินภายในบัตร

จากนั้นเธอก็มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเธอเห็นเสื้อผ้าที่ เขาสวม ก็แสดงสีหน้ารังเกียจออกมา

“พูดจริงๆ นะ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าผู้ชายไร้ประโยชน์พวกนี้ ทำไมต้องมาโอ้อวด ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องโดนจับได้ ก็ยังหน้า ด้านทำต่อไป ไม่รู้จริงๆ ว่าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร” พี่ฮันน่า เอ่ยขึ้นมา

รพีพงษ์หัวเราะแล้วพูดขึ้นมาว่า “ผมไม่ได้โอ้อวด ในเมื่อ พวกคุณบอกว่าต้องมีเงินไม่ต่ำกว่าสิบล้าน ผมก็ให้คุณตรวจ สอบเงินในบัตรของผม ก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

“หื อย่ามาทำเป็นโอ้อวดแถวนี้ เงินในบัตรนี่อย่าว่าแต่สิบ ล้านเลย ถ้ามีถึงหมื่น วัวก็ออกลูกเป็นควายแล้ว” พี่ฮันน่าพูด อย่างมั่นใจในตัวเอง

รพีพงษ์รู้สึกว่าคนคนนี้ช่างน่าเบื่อ เขาเลยไม่ต่อปากต่อ คำกับเธออีก

“กดรหัสค่ะ” พนักงานพูดกับรพีพงษ์
รพีพงษ์กดรหัส หลังจากนั้นก็รอพนักงานแจ้งผล

ไม่นาน พนักงานคนนั้นก็เห็นจำนวนเงินในบัตรของรพี ๘ ๘ พงษ์ เธอถึงกับอ้าปากค้าง

เมื่อ พี่ฮันน่าเห็นปฏิกิริยาของพนักงานคนนั้น เธอก็รีบเอ่ย ปากถาม “เป็นอะไร เงินในบัตรของเขาน้อยมากจนทำให้ เธอช็อกไปเลยหรือไง”

“นะ หนึ่งหมื่น” พนักงานพูดตะกุกตะกัก

พี่ฮันน่าจ้องไปที่พนักงานคนนั้น แล้วพูดว่า “อะไรแค่หมื่น เดียวก็ช็อกขนาดนี้ เธอไม่เคยเห็นเงินหรือไง”

หลังจากนั้นพี่ฮันน่ากำลังจะเรียกพวกนักเลงมารุมกระทืบ

เขา

จู่ๆ พนักงานคนนั้นก็พูดเสียงดังขึ้นมาว่า “ไม่ใช่หนึ่ง

หมื่น!”

“อย่างนั้นมันเท่าไรกัน ก็แค่บัตรของไอ้คนจนๆ เธอจะ อะไรนักหนา” พี่ฮันน่าพูดอย่างเหลืออด

พนักงานสูดหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขึ้นมาว่า “หนึ่งหมื่น ล้าน! เงินในบัตรของเขามีหนึ่งหมื่นล้าน!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท