พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 29

บทที่ 29

บทที่ 29 ผมมีหลักฐาน

ฉันกำลังอยากเจอพวกเขาอยู่พอดี ให้พวกเขาเข้ามา ” นภทีป์ พูดขึ้นอย่าโมโห

ธายุกร และ ชรินทร์ทิพย์ทั้งสองคนสบตากัน ในแววตา มีแต่ความประหลาดใจ ถ้าพูดกันตามเหตุผลแล้ว ตอนนี้อา รียา จะต้องนอนอยู่บนเตียงของอินทัช ไม่ใช่รีไง

หรือว่า อารียา จะทนอินทัช ไม่ได้เลยหนีออกมาเอง

ไม่นาน อารียา และ รพีพงษ์ ก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกัน

” คุณปู่คะ คุณปู่ต้องฟังหลานก่อนนะคะ ธายุกร คนชั่วนั่น เขาต้องการจะใส่ร้ายหลานค่ะ ” พอ อารียา เข้ามาถึงก็พูด ขึ้นทันที

” อารียา พูดบ้าอะไร ตัวเองซ่อนผู้ชายเอาไว้เอง ยังจะ มาบอกว่าฉันใส่ร้ายอีก หน้าไม่อายจริง ๆ ” ธายุกร แย้งขึ้น มาทันที

เมื่อ อารียา เห็นทั้ง ธายุกร และ ชรินทร์ทิพย์อยู่ที่นี่พร้อม กัน แค่ดูก็รู้แล้วว่าพวกเขาทั้งสองคนคงมาที่นี่เพื่อจะฟ้อง เรื่องของเธอ

พอคิดถึงตรงนี้ ในใจของ อารียา ก็เหมือนถูกเติมความ โกรธเข้าไปมากกว่าเดิมอีก เมื่อวานนี้ถ้าไม่ได้ รพีพงษ์ ช่วยไว้ละก็ เธอคงถูกย่ำยีจนไม่เหลือชิ้นดีแล้วแน่ ๆ

อีกทั้งตอนนี้ ธายุกร ยังจะมาใส่ร้ายเธอว่าเธอซ่อนผู้ชาย เอาไว้อีก ต่อให้เธอจะอารมณ์เย็นแค่ไหน แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ก็คงทนต่อไปไม่ไหวแน่

ธายุกร พูดจาว่าร้ายคนอื่นให้มันน้อย ๆ ลงหน่อยนะ ตัวเองทำอะไรเอาไว้ก็คงรู้แก่ใจดีจริงรึเปล่า ? ” หน้าอกของ อารียา สั่นไหวอย่างแรง เธอล่ะอยากจะเข้าไปทุบ ธายุกร สักทีจริง ๆ

” พูดจาว่าร้ายคนอื่น ? เธอมีหลักฐานรีไง ? แต่ตรงกัน ข้ามนะ ฉันน่ะมีหลักฐานที่เธอเข้าไปประจบสอพลออินทัช อยู่ ด้วยล่ะ ”

ธายุกร พูดขึ้นพร้อมกับดึงรูปถ่ายออกมาจากกระเป๋าเสื้อ หนึ่งใบ ในรูปนั้นเป็น อารียา และอินทัชจริง ๆ แต่รูปนี้คง เป็นตอนเมื่อวานที่ ธายุกร ตั้งใจหามุมถ่ายออกมา

พอ นภทีป์ เห็นรูปใบนั้นเข้า เขาก็เชื่อ ธายุกร จนหมดใจ เขาตบโต๊ะอย่างแรงแล้วตะคอกขึ้นว่า ” อารียา ตอนนี้ยัง มีอะไรจะพูดอีกมั้ย เธอไปกับคนเลว ๆ อย่างอินทัชนี่ถือเป็น ความอับอายขายขี้หน้าต่อตระกูลฉัตรมงคล มากจริง ๆ ! ”

คุณปู่คะ หลานไม่ได้ทำนะคะ ธายุกร ใส่ร้ายหลานค่ะ เขาวางยาใส่ในเหล้า เพื่อหวังจะให้อินทัช ลงมือกับหลาน คุณปู่ลืมไปแล้วเหรอคะ ว่า ธายุกร สมรู้ร่วมคิดกับอินทัชเพื่อขโมยวัตถุโบราณเมื่อครั้งก่อน ” อารียา พยายาม

อธิบายออกมา

” เธออย่ามาหลอกคุณปู่หน่อยเลย แค่คำพูดของเธอมัน จะพูดยังไงก็ได้ ฉันมีหลักฐานที่เธอไปเจอกับอินทัช มา เธอ

ยังจะอธิบายอะไรอีก ? ” ธายุกร พูดพร้อมรอยยิ้มเย็นชา

เขามั่นใจเต็มที่ว่า นภทีป์ จะต้องเชื่อเขามากกว่า ดังนั้น ต่อให้มีบางอย่างที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่เป็น กังวลอยู่แล้ว

ใบหน้าของ อารียา เต็มไปด้วยความร้อนรน ในช่วงเวลา แบบนี้เธอกลับไม่มีวิธีตอกกลับธายุกร

เธอไม่ได้เป็นคนทำเรื่องแบบนั้นแท้ ๆ แต่คนอื่นกลับคิด ว่าเธอเป็นคนทำ พอคิดแบบนี้มันทำให้เธอแทบจะคลั่งขึ้น มาทันที

ในตอนนี้เอง รพีพงษ์ ก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พร้อม กับพูดขึ้นว่า ” อารียา ไม่ได้โกหกครับ เรื่องเมื่อวานนี้เป็น ธายุกร กับอินทัช ที่วางแผนหลอก อารียา จริง ๆ ครับ แต่ แผนของพวกเขาทำไม่สำเร็จ ”

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นมองไปที่ รพีพงษ์ ด้วยสีหน้าดูถูก

” รพีพงษ์ นี่มันมีอะไรให้แกพูดด้วยทำ ไง ? หรือแกคิดว่า คุณปู่จะเชื่อคำพูดของขยะอย่างแก ? ” ชรินทร์ทิพย์พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มเย็นชา

” ในตอนที่ผู้หญิงของแกไปนอนร้องอยู่บนเตียงกับผู้ชาย คนอื่น ทำไมแกไม่ออกมาอย่างนี้ล่ะ หรือที่แกออกมาพูดตอน นี้เพราะกลัวว่าตัวเองจะขายหน้ารีไง ? ” สีหน้า ธายุกร เต็ม ไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

” อย่างเขาเนี่ยนะ จะขายหน้า ? แค่นี้เขาก็แทบจะทำให้ ตระกูลเราขายหน้าจนจะไม่เหลือแล้ว จากที่ฉันเห็นในตระกูล ทั้งหมดเนี่ย ที่หน้าไม่อายที่สุดก็มีแต่เขานั่นแหละ ” ชรินทร์ ทิพย์เบะปากพูดขึ้น

” พอแล้ว ! พวกเธอสองคนทำให้ตระกูลฉัตรมงคล ได้รับ ความอับอาย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเธอสองคนออกไป จากตระกูลฉัตรมงคล ซะ แล้วอย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีก ! ” นภทีป์ ตะโกนขึ้นมา

รพีพงษ์ ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” รูปนั่นสามารถอธิบายได้จริงว่าเมื่อวานเราไปพบอินทัช มา แต่ก็ไม่สามารถพูดถึงอย่างอื่นได้อีก และที่ผมบอกว่า อารียา ไม่ได้โกหก ก็เพราะว่าผมก็มีหลักฐาน ”

พูดจบเขาก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าพร้อมกับหยิบปากกาอัด

เสียงแท่งหนึ่งขึ้นมา

นี่คือที่ไตรทศนำมาให้เขาเมื่อวานนี้
“ชิ อย่างแกน่ะเหรอจะเอาหลักฐานอะไรมาได้ ที่ฉันเห็น มันก็แค่ของไร้สาระเท่านั้นแหละ ” เห็นได้ชัดว่าชรินทร์ทิพย์ ไม่เชื่อคำพูดของ รพีพงษ์

รพีพงษ์ จึงกดเปิดปากกาอัดเสียงขึ้น เพื่อให้เสียงด้าน

ในนั้นดังออกมา

” เธอคิดว่าฉันต้องการจะเลี้ยงข้าวเธอจริง ๆ อย่างนั้นเห รอ ฉันก็แค่พยายามจะดึงเธอให้ติดกับดักของฉันเท่านั้น แหละ…” เสียงของ ธายุกร ดังขึ้นมา

โดยเฉพาะเนื้อหาเมื่อวานตอนบ่าย ธายุกร และ ชริน ที่ ทร์ทิพย์ทั้งสองคนพูดคุยกันที่ร้านอาหาร

เรื่องเมื่อวานที่พวกเขาพูดกันนั้น ได้พูดถึงแผนการ ทั้งหมดออกมาด้วย รวมทั้งวิธีที่จะใส่ร้าย อารียา อีก

นี่เป็นเสียงที่ไตรทศให้คนของเขาอัดมาโดยเฉพาะ เพื่อ เอาไว้ใช้ป้องกันคนเลว ๆ อย่าง ธายุกร ที่คิดจะเอาเรื่องนี้ มาฟ้องก่อน

พอ ธายุกร และ ชรินทร์ทิพย์ทั้งสองได้ยินเสียงที่อัดมา หน้าก็ถอดสีทันที คิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่พวกเขาคุยกันทั้งหมด จะถูกคนอื่นอัดเก็บไว้ได้

ธายุกร กำลังจะเข้าไปคว้าปากกาออกจากมือ รพีพงษ์

” กลับมานี้ ให้ฉันฟังก่อนสิว่าพวกแกพูดอะไรไปบ้าง “นภทีป์ ขัดขึ้นมา

ทั้ง ธายุกร และ ชรินทร์ทิพย์ต่างสบตากัน หน้าผากของ พวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ

รูปภาพนั้นยืนยันอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเนื้อหาในเครื่องอัด เสียงละก็ต้องเป็นหลักฐานได้แน่ เสียงของ ธายุกร และ ชริน ทร์ทิพย์ชัดเจนมาก นภทีป์ ได้ยินทั้งหมดอย่างชัดถ้อยชัดคำ

อารียา มอง รพีพงษ์ ด้วยความประหลาดใจ เธอไม่รู้มา ก่อนเลยว่าเขาจะมีเครื่องอัดเสียงแบบนี้อยู่ด้วย

” พวกเขาสองคู่สมรู้ร่วมคิดที่จะหลอก อารียา ทั้ง ๆ ที่เป็น คนในตระกูลฉัตรมงคล เช่นเดียวกัน นี่เป็นการไม่รู้จักผิด ชอบชั่วดีอย่างมาก หากคุณยังมีประโยชน์อยู่ละก็ อย่าไปถูก สองคนนี้หลอกอีกเลย ” รพีพงษ์ พูดพร้อมกับจ้องไปที่ นภ

ที่ป์

ใบหน้าของ นภทีป์ เปลี่ยนเป็นสีครึ้ม เขาไม่คิดมาก่อน เลยว่าเหตุการณ์นี้จะถูกวางแผนโดย ธายุกร และ ชรินทร์

ทิพย์

คุณปู่ครับ อย่าไปฟังเขานะครับ เขากำลังใส่ร้ายพวกอยู่

ครับ ! ” ธายุกร ละลำละลักออกมา

” แกคิดว่าฉันเป็นตาแก่เลอะเลื่อนรีไง เขามีเครื่องบันทึก เสียงอยู่ในมือ อีกอย่างเสียงที่พูดออกมานอกจากจะเป็นพวกแกสองคนแล้ว จะเป็นใครได้อีก ? ”

” ปกติฉันคงตามใจแกมากเกินไปสินะ ฉันไม่คิดมาก่อน เลยว่าแกจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ น่าโมโหจริง ๆ ! ”

ใบหน้าของ ธายุกร และ ชรินทร์ทิพย์เต็มไปด้วยความตึง เครียด รู้ดีว่าครั้งนี้ต่อให้จะพูดยังไง นภทีป์ ก็ไม่มีทางจะเชื่อ พวกเขาสองคนอีกแล้ว

คุณปู่ครับ แต่ไม่ว่ายังไง อารียา ก็ไปนอนกับอินทัช แล้ วนะครับ เธอก็ทำให้ตระกูลเราขายหน้าอยู่ดี ยังไงก็ต้องไล่ เธอออกไปนะครับ ” ธายุกร กัดฟันพูดขึ้น

นภทีป์ เหลือบไปมอง อารียา แต่ก็ยังไม่เห็นว่าเธอนั้นเป็น ผู้ถูกกระทำ

คุณปู่คะ หลานไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีต่อตระกูลฉัตรมงคล นะคะ” อารียา รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

” ชิ เรื่องนี้แก้ตัวไปยังไงก็ไม่รอดหรอกอินทัช น่ะเป็นถึง

หนึ่งในสามราชันฟ้าแห่งเมืองริเวอร์ ถ้าเมื่อวานนี้เธอถูกเขา จับตาดูอยู่ เธอจะหนีไปไหนรอด ! ” ธายุกร พูดขึ้น นภทีป์ รู้ดีถึงพลังอำนาจของอินทัช ถ้าหากเขาอยากจะ เก็บ อารียา เอาไว้จริง ๆ เธอก็หนีไม่รอดหรอก

และในขณะนั้นเอง ก็มีคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาและเดินไปหยุด ที่ด้านหน้า นภทีป์ พร้อมกับพูดบางอย่างด้วยเสียงเบา
ทั้ง ธายุกร และ ชรินทร์ทิพย์มองไปที่ อารียา ด้วยสีหน้าที่ มั่นใจ พวกเขาแน่ใจแล้วใจว่าเธอนั้นไม่ใช่ผู้หญิงที่สะอาด อีกต่อไป

ในเวลานี้เอง นภทีป์ มองไปที่พวกเขาสองคนด้วยท่าทาง โกรธจัดพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นว่า ” เมื่อคืนนี้อิน ทัช ถูกคนของ ไตรทศจัดการไปแล้ว เขาจะเอาอะไรมาลงมือ กับ อารียา ได้ ? พวกแกสองคนนี่มันเลวจริง ๆ ครั้งนี้ฉัน จะทำให้พวกแกทั้งคู่ได้รู้ซึ้งถึงกฎเกณฑ์สักที ! ” ะ ผ้า

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท