พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 46

บทที่ 46

บทที่ 46 เปลี่ยนทัศนคติของทุกคน

ความลำบากใจทั้งหมดบนใบหน้าของ เจตนิพัทธ์แทบจะ ค้นออกมาเป็นน้ำอยู่แล้ว เพิ่งจะโม้จบ ท่านประธานก็โทรมา ตำหนิเขาแล้ว ใบหน้าแก่ๆนี้ไม่มีที่จะวางแล้ว

“ครับท่านประธาน จะไปเดี่ยวนี้” เจตนิพัทธ์เอ่ยตอบด้วย น้ำเสียงนอบน้อม

ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นผู้จัดการสาขาของกรุ๊ป ก็ไม่ กล้าท้าทายคำสั่งของท่านประธาน และยังต้องตอบกลับ อย่างพินอบพิเทา ไม่กล้ามีความไม่พอใจเลยสักนิด

วันนี้เป็นวันที่ตกต่ำ ย่ำแย่ในแปดชั่วโคตรแล้ว คิดจะทำ อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง เจตนิพัทธ์ แอบด่าในใจ บวกกับที่เขาพบว่ารพีพงษ์จ้องมองเขาอย่างล้อเลียน คิด

ในใจว่าต้องเป็นเพราะได้พบกับ รพีพงษ์เทพเจ้าแห่งภัย

พิบัติองค์นี้แน่ๆ

บุษบากรและ อารียาต่างก็รู้สึกค่อนข้างอับอายแทน เจต นิพัทธ์ ที่เมื่อกี้เพิ่งจะพูดจาโอ้อวดเสร็จ ตอนนี้คนเขาโทร มากลิ้งเดียว เขาก็ต้องรีบแจ้นไปทันที ความขัดแย้งชนิดนี้ ยังค่อนข้างน่าขัน

แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดออกมา เพื่อไว้หน้า เจตนิพัทธ์สัก หน่อย

“เอ่อ ท่านประธานของพวกเรามีเหตุฉุกเฉินหาผม วันนี้คง อยู่เป็นเพื่อนพวกคุณไม่ได้แล้ว เดี๋ยวผมจะไปเช็กบิลแล้ว พวกคุณกินต่อไปเถอะนะ” เจตนิพัทธ์ พูดอย่างขาดความ มั่นใจอยู่บ้าง

“คุณมีธุระก็ไปก่อนเถอะ” บุษบากรเปิดปาก อารียาจึงพยักหน้าตาม

“โอ้? เมื่อกี้ไม่ได้บอกว่า ต่อให้ไม่ไปทำงาน ก็ไม่มีใครว่า คุณไม่ใช่หรือ?” เวลานี้รพีพงษ์พูดแทรกขึ้นประโยคหนึ่ง

ทันใดนั้นสีหน้าของเจตนิพัทธ์ ก็กลายเป็นสีดำแล้ว คิด ในใจว่าไอ้โง่ตัวนี้จริงๆเลยเปิดหม้อไหนไม่เปิด หาเรื่องจี้ หัวใจเขาแท้ๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ท่านประธานหาเขา เขาจะต้องอยู่ ต่อแน่ๆ และจะเล่นกับรพีพงษ์ให้ดีๆ

“เป็นท่านประธานของพวกเราที่หาผม เพราะมีเรื่อง สำคัญ ปกติทั่วไปแล้วไม่ใช่แบบนี้” เจตนิพัทธ์ ยังอธิบาย อีกประโยคหนึ่ง

โอ้” รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา

ถ้าเจตนิพัทธ์รู้ว่าเป็นเพราะรพีพงษ์รำคาญเขา จึงให้ เธียรวิชญ์โทรเรียกเขาไป เกรงว่าจะโมโหจนกระอักเลือด เดี๋ยวนั้น

“คุณไม่พูดจะตายหรือไงจ๊ะ อีคิวต่ำใกล้ตายจริงๆ หัวหน้าห้องคนเขายังไงก็เป็นผู้จัดการของ บริษัท คุณเป็น คนเร่ร่อนว่างงานว่างงานคนหนึ่ง แถมยังกินข้าวนิ่ม มี คุณสมบัติอะไรมาพูดจาสามหาวในนี้?” บุษบากรพูดดูถูก

เจตนิพัทธ์ เห็นด้วยเป็นอย่างมากกับคำพูดของ บุษบากร เขาก็ดูถูก รพีพงษ์อยู่ครู่หนึ่งเช่นกัน เขาจึงไม่สนใจรพีพงษ์อีก แต่หันไปมอง อารียาแล้วเปิด

ปากพูดว่า “อารียาอีกสองวันจะถึงงานรวมรุ่นคุณต้องไปให้

ได้นะ เพื่อนร่วมชั้นหลายคนต่างก็คิดถึงคุณ บอกว่าอยาก

เจอคุณในงานรวมรุ่น”
อารียาพยักหน้า เปิดปากพูดว่า: “ได้สิ ฉันจะพยายามหา เวลาแวะไป”

เจตนิพัทธ์เห็นว่า อารียารับปาก ก็ไม่รั้งอยู่ต่ออีก ลุกขึ้น ไปเช็กบิล แล้วจึงออกไปจากที่นี่

เมื่อเห็นว่า เจตนิพัทธ์จากไปแล้ว บุษบากรก็หันไปมอง รพีพงษ์พูดอย่างไม่พอใจว่า: “คุณนี่ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ เจตนิพัทธ์คนเขาใจดีเชิญพวกคุณกินข้าว คุณยังจงใจพูด ขัดคอคนเขาแบบนั้นอีก”

“ฉันก็แค่พูดความจริง” รพีพงษ์เปิดปากเบาๆ

“ห์ พูดจริงพูดจังอะไรกัน ฉันคิดว่าคุณก็แค่อิจฉาคนเขา กลัวว่าคนเขาจะแย่งแคลร์ไปจากข้างตัวคุณ” บุษบากรจีบ ปากจีบคอพูด

“อย่างเขา? เกรงว่าจะยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ” ครั้งนี้ แน่นอนว่ารพีพงษ์พูดจริงจังเป็นอย่างมาก

“ชิ พูดคำใหญ่หน้าไม่แดงเลยนะ ฉันคิดว่าคุณนอกจาก จะขี้โม้แล้ว อะไรอื่นล้วนทำไม่ได้ ตอนนั้น แคลร์ยังจะบอก ว่าเสียงของคุณคล้ายกับเจ้าชายรูปงามของฉันอีก ตอนนี้ดู สิ คุณแม้แต่ขนหน้าแข้งเส้นหนึ่งของเจ้าชายรูปงามของฉัน ก็เทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ” บุษบากรพูดโกรธๆ

รพีพงษ์หัวเราะร้องไห้ไม่ได้ เมื่อได้ยินบุษบากรเปรียบ เทียบตัวเขาเองกับตัวเขาเอง ก็มักจะรู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง

“เอาล่ะ พวกคุณสองคนไม่ต้องเถียงกันแล้ว รีบกินข้าว เถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะเย็นหมดแล้ว” อารียาปรายตามองพวก เขาทั้งสองแวบหนึ่ง

ทั้งสองคนด้วยเหตุนี้จึงหยุดเถียงกันแล้ว
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ทั้งสามคนก็เดินออกจาก ภัตตาคารสปริงแยงซีมาพร้อมกันอารียาก้มลงมองนาฬิกา บนข้อมือของเธอ ก็ชอบมันมาก

อารียาเมื่อเห็นว่าบุษบากรชอบนาฬิกาที่รพีพงษ์ให้มาก จริงๆ จึงโฉบไปเปิดปากถามทันทีว่า “แคลร์เธอคงจะไม่ได้ ยอมรับสวะคนนี้แล้วจริงๆใช่ไหม”

อารียาไม่ได้ตอบรับเธอ แต่เปิดปากพูดว่า: “ช่วงนี้ฉันรู้สึก ว่าพฤติกรรมของรพีพงษ์ค่อนข้างใช้ได้ ทำสิ่งที่น่าเชื่อถือ มาก ทำให้ฉันมีความรู้สึกอุ่นใจ”

“เขาเนี่ยนะ? ยังจะน่าเชื่อถือ ฉันคิดว่าที่ไม่น่าเชื่อถือ ที่สุดในโลกก็คือเขานี่แหละ เธอดูนาฬิกาเรือนนี้ที่เธอสวม ในมือสิ เขาต้องซื้อมาจากแผงลอยข้างถนนแน่ๆ อาจจะแค่ ไม่กี่สิบหยวนเท่านั้นแหละ”บุษบากรพูดอย่างดูแคลน

“ฉันรู้สึกว่าใช้ได้อยู่นะ” อารียาเปิดปากพูด H

บุษบากรถอนหายใจอย่างจนใจ เปิดปากพูดว่า “หมด

ทางช่วยเธอจริงๆ แต่เธอต้องรับปากฉัน ว่าวันงานรวมรุ่น

จะต้องห้ามพารพีพงษ์ไปด้วยเด็ดขาด” อารียามองรพีพงษ์แวบหนึ่ง เปิดปากพูดว่า “ทำไมจะพา ไปด้วยไม่ได้ อีกทั้งไม่ได้บอกว่าห้ามพาครอบครัวไปด้วย

แล้วในกรณีที่ฉันเมามาก เขายังพาฉันกลับบ้านได้ด้วย”

บุษบากรรู้สึกจริงๆว่า อารียากำลังถูกอาคมของรพีพงษ์ จึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปพักหนึ่ง

ทั้งสามคนแยกจากกันเมื่อถึงสี่แยก บุษบากรกลับบ้าน ของตัวเอง รพีพงษ์และ อารียากลับไปด้วยกัน

บนมือของทั้งสองคนต่างก็สวมนาฬิกาข้อมือของวาเชอ รองคอนสแตนติน ดูไปแล้วเข้ากันดีทีเดียว
“จะพาผมไปงานรวมรุ่นของคุณ คุณไม่กลัวว่าพวกเพื่อน ร่วมชั้นของคุณจะหัวเราะเยาะคุณเหรอ?” รพีพงษ์เปิดปาก ถาม

อารียาหัวเราะขึ้นมา เปิดปากพูดว่า: “ไม่กลัวหรอก ฉัน อยากจะเปิดเผยอยู่แล้ว ฉันไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ ท่ามกลางทัศนคติของคนอื่นได้ ตราบเท่าที่ฉันรู้ว่าคุณไม่ ได้เป็นอย่างที่พวกเขาพูด”

รพีพงษ์ในใจหวั่นไหวเป็นอย่างมาก พูดอย่างหนักแน่น ว่า: “ผมจะทำให้ทุกคนเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อผมให้หมดให้ ได้ และจากนี้ไปผมจะไม่ให้คุณต้องถูกหัวเราะเยาะเพราะ

ผมอีก”

อารียาไม่พูด เดินไปตามทางข้างหน้าเงียบ ๆ

เมื่อมาถึงทางเข้าชุมชน รพีพงษ์ก็มองร้านขายเครปจีน ทางนั้นแวบหนึ่งตามจิตใต้สำนึก แล้วจึงพบว่ารถขายเครป จีนคันนั้นล้มอยู่บนพื้น ไข่แตกเต็มพื้น ชัดเจนว่ามีร่องรอย ของการต่อสู้

รพีพงษ์ใจหาย รีบเร่งเดินไปทางนั้น เขามองดูบนพื้น ก็พบว่ามีคราบเลือดอยู่ด้วยจริงๆ เขารีบถามคนที่อยู่แถวนั้นคนหนึ่ง “ลุงใหญ่ พี่ชายที่ขาย เครปจีนคนนั้นล่ะ ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

“ตอนนั้นคนกลุ่มหนึ่งจู่ๆก็วิ่งเข้ามา ไล่ตีคนขายเครปจีน คนนั้น ก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนขายเครปจีนคนนั้นสู้ กับพวกมันอยู่สักพัก จากนั้นก็วิ่งหนีไปแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีใคร รู้ว่าพวกเขาเป็นยังไงบ้าง” ลุงใหญ่กล่าวตอบ

รพีพงษ์พยักหน้าอย่างครุ่นคิด จากนั้นจึงกลับบ้านพร้อม

กับ อารียา
หลังจากที่มาถึงบ้าน เขาก็ส่งข้อความถึงไตรทศทันที ให้ ไตรทศตรวจสอบดูว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น

สำหรับพี่ใหญ่ที่ขายเครปจีนคนนั้น รพีพงษ์มีความรู้สึกดี ด้วยเป็นอย่างมาก แม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็น เช่นนั้น แต่ถึงอย่างนั้นคราวที่เจอกันล่าสุดเขาก็เอ่ยเตือน รพีพงษ์บนความตั้งใจดีครั้งหนึ่ง รพีพงษ์จึงนึกอยากจะ ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนเช่นกัน

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น รพีพงษ์ก็ได้รับข่าวของไตรทศแล้ว

“พี่รพีตรวจสอบชัดเจนแล้ว ตอนนี้คนน่าจะยังมีชีวิตอยู่ สถานการณ์เฉพาะรอให้พี่มาถึงแล้วผมจะบอกกับพี่ดีๆอีก

ที่”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท