พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 35

บทที่ 35

บทที่ 35 ผมซื้อทุกอย่างไว้ล่วงหน้าให้หมดแล้ว

ข่าวเรื่องอภิมหาเศรษฐีที่ใช้ชื่อไอดีว่า “ดวงใจตะวัน” ส่ง ของขวัญมูลค่ากว่าห้าแสนหยวนให้บุษบากร ภายในชั่วโมง เดียว ก็แพร่สะพัดไปทั่วอินเทอร์เน็ต

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนที่มีคนค้นหามากที่สุด คนไม่ น้อยล้วนอยากรู้อยากเห็น ว่านายดวงใจตะวันคนนี้เป็น เทพเจ้ามาจากไหนกัน ถึงสามารถส่งของขวัญมูลค่าห้าแสน หยวน ให้ผู้ประกาศหญิงธรรมดาๆคนหนึ่งได้

มีช่องสื่อไม่น้อยถือโอกาสนี้ ใส่สีตีไข่ ทำเรื่องให้เป็นข่าว ใหญ่โต เว็บไซต์ข่าวมากมายต่างพาดหัวข่าวว่า “แอบรัก ออนไลน์” ทำเอาชาวอินเทอร์เน็ตทั้งหลายต้องเข้าไปดู

เรื่องคาดเดาที่ผู้คนเชื่อกันมากที่สุดก็คือ นายดวงใจตะวัน คือคุณชายอภิมหาเศรษฐีจากตระกูลใหญ่ที่ไหนสักแห่ง เป็น เพราะว่าถูกตาต้องใจบุษบากร ก็เลยใช้เงินเป็นว่าเล่น เพื่อที่ จะซื้อใจของเธอ

อีกทั้ง เพียงแค่ในเวลาหนึ่งชั่วโมงสั้นๆ ข่าวลือระหว่าง คุณชายอภิมหาเศรษฐีดวงตะวันกับเน็ตไอดอลสาวไอ ดีqianxindie ก็สะพัดไปทั่ว

บางคนก็ว่าเขาสองคนคบกันมาตั้งนานแล้ว ช่วงหลังเป็น

เพราะเหตุผลบางอย่างก็เลยเลิกกัน หลังจากที่นายดวงใจ

ตะวันได้ดิบได้ดี ก็ตามกลับมาส่งของขวัญให้qianxindie บางคนก็พูดนายดวงใจตะวัน จริงๆแล้วเป็นพ่อเลี้ยงของ การส่งของขวัญมูลค่ากว่าห้าแสนหยวนให้qianxindie เป็น

เรื่องธรรมดาๆเท่านั้น

แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็เลือกที่จะเชื่อมากกว่าว่าคุณชาย อภิมหาเศรษฐีพันล้านคนนี้ ตกหลุมรักเน็ตไอดอลสาวเข้าให้แล้ว

ชรินทร์ทิพย์ที่ถูกกักบริเวณอยู่บ้าน หลังจากที่เห็นข่าวนี้ ก็ สะบัดหน้าใส่ทันที

“คุณชายอภิมหาเศรษฐีอะไรกัน ไม่ว่ายังไง ก็หล่อสู้สามีใน อนาคตของฉันไม่ได้หรอก”

ณ สำนักงานใหญ่สตูดิโอชาร์กฟันส์ นักไอทีกี่สิบคนกำลัง อดตาหลับขับตานอนจ้องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้า คิ้วขมวด เข้าหากันแน่น ทุกคนกำลังพยายามค้นหาความผิดพร่องใน ระบบอย่างเร่งรีบ

“หายังไง ก็หาไม่เจอ ไอดีดวงใจตะวันอะไรนั่น อย่าบอกนะ ว่าหมอนั่นอาศัยช่องโหว่ในระบบซื้อของขวัญ” หัวหน้าแผนก ไอทีเปิดปากถาม

“ไม่ใช่หรอก การทำงานของระบบเป็นปกติ บัญชีดวงใจ ตะวันอะไรนี่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ” พนักงานไอทีอีกคนตอบ กลับ

หัวหน้าแผนกขมวดคิ้วเข้มซะยิ่งกว่าเดิม ให้ของขวัญมูลค่า กว่าห้าแสนหยวนแบบนี้ เขาไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน เลยคิด ว่าต้องมีคนอาศัยความผิดพลาดของระบบซื้อของขวัญอย่าง แน่นอน

พอถึงตอนนี้ ผู้จัดการสถานีก็เดินเข้ามาพอดี หัวหน้าแผนก ไอทีก็รีบรายงานเรื่องนี้อย่างไม่รีรอ

ผู้จัดการได้ฟังดังนั้น ก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง พลางพูด “ไอดีด วงใจตะวันอะไรนี่ ก็คือบัญชีของหัวหน้าคนใหม่ของเรานี่ แหละ การให้ของขวัญของเขา ไม่มีอะไรผิดพลาดทั้งนั้น แหละ”

หัวหน้าแผนกไอที กับพนักงานไอทีที่เหลือ ได้ยินดังนั้นก็ ตกใจ ตาโตเป็นไข่ห่าน พวกเขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าไอดีดวงใจตะวันนี้ จะเป็นบัญชีของหัวหน้าพวกเขา

“อีกหน่อย ไม่ว่าดีเจหรือเน็ตไอดอลคนไหนที่มีบัญชีของ หัวหน้าเราติดตาม มีแต่จะส่งผลดีให้พวกเราทั้งนั้น ได้ยินชัด ไหม”

“ชัดครับ!

ส่วนคนที่เขาพูดถึงกันหนาหูอย่างบุษบากรกับรพีพงษ์กลับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องนี้ส่งผลอะไรมากมายแค่ไหน ตอนนี้พวก เขาทั้งคู่อยู่ที่บ้านของอารียา กำลังคุยเรื่องออกไปเดินช้อปปิ้ง ข้างนอก

“แคลร์ ฉันลืมบอกเธอเลยแหนะ ที่ฉันมาหาเธอวันนี้ อยาก จะมาบอกให้เธอรู้ว่าอาทิตย์หน้าพวกเราจะจัดงานเลี้ยงรุ่น มหาลัยกัน หัวหน้าสาขาย้ำกับตัวเลยนะ ว่าเธอต้องไปให้ได้” บุษบากรพูด

“เธอว่าไงนะ งานเลี้ยงรุ่นหรอ ทำไมมันเร็วขนาดนี้เนี่ย” อารี ยาอดแปลกใจไม่ได้ กี่ปีมานี้เธอใช้ชีวิตไม่ค่อยเป็นไปตามที่ วาดฝันนัก บวกกันชื่อเสียงของรพีพงษ์ เป็นปกติที่เธอไม่ อยากไปงานเลี้ยงรุ่นนัก

“ก็ใช่นะสิวันนี้ฉันถึงมาชวนเธอไปช้อปปิ้งไง ฉันอยากจะไป

ซื้อเครื่องสำอางเพิ่มสักหน่อย พอถึงตอนงานเลี้ยงรุ่น ฉันจะ

ได้สวยให้พวกนั้นตาบอดไปเลย”

“ฉันได้ยินมาว่า หัวหน้ารุ่นเราใช้ชีวิตได้ไม่เลวเลยล่ะ ได้ยิน มาว่าตอนนี้เขารับตำแหน่งผู้จัดการของสำนักงานสาขาบริษัท ซันบับเบิล กรุ๊ป เลยเชียวนะ แถมยังฝากความคิดถึงมาหาเธอ ด้วย

“คิดถึงไม่ลืม เธอต้องคว้าโอกาสนี้ไว้นะ” บุษบากรยิ้มอย่าง

มีเลศนัย
“พอเลยๆ ฉันแต่งงานแล้วนะ” อารียาส่ายหัวรัวๆ

“แต่งงานแล้วยังไงล่ะ มีใครไม่รู้ชื่อเสียงแย่ๆของรพีพงษ์กัน บ้าง หัวหน้าสาขาของเราตอนนี้นะเป็นถึงผู้จัดการของ สำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป เลยนะ กี่ปีมานี้ชื่อเสียง ของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปเธอเองก็ต้องเคยได้ยิน ส่วนรพี พงษ์เนี่ย ก็เป็นได้แค่หนูตกถังข้าวสารที่กินข้าวบ้านเธอไปวันๆ เขาจะไปสู้หัวหน้าสาขาเราได้ยังไง”

บุษบากรพูดไปพลางมองรพีพงษ์อย่างดูแคลน ไม่ได้รู้สึกว่า พูดแบบนี้ต่อหน้ารพีพงษ์จะไม่เหมาะสมเลยสักนิด แต่อารียาไม่ได้เอาคำพูดของบุษบากรมาใส่ใจ เพราะเธอรู้

ว่ารพีพงษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คนเขาว่ากัน

ตรงกันข้าม ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับรพีพงษ์ ทำให้เธอ รู้สึกว่ารพีพงษ์เองก็เป็นคนที่น่าค้นหาอยู่ไม่ใช่น้อย 2

“พอแล้วล่ะ พวกเราไปช้อปปิ้งกันดีกว่านะ เธออย่ามัวมาบ่น ฉันเลย”

อารียาลุกขึ้นยืนจากโซฟา จากนั้นหันไปทางรพีพงษ์ พลาง พูด “นายไปกับพวกเรานะ”

รพีพงษ์ยิ้มกว้าง พยักหน้าหงึกๆ

บุษบากรถลึงตาโต รีบร้อง “แคลร์ เธอไม่ได้บ้าไปแล้วใช่

ไหม อยู่ๆเธอจะให้เขาไปช้อปปิ้งกับพวกเราเนี่ยนะ” อารียาพูดยิ้มๆ “ให้เขาไปด้วย แบบนี้ก็มีคนถือของให้ฉันไง

ล่ะ”

“แคลร์ เธอคงจะไม่ได้….ตัดสินใจจะใช้ชีวิตกับเขาทั้งชีวิต จริงๆใช่มั้ย” บุษบากรพูดอย่างไม่เชื่อหูเชื่อตาตัวเอง

“ถ้าเขาทำตัวดีๆน่ะนะ ก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นไปไม่ได้” อารี

ยายิ้มขึ้นมา
รพีพงษ์เองก็ยิ้มไปกับเขาด้วย

บุษบากรรู้สึกแต่ว่าหูตัวเองต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ สติหลุด ไปพักใหญ่ ไร้การตอบสนอง

ทั้งสามคนไปห้างด้วยกัน บุษบากรอยากจะซื้อเครื่อง สำอาง ก็เลยตรงไปที่แผนกขายเครื่องสำอางทันที

“พวกเธอดูกันไปก่อนนะ ฉันจะไปห้องน้ำสักหน่อย” รพีพงษ์ เอ่ยปากพูด

“สมกับเป็นคนขี้เกียจจริงๆ ” บุษบากรพูดแซะ

รพีพงษ์หมุนตัวเดินออกไป ไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำ แต่กลับเดิน เลี้ยวไปที่มุมๆหนึ่ง

“คุณชายครับ ไม่เจอกันหลายวัน ดูแจ่มใสขึ้นนะครับ” ตาสี ทองเอ่ยปากแซวยิ้มๆ

“มีเรื่องอะไรก็ว่ามา” รพีพงษ์พูดเสียงเรียบ

“ไม่มีเรื่องอะไรหรอกครับ ก็แค่เห็นว่าคุณชายมาเดินซ้อป

ปิ้ง ผมก็เลยซื้อทุกอย่างไว้ล่วงหน้าให้หมดแล้ว ที่ห้างนี้ ไม่ว่า คุณชายอยากซื้ออะไร ไม่ต้องควักเงินจ่ายทั้งนั้น” ตาสีทอง พูด

“แกคิดว่าใช้วิธีนี้ แล้วจะทำให้ฉันยอมกลับตระกูลลัดดา วัลย์กับแกรีไง”

“กระผมเชื่อว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้”

“ฉันพูดได้เพียงแค่ แกคาดหวังมากไป”

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรอีก หมุนตัวเดินออกไป กลับไปหาอารี

ยากับบุษบากร

สาวๆสองคนกำลังยืนอยู่หน้าบูทเครื่องสำอางของแชนแนล จ้องเครื่องสำอางที่อยู่บนชั้นวางตาเป็นมัน
“แคลร์ ฉันได้ยินมาทั้งชีวิตว่าแบรนด์นี้ใช้ดีมาก ฉันอยยาก ซื้อมาลองสักชุดมาตั้งนานแล้ว” บุษบากรเปิดปากพูด

“ฉันเองก็เคยได้ยินมา แต่มันแพงเกินไป ราคาชุดหนึ่งนี่เงิน เดือนฉันตั้งสามเดือนเลยนะ” แน่นอนว่าอารียาเองก็อยากได้เครื่องสำอางเหมือนกัน แต่

ติดที่ว่าเงินเดือนของเธอมันน้อยเกินไป เครื่องสำอางที่แพง

ขนาดนี้ เธอทำได้เพียงมองเท่านั้น

ถ้าจะซื้อจริงๆล่ะก็ คงจะต้องเจ็บปวดใจไม่น้อย

บุษบากรที่เพิ่งได้รับของขวัญมูลค่ากว่าห้าแสน แบ่งครึ่ง หนึ่งก็เหลือแค่สองแสนห้า ถึงจะเป็นอย่างนั้น เธอก็ยังตัดใจ ซื้อไม่ได้อยู่ดี

“แคลร์ เธอว่าฉันซื้อชุดนี้ หรือไม่ซื้อดี” บุษบากรจ้องอารียา พลางเอ่ยปากถาม อารียา ยังไม่ทันได้พูดอะไรอยู่ๆ ผู้หญิงรูปร่างท้วม อายุรุ่น

ราวประมาณสามสิบกว่า สวมแว่นตา ก็เดินเข้ามาหาเธอ

เธอจ้องบุษบากรกับอารียาอย่างไม่ลังเลก่อนจะเอ่ยปากพูด “ซื้อไม่ไหวก็อย่ามายืนอยู่ตรงนี้ ขวางทางคนจะเลือกซื้อของ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท