พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 41

บทที่ 41

บทที่ 41 กลัวจนฉี่ราดกางเกง

ไม่นานนัก ไตรทศก็พาชายร่างใหญ่ที่มีรอยสักสองสาม คนมาอยู่ข้างๆรพีพงษ์

“พี่รพี เป็นอะไรไป หมอนั่นไม่ให้เงินพี่หรือไง?” ไตรทศ เปิดปากถาม

“คนนี้คือคนหนีหนี้ เมื่อวานนี้ถูกเขาหลอก ใช้เหตุผลกับ เขาไม่ได้แล้ว ได้แต่พึ่งพวกนายแล้ว” รพีพงษ์พูดพลางยิ้ม ขมๆ

“แม่งเอ๊ย กล้ามาหลอกพี่รพีของฉัน เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ ฉัน ฉันต้องทำให้ตาแก่นี่เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าบทลงโทษ ทางสังคม” ไตรทศส่ายกำปั้นของตัวเอง “เอาน่า ยังไงคนเขาก็อายุเกินครึ่งร้อยแล้ว ถ้าเกิดเรื่อง

ผิดพลาด จะได้ไม่คุ้มเสีย พวกนายไปขู่ให้เขากลัว ให้เขา

คืนเงินทั้งหมดที่ควรจะจ่าย ก็พอแล้ว” รพีพงษ์เปิดปากพูด “เข้าใจแล้ว พี่รพี ผมจัดการให้ พี่วางใจเถอะ พี่รอผมอยู่ ที่นี่แหละ พวกเราจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้” ไตรทศพูดพลางตบ หน้าอก

รพีพงษ์พยักหน้าและมองดูพวก ไตรทศ เดินเข้าไปใน ชุมชนที่อยู่ด้านข้าง

ไตรทศเป็นคนใช้ได้ก็จริง แต่เขาอารมณ์ร้อน และ ก้าวร้าวตั้งแต่เกิด เป็นดาบคมได้ แต่เป็นผู้นำไม่ได้

หากรพีพงษ์ต้องการรวมโลกใต้ดินของ เมืองริเวอร์จะ ต้องมีใครสักคนที่ควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้ แม้ว่า ตอนนี้ไตรทศ จะเป็นหนึ่งในสามราชันฟ้า แต่ก็ไม่มี พรสวรรค์ในการเป็นผู้นำ
เขาติดตามรพีพงษ์ตีรันฟันแทงมาโดยตลอด ในช่วงสอง สามปีมานี้หากว่าไม่ได้ รพีพงษ์คอยให้คำแนะนำอยู่เบื้อง หลัง เขาอาจจะไม่ได้นั่งในตำแหน่งสามราชันฟ้าเลยด้วย ซ้ำ

ด้วยนิสัยของ ไตรทศ แน่นอนว่าไม่อยากเป็นผู้นำ ซึ่ง ไตรทศได้บอก รพีพงษ์เอาไว้นานแล้วว่า ให้เขาไปต่อยตี เขายินดีมาก แต่ถ้าให้เขาไปจัดการคนอื่น เขากลับไปเป็น

นักเลงปลายแถวเหมือนเดิมยังจะดีซะกว่า

เพราะไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม ช่วงนี้รพีพงษ์จึงยังไม่รีบ ร้อนกำจัด พิชญุตม์หนึ่งในสามราชันฟ้าเช่นกัน

“ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเถอะ คนที่มีความสามารถแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆ รีบร้อนไปก็เท่านั้น” รพีพงษ์สะบัดหัว ไม่คิด เรื่องนี้อีก

วีรยุทธกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ไขว่ห้าง ดูทีวีอย่างสบายใจ

เมื่อวานนี้หลังจากกลับมา เขาก็เดาว่าศศินัดดาจะไม่มา ขอเงินเขาอีก แล้วทีวีเครื่องนี้ก็จะกลายเป็นสมบัติส่วนตัว ของเขา

“ไอ้เด็กรพีพงษ์นั่นก็เป็นสุดยอดสวะจริงๆนั่นแหละ ตกหลุมพรางฉันแบบนี้ จะบ่นสักนิดยังทำไม่ได้เลย ตอนนี้ ศศินัดดา คงคิดว่าทีวีเครื่องนี้ถูกรพีพงษ์ทำพังไปแล้วแน่ๆ ไม่ว่า รพีพงษ์จะอธิบายยังไง ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”

“บีบไข่นุ่มนิ่มแบบนี้ ก็สนุกดีจริงๆ วันหลังลองหาโอกาส อีกที ดูซิว่าจะหลอกเขาได้อีกสักทีรึเปล่า?”

วีรยุทธที่หน้าตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ที่คราวนี้ตัว เองปัดความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับรพีพงษ์ได้สำเร็จ และ ยังรู้สึกพึงพอใจที่ได้ทีวีมาฟรีๆ
จนกระทั่งขณะนี้ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาครู่หนึ่ง

วีรยุทธรีบลุกขึ้นมาปิดทีวีอย่างรวดเร็ว ในใจคิดว่าพวก ศศินัดดาคงไม่ได้จะมาดูว่าทีวีไม่ได้พังจริงๆหรอกนะ

เขารีบคิดหามาตรการรับมือบางอย่างทันที แล้วจึงเดิน ไปที่ประตู แสร้งทำเป็นโมโหเต็มหน้าพลางเปิดปากพูดว่า: “ฉันก็บอกไปหมดแล้วไงว่าทีวีถูกไอ้สวะรพีพงษ์นั่นทำพัง แล้ว ถ้าพวกคุณไม่เชื่อ งั้นก็จะให้พวกคุณดู!”

เมื่อเขาเปิดประตู ก็พบว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่พวก ศศินัดดาแต่เป็นไอ้หนุ่มหัวเกรียนคนหนึ่ง และยังมีไอ้หนุ่ม ร่างยักษ์ที่มีรอยสักหลายคนยืนอยู่ข้างหลัง ทำให้เขาตกใจ จนตัวสั่นไปหมด

“คุณ. พวกคุณมาหาใคร?” เสียงทั้งหมดของ วีรยุทธ สั่นน้อยๆขึ้นมา เขาสมัยเด็กๆเคยถูกทำร้ายเพราะดำ จึงทิ้งเงามืดเอาไว้

ลึกๆในใจ ดังนั้นเมื่อเห็นรอยสัก ในใจจึงรู้สึกหวาดกลัว ไตรทศ นอกจากจะไม่พูด ยังเดินตรงเข้าไปในบ้านของ

วีรยุทธ

วีรยุทธที่ถูกบังคับให้ถอยหลังตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่กล้า พูดอะไร

จากนั้น ไตรทศ ก็นั่งลงบนโซฟา สายตาจับจ้องทีวีที่อยู่ ตรงข้ามอยู่หลายครั้ง ก็พบช่องโปรดของตัวเองอย่าง ง่ายดาย

วีรยุทธไม่ค่อยเข้าใจพฤติกรรมของคนเหล่านี้ จึงตกอก ตกใจอยู่พักหนึ่ง แล้วค่อยๆถามอย่างระมัดระวังว่า: “น้อง ชายทุกท่าน ไม่ทราบว่าพวกคุณ…
ไตรทศหยิบมีดพับที่ห่อด้วยหนังสือพิมพ์ออกมา แล้ว โยนลงบนโต๊ะ

วีรยุทธกลัวจนล้มก้นจ้ำเบ้า น้ำตาไหลออกมาหมดแล้ว “พี่ใหญ่ทุกท่าน ได้โปรดละเว้นผมเถอะ เมื่อเร็วๆนี้ผมไม่ ได้ยั่วโมโหพวกคุณ คนอย่างผมร่างกายครึ่งหนึ่งอยู่ในดิน หมดแล้ว พวกคุณได้โปรดอย่ารังแกผมเลย”

ไตรทศเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็เม้มปากแล้ว คิดว่าคนคน นี้กินนิ่มกลัวแข็งจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะ รพีพงษ์สั่งเขาเอาไว้ ตอนนี้เขาคงจะขยับมือแล้ว

“ได้ยินมาว่า ไม่นานมานี้คุณติดเงินคนอื่น?” ไตรทศเปิด ปากอย่างเย็นชา

“ปละ.เปล่า” วีรยุทธกล่าวด้วยสีหน้าแปลกประหลาด

ไตรทศหยิบมีดขึ้นมาแล้วสับลงบนโต๊ะโดยตรง

วีรยุทธกลัวซะจนฉี่ ราด กางเกงเปียกชุ่มในคราวเดียว

%3D ใช่ ใช่ ผมติดเงินคนอื่น พี่ใหญ่ คุณอย่าหุนหันพลันแล่น” วีรยุทธกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าหมอง

“คุณไม่ต้องเครียด ผมแค่จะใช้มีดตะไบเล็บ” ไตรทศ ตะไบเล็บซะดิบดี

วีรยุทธด่าแม่อยู่ในใจโดยตรง มีอย่างที่ไหนใช้มีดตะไบ เล็บ

“ฉันคนนี้ ที่ไม่ชอบที่สุดก็คือคนเป็นหนี้แล้วไม่ใช้คืนพวก นั้น มักจะเห็นว่าคนแบบนี้ ฉันคิดจะสับพวกเขาทั้งหมดสัก หลายๆครั้ง คุณเข้าใจความหมายของผมมั้ย?” ไตรทศพูด ต่อ

วีรยุทธพยักหน้าทันที พลางเปิดปากพูดว่า “พี่ใหญ่คุณไม่ต้องห่วง วันนี้ผมจะไปเบิกเงินแล้วจ่ายเงินคืนทั้งหมด แล้วหลังจากนี้ผมก็จะไม่ทำเรื่องแบบนี้อย่างการติดหนี้อีก แล้ว”

ไตรทศพยักหน้าหงิกหงักอย่างพึงพอใจและพูดว่า “จำคำ พูดประโยคนี้ที่คุณพูดเอาไว้ ถ้าหากว่าคุณไม่ชำระหนี้ อย่างที่พูด พรุ่งนี้ผมจะมาอีก”

พูดจบ เขาก็พาน้องเล็กสองสามคนออกไปแล้ว

วีรยุทธได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในขณะ เดียวกันก็ก่นด่าตัวเองว่าโชคร้ายอยู่ในใจ ว่าทำไมในเวลา เช่นนี้ถึงได้วิ่งชนลูกพี่ใหญ่ที่ชอบทำตัวเป็นฮีโร่คนนี้กันนะ

เขาตลอดมาไม่เคยกล้าหลอกลูกพี่ใหญ่ในสังคมพวกนั้น กระทั่งพวก ไตรทศไปแล้ว เขาจึงไปเปลี่ยนกางเกง แล้ว เริ่มชำระบัญชีอย่างจริงจัง

ตามหลักแล้วจะต้องจ่ายมากกว่าสองหมื่น ขาดไปร้อย เดียวก็ไม่ได้วีรยุทธนำเงินทั้งหมดที่เขาคำนวณแล้วว่าเป็น หนี้ออกมา จากนั้นก็ไปคืนเงินบ้านแล้วบ้านเล่า

แม้แต่ ไตรทศ เองก็ไม่คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะป้องปราม วีรยุทธได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เดิมที่เขาแค่อยากให้วีรยุทธคืน เงินให้ รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่าเจ้า วีรยุทธนี่แม้แต่เงินที่เป็นหนี้ ก่อนหน้านี้ก็จ่ายคืนหมดแล้วจริงๆ

นี่กลับเป็นเรื่องดีที่ฮีโร่ทำลงไปจริงๆ

ตอนเย็น วีรยุทธถือพัสดุห่อหนึ่งมาที่ประตูบ้านของ ศศิ นัดดา

ศศินัดดาหลังจากที่เห็นว่าเป็นวีรยุทธจากตาแมว หัวใจก็ กระตุกคราหนึ่ง พลางนึกว่าไอ้หมอนี่ไม่น่าจะมาขุดหลุม พรางบ้านคนอื่นอีกหรอกนะ
เธอเปิดประตู พลางคิดว่าจะขับไล่เทพแห่งภัยพิบัติองค์นี้ ไปยังไง

แล้วในตอนนี้เอง วีรยุทธก็ส่งพัสดุห่อหนึ่งให้ศศินัดดา โดยตรง และเปิดปากพูดว่า “น้องนัดดานี่คือเงินที่ฉันซื้อ จากทีวีของคุณและเงินที่ฉันเคยติดหนี้คุณแล้วยังไม่ได้ จ่าย อยู่ในนี้หมดแล้ว คุณนับดูสิ ถ้าไม่ถูกต้อง ฉันจะทำ เพิ่มให้คุณอีก”

ศศินัดดาตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอมองไปที่วีรยุทธด้วย สีหน้าเหลือเชื่อ รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน เป็นไปไม่ได้ไหมว่า พระอาทิตย์นี้จะโผล่ออกมาจากทิศ ตะวันตกแล้วจริงๆ?

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท