พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 71

บทที่ 71

บทที่ 71 เซียนพนัน

ชายร่างใหญ่รีบเด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ เขาจ้องชายคน นั้นเขม็ง “แกพูดว่าอะไรนะ ใช้เงินสิบหยวนชนะการพนัน ในกาสิโนเนี่ยนะ”

“ชะ ใช่ครับ ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป กาสิโนของเรา ต้องล้มละลายแน่ๆครับ” ชายคนนั้นพูด

ชายร่างใหญ่กลืนน้ำลายลงคอ คิดไม่ถึงว่าคนที่ ไตรทศพามาจะเก่งขนาดนี้

“รีบพาฉันไปหามัน ฉันจะไปดูว่ามันเก่งแค่ขนาดไหน ถึงจะทำให้กาสิโนของฉันล้มละลาย!”

ชายทั้งส่องคนรีบเดินออกมาข้างนอกด้วยท่าทีร้อนรน

ในห้องพนันที่อยู่บนชั้นสอง

ไตรทศและธฤตญาณโยนชิปที่อยู่ในมืออันสุดท้าย ออกไปอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวด เงินหมื่นถูกพวกเขาใช้ไป จนหมดภายในเวลาอันสั้น แถมยังแพ้ราบคาบ

สำหรับธฤตญาณแล้ว การที่พวกเขาชนะได้เงินหมื่น โดยใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง ก็นับว่าเก่งมากแล้ว

คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรอย่างพวกเขา ต่อให้เอาเงินสิบล้าน มากองไว้ ก็อาจจะพนันแพ้ภายในเวลาสิบนาที
“ให้ตายเถอะ ไอ้อ้วนนั้นมันไม่ออกมาเจอเราจริงๆ ครั้ง หน้าถ้าฉันเจอหน้ามัน จะซัดหน้าให้สักหมัด” ไตรทศพูด ด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง

“ไปหารพีพงษ์กันก่อนเถอะ ดูว่าฝั่งนั้นเป็นอย่างไร บ้าง” ธฤตญาณเอ่ยขึ้น

“จะเป็นอย่างไรล่ะ เขาเอาชิปราคาสิบหยวนไป ขอเดา ว่าเพิ่งเริ่มก็แพ้แล้ว ตอนนี้อาจจะไปนั่งอยู่มุมไหนสักมุม” ไตรทศพูดขึ้น

ขณะนั้นเอง จู่ๆ โต๊ะที่อยู่ไม่ไกลก็ส่งเสียงเชียร์ดังขึ้น มา ไตรทศและธฤตญาณหันไปดูตามเสียงนั่น ไม่รูว่า เกิดอะไรขึ้น

ทั้งสองเบียดเข้าไปในกลุ่มคน เพราะอยากจะรู้ว่าเกิด อะไรขึ้น

ทั้งสองมาถึงข้างๆ โต๊ะ เห็นว่ารพีพงษ์กำลังโดนกลุ่ม คนยืนล้อมอยู่ และตรงหน้าเขาคือกองกาสิโนซิปขนาด

ย่อมๆ

ไตรทศและธฤตญาณอึ้งไปในทันที

เมื่อกี้รพีพงษ์เอาชิปราคาสิบหยวนไปนี่ ทำไมถึงมีชิป กาสิโนอยู่ตรงหน้าเขาเยอะขนาดนั้น

ไตรทศรีบเดินเข้าไปข้างๆ รพีพงษ์ จากนั้นก็เอ่ยปาก ถาม “พี่รพี มีอะไรเกิดขึ้น ทำไมกาสิโนชิปพวกนี้ถึงมา อยู่ตรงหน้าพี่ พวกเขาไม่เอาแล้วเหรอ”
เมื่อรพีพงษ์เห็นทั้งคู่ก็หัวเราะแล้วพูดว่า “ในที่สุดพวก นายก็มาแล้ว ถ้ายังไม่มาพวกเขาก็จะไม่เล่นกับฉันแล้ว”

นักพนันที่ยืนอยู่หน้ารพีพงษ์มีสีหน้าแสดงความโกรธ เขาคิดในใจว่าไอ้นี่จะทำให้กาสิโนของเราล้มละลาย แล้ว ถ้ายังเล่นกับมันอีกก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวแล้ว

“รพีพงษ์ ชิปพวกนี้เป็นชิปที่นายเล่นชนะมาเหรอ” ธ ฤตญาณจ้องชิพกาสิโนเหล่านั้นด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะ เชื่อ

รพีพงษ์พยักหน้า

“ว้าว พี่รพี เจ๋งสุดๆ ไปเลย ชิปพวกนี้รวมแล้วได้เท่าไร ถึงห้าแสนไหม” ไตรทศเอ่ยขึ้น

“น่าจะประมาณห้าล้าน” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงราบ

เรียบ

ทั้งไตรทศและธฤตญาณต่างก็ผงะ ทั้งคู่สูดหายใจลึก

“หะ ห้าล้าน ให้ตายเถอะ พี่รพี พี่ใช้เงินสิบหยวนพนัน ชนะได้ห้าล้านเนี่ยนะ” ไตรทศพูดเสียงสั่น

ธฤตญาณรีบไปนับชิปกาสิโนพวกนั้น พบว่าเมื่อรวม กันแล้วมันมีค่าถึงล้านจริงๆ

“ไอ้หมอนี่ มันไม่ใช่ปีศาจจริงๆ ใช่ไหม” ธฤตญาณพูด

พิมพ์

จนกระทั่งตอนนี้เขาถึงตระหนักได้ว่าการที่เขาเลือกมาอยู่กับรพีพงษ์ ถือเป็นการเลือกที่ถูกต้องที่สุด

“พอแล้ว รีบไปเรียกเจ้าของที่นี่มาเถอะ ฉันชนะเยอะ ขนาดนี้ เขาคงจะออกมาพบฉันได้แล้ว” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

“ไม่ต้องเรียก เจ้านายของเรามาแล้ว” ขณะนั้นเองก็มี เสียงหนึ่งดังขึ้นมา

ทุกคนต่างพากันหันไปมอง เห็นว่ามีชายร่างใหญ่กำลัง เดินเข้ามา

“เซียนพนันมาแล้ว ไอ้หมอนี่ซวยแล้ว”

“แม้ว่าสกิลการพนันของไอ้หมอนี่จะไม่เลว แต่ถ้า เปรียบกับเซียนพนันนับว่ายังต่างกันมาก ตอนนี้เขาคง มาจัดการมันแล้วล่ะ”

“ทำให้เซียนพนันออกมาได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว แต่ว่า ความเก่งของเขาไม่ใช่ใครที่จะมาเทียบได้”

ชายร่างใหญ่ผลักนักพนันออกไปแล้วก็ยืนประจันหน้า

กับรพีพงษ์

เขามองสำรวจรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ถาม ขึ้นมาว่า “นายเองเหรอที่ใช้เงินสิบหยวนชนะในกาสิโน ของฉัน”

“ใช่ ผมเอง” รพีพงษ์ยิ้มแล้วพยักหน้า

ชายร่างใหญ่ยกมือขึ้นมาเกาหัวแล้วพูดว่า “นายเป็นคนแรกที่ทำอย่างนี้ในกาสโนของฉัน พูดมา ว่านาย อยากทำอะไรกันแน่”

รพีพงษ์มองไตรทศกับธฤตญาณที่ยืนอยู่ข้างๆ จาก นั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ผมจะทำอะไร พวกเขาสองคนคงจะ เคยพูดกับคุณแล้ว ขอแค่คุณยอมตกลงร่วมมือกับธฤต ญาณ เงินห้าล้านนี้ ผมจะคืนให้คุณ”

ชายร่างใหญ่แสยะยิ้ม แล้วพูดว่า “นายคิดว่าเงินห้า ล้านจะซื้อฉันได้งั้นเหรอ ฉันจะบอกให้นะวิธีเดียวที่จะ ทำให้ฉันยอมก็คือชนะพนันฉันให้ได้ ! นายกล้าไหมล่ะ”

รพีพงษ์หัวเราะแล้วพูดว่า “ทำไมผมจะไม่กล้า”

เมื่อคนที่อยู่รอบๆ ได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด ต่างก็พากัน

หัวเราะออกมา

“ไอ้เด็กน้อย นายอาจจะไม่รู้ เขาคือเซียนพนันที่มีชื่อ เสียง บนโต๊ะพนันเขาไม่เคยแพ้ใครมาก่อน นายอย่า อวดดีไปหน่อยเลย หัดดูความสามารถของตัวเองหน่อย

เถอะ”

“ฮ่า ฮ่า กล้ายั่วยุเซียนพนันขนาดนี้ ฉันก็เพิ่งเคยเจอ ครั้งแรก วันนี้มีอะไรสนุกๆ ให้ดูแล้วล่ะ”

“เซียนพนันไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิดไว้นะ คนที่พนัน กับเขา สุดท้ายก็แพ้จนหมดตัว ไม่เหลือแม้แต่กางเกง

ใน”คนแรกที่ทำอย่างนี้ในกาสโนของฉัน พูดมา ว่านาย อยากทำอะไรกันแน่”

รพีพงษ์มองไตรทศกับธฤตญาณที่ยืนอยู่ข้างๆ จาก นั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ผมจะทำอะไร พวกเขาสองคนคงจะ เคยพูดกับคุณแล้ว ขอแค่คุณยอมตกลงร่วมมือกับธฤต ญาณ เงินห้าล้านนี้ ผมจะคืนให้คุณ”

ชายร่างใหญ่แสยะยิ้ม แล้วพูดว่า “นายคิดว่าเงินห้า ล้านจะซื้อฉันได้งั้นเหรอ ฉันจะบอกให้นะวิธีเดียวที่จะ ทำให้ฉันยอมก็คือชนะพนันฉันให้ได้! นายกล้าไหมล่ะ”

รพีพงษ์หัวเราะแล้วพูดว่า “ทำไมผมจะไม่กล้า”

เมื่อคนที่อยู่รอบๆ ได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด ต่างก็พากัน หัวเราะออกมา

“ไอ้เด็กน้อย นายอาจจะไม่รู้ เขาคือเซียนพนันที่มีชื่อ เสียง บนโต๊ะพนันเขาไม่เคยแพ้ใครมาก่อน นายอย่า อวดดีไปหน่อยเลย หัดดูความสามารถของตัวเองหน่อย

เถอะ”

“ฮ่า ฮ่า กล้ายั่วยุเซียนพนันขนาดนี้ ฉันก็เพิ่งเคยเจอ ครั้งแรก วันนี้มีอะไรสนุกๆ ให้ดูแล้วล่ะ”

“เซียนพนันไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิดไว้นะ คนที่พนัน กับเขา สุดท้ายก็แพ้จนหมดตัว ไม่เหลือแม้แต่กางเกง

ใน”
เมื่อชายร่างใหญ่ได้ยันคำเยินยอจากคนรอบๆ เขาก็ ยิ้มออกมาอย่างพออกพอใจ

“ไอ้เด็กน้อย ได้ยินหรือยัง นายจะพนันกับฉันก็เตรียม หมดเนื้อหมดตัวได้เลย”

รพีพงษ์หัวเราะแล้วพูดว่า “กลัวว่าคนที่จะหมดเนื้อ หมดตัวจะเป็นคุณนะสิ”

ชายร่างใหญ่มีสีหน้าไม่พอใจ เขาหันหน้าไปหาคนที่ อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “ไปเอาลูกเต๋ามา”

ชายคนนั้นรีบหยิบที่ทอยลูกเต๋ามาสองอันและลูกเต๋า

อีกจำนวนหนึ่ง

“ฉันจะไม่แข่งอะไรที่ยุ่งยากกับนาย วันนี้ฉันจะแข่ง ทอยลูกเต๋ากับนาย แข่งเรื่องแต้ม ใครแต้มน้อยคนนั้นก็

เป็นผู้ชนะ เป็นไง”

เดิมทีรพีพงษ์คิดว่าเซียนพนันอะไรนี่จะเล่นตุกติกกับ เขามากกว่านี้ คิดไม่ถึงว่าจะแค่แข่งทอยลูกเต๋า

แม้จะแข่งกันว่าใครได้แต้มน้อย แต่สำหรับรพีพงษ์ แล้วก็ไม่ได้แตกต่างอะไร

เกมทอยลูกเต๋าเป็นเกมที่เขาไม่เคยแพ้ใครมาตั้งแต่

สิบขวบ

“ได้” รพีพงษ์พูดตอบ

“ฮ่า ฮ่า ในเมื่อนายตกลงแล้ว งั้นฉันก็จะพูดเรื่องการเดิมพัน ถ้านายชนะ ฉันก็จะฟังนายและให้ร่วมมือกับธ ฤตญาณ ถ้าฉันชนะ นายไม่เพียงแต่จะต้องคืนเงินห้า ล้านให้ฉัน แต่นายต้องให้ฉันเพิ่มอีกห้าล้านรวมถึง เสื้อผ้าบนตัวนายด้วย ว่าไง” ชายร่างใหญ่พูด

ทุกคนที่เคยพนันกับชายร่างใหญ่รู้ดีว่าคำที่เขาชอบ พูดก็คือแพ้จนไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน ดังนั้นทุกครั้งที่ เขาเล่นพนัน เขาก็จะเดิมพันเรื่องนี้เสมอ คนที่แพ้ให้เขา ก็จะต้องเดินออกไปแบบเหลือแต่ตัว

นี่แหละความหมายของคำว่าแพ้จนไม่เหลือแม้แต่ กางเกงใน

“ให้ตายเถอะ ในที่สุดก็จะได้เห็นคนที่แพ้จนไม่เหลือ แม้แต่กางเกงในแล้ว ต่อจากนี้พวกนายก็ไม่ต้องมา หัวเราะเยาะฉันอีก” ชายร่างกายกำยำพูดขึ้น เขาแทบ จะร้องไห้ออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะขอบคุณรพีพงษ์เป็น อย่างมาก เพราะว่าเขาคือหนึ่งในคนที่แพ้จนเหลือแต่ตัว เปล่าๆ

ไตรทศและธฤตญาณเห็นว่ารพีพงษ์รับคำเดิมพันของ ชายร่างใหญ่ พวกเขาต่างก็กังวลใจ

“พี่รพี ไอ้อ้วนนี่มันมีฝีมือในการทอยลูกเต๋า ผมไม่เคย เห็นมันแพ้ใครเลย ถ้าพี่แพ้มัน พี่ต้องเหลือแต่ตัวเปล่า จริงๆ นะ” ไตรทศพูดเตือน

“วางใจเถอะ ฉันไม่มีทางแพ้หรอก” รพีพงษ์หัวเราะ แล้วพูด
เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์มีความแน่วแน่เช่นนี้ ทั้งสองคนก็ คงจะรั้งเขาไว้ไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงปล่อยให้เขาพนัน กับชายร่างใหญ่แบ่งลูกเต่าในมือออกเป็นสองกอง กอง ละ 12 ลูก จากนั้นก็ส่งให้รพีพงษ์

“นายกับฉันมีลูกเต๋ำคนละ 12 ลูก ใครทอยได้แต้ม น้อยคนนั้นคือผู้ชนะ” ชายร่างใหญ่พูด

ลูกเต๋า 12 ลูก แม้แต่นักพนันฝีมือดีอย่างชายร่างใหญ่ ก็ยังถือเป็นเรื่องยาก ยิ่งไปกว่านั้นต้องทอยให้ได้แต้ม น้อยที่สุดอีกด้วย

เมื่อคนโดยรอบเห็นชายร่างใหญ่หยิบลูกเต๋าออกมา เป็นจำนวนมาก พวกเขาต่างก็พากันสูดหายใจลึก

“ไอ้เด็กนี่ ซวยแล้วล่ะ ลูกเต๋า 12 ลูก มันทอยได้ยาก มากเลยนะ อีกอย่างตอนแรกเซียนพนันทอยได้ 12 แต้ม เป็นแต้มที่ยากมาก ไอ้เด็กคนนั้นไม่มีทางชนะแน่นอน”

ไตรทศเห็นชายร่างใหญ่หยิบลูกเต๋าออกมาเยอะ จึง รีบพูดโพล่งออกไป “ไอ้อ้วน นายเล่นตุกติกใช่ไหม ลูกเต๋าเยอะขนาดนี้ จะทอยยังไง”

ชายร่างใหญ่พูดอย่างหน้าตายว่า “ถ้าไม่กล้าแข่งก็ไม่ ต้องรับคำท้า ฉันไม่ได้เป็นคนอยากพนันนี่”

“ให้ตายเถอะ ฉันว่านายจงใจแล้วล่ะ พี่รพี พวกเราไม่ ต้องไปแข่งกับมันแล้ว ไอ้คนหน้าไม่อายแบบนี้ ไม่สำคัญ อะไรหรอก” ไตรทศพูดด้วยท่าทีโกรธเคือง
รพีพงษ์จ้องไตรทศแล้วพูดว่า “หุบปากแล้วดูเงียบๆ ไม่ งั้นฉันจะเตะนายออกไป”

ไตรทศยอมเงียบลง แต่ในใจก็ยังบ่นพึมพำ “ยังไงคน ที่ต้องถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่ตัวก็เป็นพี่ ในเมื่อพี่อยากวิ่ง ออกไปตัวเปล่า ผมก็ไม่ห้ามแล้ว”

“ฮ่า ฮ่า ฉันล่ะชอบคนกล้าหาญไม่คิดมากแบบนาย จริงๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันเริ่มก่อนแล้วกัน”

ชายร่างใหญ่พูดจบ เขาหยิบที่ทอยลูกเต่าเขย่าสองที ลูกเต๋าจำนวน 12 ลูกก็เข้าไปอยู่ในที่ทอยลูกเต๋า จากนั้น เขาก็เขย่ามันอย่างรวดเร็ว

ผู้คนรอบๆ ตาลายกับการใช้มือของเขา รพีพงษ์รู้สึก ตกตะลึงเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเขามีรูปร่างใหญ่ขนาดนี้ แต่ท่าทางการใช้มือของเขากลับว่องไวเป็นอย่างมาก

รพีพงษ์ก็ไม่ลังเลเช่นกัน เขาเอาลูกเต๋ 12 ลูก ใส่ เข้าไปในที่ทอยจากนั้นก็เริ่มเขย่า

วิธีการใช้มือของเขาง่ายดายมาก แต่ทว่าแรงที่เขาใช้ ภายในนั้น ไม่มีทางที่คนอื่นจะมองเห็นได้

เมื่อทุกคนเห็นวิธีการใช้มือของรพีพงษ์ ก็ฟันธงว่าเขา คงจะชนะชายร่างใหญ่ไม่ได้อย่างแน่นอน

ภายในเวลาอันรวดเร็ว ชายร่างใหญ่เอาที่ทอยคว่ำลง บนโต๊ะ รพีพงษ์ก็ทำเช่นเดียวกัน

ชายร่างใหญ่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดกับรพีพงษ์ว่า”สืบสองลูก ลูกละหนึ่งแต้ม นายแพ้แล้ว”

ผู้คนต่างพากันตกตะลึง ขณะเดียวกันก็ชื่นชมความ เจ๋งของชายร่างใหญ่

สามารถทอยลูกเต่า 12 ลูกให้ได้แต้มน้อยที่สุด แน่นอนว่าคนทั่วไปไม่สามารถทำได้

รพีพงษ์หัวเราะแล้วส่ายหน้า จากนั้นก็พูดว่า “อาจจะ ไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้”

พูดจบ เขาก็หยิบที่ทอยของตัวเองขึ้นมา เห็นเพียงว่า ลูกเต๋าทั้ง 12 ลูกเรียงเป็นแถวยาว มีเพียงลูกเดียว เท่านั้นที่มีหนึ่งแต้ม

ลูกเต๋า 12 ลูก มีเพียงหนึ่งแต้ม

“ผมมีแค่แต้มเดียว แต่คุณมี 12 แต้ม คุณแพ้แล้ว” รพี พงษ์ยิ้มแล้วพูดขึ้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท