พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 95

บทที่ 95

บทที่ 95 สมาชิกระดับพรีเมี่ยม

ลิปปินส์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ใบหน้าเผยให้เห็น อารมณ์ที่พูดไม่ออก

บุษบากรเองก็แปลกใจเล็กน้อย ประตูใหญ่ของดงเย็น เห็นชัดว่าต้องใช้บัตรผ่านประตูถึงเข้าไปได้ ทำไมรพี พงษ์ถึงดึงดันจะเข้าประตูใหญ่ให้ได้นะ

หากต้องการมีบัตรผ่านประตูของดงเย็น ก็จำเป็นต้อง

ซื้อบ้านที่นี่ และบ้านที่นี่นั้นก็ไม่อนุญาตให้เช่าด้วย

บ้านของลิปปินส์นั้นก็ถือว่ามีฐานะ แม้จะเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ยังซื้อบ้านที่นี่ไม่ไหว

“พี่ชาย ไม่ใช่ว่าผมจะหัวเราะเยาะคุณนะ คุณเห็นเจ้า

หน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูนั่นมั้ย ถ้าคุณไม่มีบัตร

ผ่านประตู คิดอยากจะเข้าประตูใหญ่ เจ้าหน้าที่รักษาความ

ปลอดภัยพวกนั้นคงจับคุณแน่”ลิปปินส์เอ่ยปาก เขาหันกลับไปมองอารียา พูดว่า”สามีสุดที่รักของคุณมี ปัญหาทางสมองหรือเปล่า ผมพูดชัดขนาดนี้แล้วเขาก็ยัง

ฟังไม่เข้าใจ”

บุษบากรได้ยินคำพูดของลิปปินส์ ก็ถลึงตาใส่เขาทันที แล้วพูดว่า”ถ้าคุณพูดพล่ามอะไรอีก ก็ไสหัวกลับไปเลย วัน นี้ฉันจะไม่ไปดื่มกาแฟกับคุณแล้ว”

ลิปปินส์ตกตะลึงทันที คิดไม่ถึงว่าบุษบากรที่เมื่อครู่ยัง สนิทสนมกับเขา จู่ๆจะเปลี่ยนเป็นดุร้ายขนาดนี้แล้ว
“ผมไม่ได้พูดเหลวไหล อยากจะเข้าไปก็ต้องใช้บัตรผ่าน ประตู คุณเองก็รู้ว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของดง เย็น ไม่อย่างนั้นคุณจะยอมมากับผมเหรอ”ลิปปินส์สีหน้า น้อยใจ ในใจกลับด่าว่ารพีพงษ์ในใจเป็นร้อยรอบ

บุษบากรคิดแล้วก็ไม่ผิด ไม่เข้าใจว่าทำไมรพีพงษ์ต้อง

เข้าประตูนั้นให้ได้

“นอกจากว่า….เขาจะซื้อบ้านที่นี่จริงๆ”จู่ๆบุษบากรก็พูด ขึ้น

ลิปปินส์ตกตะลึง จากนั้นใบหน้าก็เผยให้เห็นรอยยิ้มดูถูก เยาะเย้ย

“น้องบุษ อย่าล้อเล่นสิครับ บ้านที่ดงเย็นราคาแพงขนาด ไหนคุณไม่รู้เหรอ ต่อให้มีเงิน ก็ไม่แน่ว่าจะซื้อได้ แล้วเศษ สวะอย่างรพีพงษ์นี้.”

ลิปปินส์ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นแววตาของบุษบากรเต็มไป ด้วยความอาฆาตจ้องมองมาที่เขา เขารู้สึกเย็นวาบที่ด้านหลัง กลืนคำพูดที่มุมปากลงไป บุษบากรเป็นอะไรไป ทำไมต้องมาพูดแทนไอ้เศษสวะนี่

ด้วย

“มากับผมเถอะ ผมจะพาพวกคุณเข้าทางประตูใหญ่ ไม่ ต้องไปทางลัดแล้ว หากถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จับได้ จะอธิบายยังไง”

รพีพงษ์ไม่คิดจะพูดพร่ำทำเพลง พาอารียาเดินไปด้าน

หน้า
บุษบากรเห็นอย่างนี้ ก็ได้แต่ตามไป ลิปปินส์ส่ายหน้า อย่างจนปัญญา แล้วเดินตามไป

“ผมอยากจะรู้จริงๆว่าคุณจะเข้าไปยังไง อย่าบอกนะว่า เจ้าหน้าที่รักษาความเป็นญาติคุณ”ลิปปินส์บ่นพึมพำในใจ

ทั้งสี่คนเดินไปที่หน้าประตู เจ้าหน้าที่รักษาความ ปลอดภัยเห็นพวกเขาเดินมา ก็รีบมาด้านหน้าทันที พร้อม ถามว่า”ไม่ใช่ลูกค้าที่พักอยู่ในดงเย็นห้ามเข้านะครับ นอกจากมีคนพาเข้าไป”

ลิปปินส์เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสีหน้าเย็นชา แน่นอนว่าไม่รู้จักรพีพงษ์

“ในเมื่อไม่ใช่ญาติคุณ อย่างนั้นผมจะดูสิว่าคุณจะพาเรา เข้าไปยังไง”ลิปปินส์หัวเราะเยาะ

“แคลร์ รพีพงษ์เขาจะพาเราเข้าไปได้จริงๆเหรอ เมื่อกี้ เขาก็พูดว่า ขอแค่มีคนที่พักอยู่ข้างในพาเข้าไป จึงจะ เข้าไปได้นะ”บุษบากรเริ่มกังวลเล็กๆ

“น่าจะ …ได้นะ”อารียาตอบ เธอเองก็ไม่ค่อยมั่นใจ

“ผมว่าพวกเราอย่ามาเสียเวลากันตรงนี้อยู่เลย มากับผม เถอะ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะเข้าไปได้”ลิปปินส์ยิ้มพร้อมเอ่ย ประโยคนี้

ตอนนี้เองที่รพีพงษ์หยิบพวงกุญแจพวงหนึ่งออกมา ข้าง บนมีบัตรผ่านประตูห้อยอยู่ เขายังแกว่งมันไปมาต่อหน้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

หลังจากที่เจ้าหน้าที่เห็นบัตรผ่านประตูนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที รีบโค้งคำนับรพีพงษ์ พร้อมเอ่ยอย่าง นอบน้อมว่า “ขอต้อนรับกลับบ้านครับ”

รพีพงษ์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รูดบัตรผ่านประตู ประตูนั้นก็ เปิดออกทันที

เขาเดินเข้าไปด้านใน มองอีกสามคนที่ยังไม่มีใครขยับ จึงยิ้มแล้วพูดว่า”รีบเข้ามาสิ ยังงงอะไรกันอยู่”

อารียาที่ตั้งสติได้ก่อน รีบเดินตามเข้าไป ในใจเต็มไป ด้วยความดีใจ รพีพงษ์สามารถหยิบบัตรผ่านประตูมาได้ แสดงว่า เขาซื้อบ้านที่นี่ไว้จริงๆ

แต่ว่า บ้านที่นี่ราคาแพงขนาดนั้น ต่อให้มีแค่ห้องเดียว ก็ ยังต้องหลายล้านบาท รพีพงษ์ต้องมีเงินมากแค่ไหน จึงได้ บอกว่าจะซื้อก็ซื้อได้ง่ายๆแบบนี้

บุษบากรและลิปปินส์ต่างก็พากันตกตะลึง คิดไม่ถึงว่ารพี พงษ์จะหยิบเอาบัตรผ่านประตูออกมาได้จริงๆ

พวกเขาสองคนตะลึงอ้าปากค้างเดินเข้าไปข้างใน ยังไม่

ได้สติกลับมา

ลิปปินส์ทำท่าเหมือนสำลัก เมื่อครู่เขายังหัวเราะเยาะรพี พงษ์อยู่เลย บอกว่าเขาไม่มีทางซื้อบ้านที่นี่ได้ คิดไม่ถึงว่า รพีพงษ์จะหยิบเอาบัตรผ่านประตูออกมา นี่เท่ากับเป็นการ ตบหน้าเขาชัดๆ

หลังจากที่ทั้งสี่คนเข้าไปแล้ว บุษบากรและลิปปินส์ทั้ง สองก็มองไปยังรพีพงษ์ ลิปปินส์ถามว่า”คุณ….คุณซื่อบ้าน ที่นี่แล้วจริงๆเหรอ”
“ของเพื่อน”รพีพงษ์เอ่ยออกมาประโยคหนึ่งอย่างขอไปที เขาไม่อยากอธิบายอะไรมาก

สีหน้าของลิปปินส์จึงดีขึ้นมาเล็กน้อย

“ที่แท้ของเพื่อนคุณนี่เอง ผมคิดว่าเป็นคุณซื้อเองซะอีก ผมว่าแล้ว…”ตอนแรกเขาจะพูดว่าเขาคงไม่มีปัญญาซื้อ เศษสวะอย่างเขาจะมีปัญญาซื้อได้ยังไง แต่ว่ากลัวบุษบา กรจะว่าเอา จึงไม่ได้พูดออกมา

“อย่างนั้นพวกเราเข้าไปที่Blue Love ผมก็มีเพื่อนที่นี่ วัน นี้รับรองว่าพวกคุณจะได้ลิ้มรสกาแฟที่นี่แน่”ลิปปินส์กลับสู่ ภาวะปกติอีกครั้ง

บุษบากรตอนนี้เริ่มรักษาระยะห่างกับเขาแล้ว เพราะจู่ๆ หล่อนก็รู้สึกว่า รพีพงษ์ไม่ใช่เศษสวะที่ไร้ค่า เขาก็แค่ไม่ แสดงตัวเท่านั้น

มีแค่คนที่มีเรื่องราวซับซ้อนจริงๆเท่านั้น ที่จะมีนิสัยเก็บ เนื้อเก็บตัวแบบนี้ และคนอย่างลิปปินส์นี้ พอมีอะไรดีนิด หน่อย ก็คุยโวโอ้อวด

ทั้งสี่คนเดินมุ่งหน้าไปที่Blue Love ระหว่างทางอารียา กับพวกสามคนต่างก็พากันชื่นชมสภาพแวดล้อมในหมู่บ้าน ไม่หยุด มีแค่รพีพงษ์เท่านั้นที่มีสีหน้าเรียบเฉย

สภาพแวดล้อมในหมู่บ้านแน่นอนว่าดีมาก แต่ว่าก็ดีที่สุด ที่จะหาได้ในเมืองริเวอร์เท่านั้น เมื่อก่อนตอนที่รพีพงษ์อยู่ที่ เกียวโตนั้น ที่พักของเขา ดีกว่าที่นี่มากนัก

ร้านกาแฟBlue Loveตั้งอยู่กลางทะเลสาบใจกลางหมู่บ้าน รูปแบบสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย เล่นกับแสงไฟใน ยามค่ำคืน เป็นสถานที่ที่โรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่ง

อารียาและบุษบากรสองคนเมื่อเห็นด้านนอกของร้าน กาแฟ ก็อดไม่ได้ที่จะร้องกรีดกราดออกมา

“ว้าว มิน่าล่ะทุกคนต่างอยากจะมาที่นี่ ช่างโรแมนติก จริงๆเลย”บุษบากรบ่นพึมพำ

ลิปปินส์รู้สึกได้หน้า พูดว่า “ขอแค่เพื่อนผมยังอยู่ที่นี่ ต่อ ไปจะพาคุณมาบ่อยๆ”

อารียาหันไปมองรพีพงษ์ จากนั้นจูงมือเขาอย่างหวานซึ้ง

ตอนนี้เธอรู้สึกว่า สิ่งที่รพีพงษ์จะให้เธอได้นั้น ไม่ใช่แค่ สิ่งที่มองเห็นตรงหน้านี้เท่านั้น

บุษบากรเห็นทั้งสองจูงมือกัน ก็เบะปากทันที ลิปปินส์ที่

อยู่ข้างๆคิดว่าหล่อนอยากให้เขาจูงมือบ้าง จึงยิ้มแล้วยื่น

มือไปให้

ใครจะไปคิดว่าบุษบากรจะตีไปที่หลังมือของเขา แล้วยัง พูดด้วยว่า “มียุง”

ลิปปินส์ทนความเจ็บปวดไว้ ในใจคิดว่ายุงก็ยุง แต่หล่อน ก็ไม่เห็นจะต้องตีแรงขนาดนั้น ยุงตัวนี้มีความแค้นกับ หล่อนหรืออย่างไร,

ทั้งสี่คนเดินมาถึงหน้าประตูBlue Love ลิปปินส์กวักมือ

เรียกพนักงานคนหนึ่ง

พนักงานคนนั้นก็รีบวิ่งมาทันที หลังจากที่เห็นลิปปินส์มากันสี่คนแล้ว ก็ตกตะลึง เอ่ยว่า”คุณไม่ได้บอกว่าสองคนเห รอ ทำไมตอนนี้มีสี่คนแล้ว”

“สองคนนี้ผมเพิ่งเจอกันกะทันหัน เป็นเพื่อนกันทั้งหมด ก็ เลยมาด้วยกัน”ลิปปินส์พูด

พนักงานคนนั้นขมวดคิ้ว พูดว่า”ฉันเก็บที่นั่งไว้ให้คุณได้ สองที่เท่านั้น ไม่อาจมากกว่านี้ได้ พวกคุณเข้าไปได้สอง คน พวกคุฯปรึกษากันก่อนแล้วกัน”

ลิปปินส์หันกลับไปมองรพีพงษ์และอารียา เมื่อครู่ที่รพี พงษ์ใช้บัตรผ่านประตู ทำให้เขาเสียหน้ามาก

ตอนนี้เพื่อนของเขาเก็บที่นั่งไว้แค่สองที่เท่านั้น แน่นอน ว่าเขาไม่ได้คิดจะยกสองที่นั้นให้รพีพงษ์

เขาอยากจะเห็นรพีพงษ์เสียหน้าพอดี จึงยิ้มแล้วพูด ว่า”ขอโทษด้วยจริงๆนะ เพราะคิดไม่ถึงว่าจะพบพวกคุณ ดังนั้นจึงไม่ได้จองที่ไว้ให้ เอาอย่างนี้มั้ยครั้งหน้าพวกคุณ

ค่อยมาใหม่”

บุษบากรรีบถลึงตาใส่ลิปปินส์ทันที พูดว่า”อะไรคือครั้ง หน้าค่อยมาใหม่ สองที่นี้ให้ฉันกับแคลร์เข้าไปด้วยกัน

ผู้ชายสองตนอย่างพวกคุณก็รอข้างนอกก็พอแล้ว”

ลิปปินส์ได้ยินคำพูดของบุษบากร ก็ชะงักไปด้วยสีหน้า ไม่เต็มใจนัก เขาอยากมาลองชิมกาแฟที่นี่ตั้งนานแล้ว ทำไมถึงต้องยอมให้คนอื่นเข้าไปด้วย

“แต่ว่า ผมเองก็อยากเข้าไปชิม…”ลิปปินส์พูดตามตรง

บุษบากรมองเขาอย่างหมดความอดทน ขาดแค่ไม่ได้ลงไม้ลงมืออย่างเดียว

“พวกคุณเข้าไปก่อนเถอะ ไม่ต้องมนใจพวกเรา” รพีพงษ์

เอ่ย

ลิปปินส์ได้ยินคำกล่าวของรพีพงษ์ ก็ดีอกดีใจทันที พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า”คุณได้ยินมั้ย พวกเขาบอกว่าไม่ ต้องสนใจเขา พวกเรารีบเข้าไปเถอะ”

พูดจบ ลิปปินส์ก็ดันบุษบากรเข้าไปข้างใน “แคลร์…”บุษบากรชำเลืองมองอารียาแวบหนึ่ง

“พวกคุณเข้าไปก่อนเถอะ พวกเราไม่เป็นไร”อารียายิ้ม พลางเอ่ย

บุษบากรจนปัญญา ได้แต่เดินตามลิปปินส์เข้าไป

เพื่อนของลิปปินส์ก็เป็นแค่พนักงานในร้านเท่านั้น ที่จอง ที่ไว้ให้ลิปปินส์ ก็แค่ตำแหน่งที่มุมหนึ่งเท่านั้น แทบจะมอง ไม่เห็นภาพวิวสวยงามด้านนอกเลย

แต่เป็นแบบนี้

ลิปปินส์ก็รู้สึกว่าดีมากแล้ว

รอจน ลิปปินส์และบุษบากรเข้าไปแล้ว พนักงานคนนั้นก็ เตรียมจะหมุนตัวเดินเข้าไป

“รอเดี๋ยวก่อน”รพีพงษ์เอ่ยเรียก

“ทำไมหรือ ไม่ใช่บอกกว่า ผมจองไว้แค่สองที่ ไม่ สามารถพวกคุณทั้งสี่คนเข้าไปได้”พนักงานเอ่ย

เขาคิดว่ารพีพงษ์และอารียาตามลิปปินส์เข้ามาจากทาง ลัด ต้องไม่ใช่ผู้ที่พักอาศัยอยู่ที่นี่แน่ ดังนั้นจึงไม่เกรงใจ
รพีพงษ์ยิ้ม เอ่ยว่า “พวกเราไม่จำเป็นต้องให้คุณช่วยจอง ที่ ที่นี่ชั้นสองไม่ใช่ว่าเป็นพื้นที่ให้บริการเฉพาะลูกค้าที่เป็น สมาชิกเหรอ ที่นั่นน่าจะนั่งได้นะ”

พนักงานเบ้ปาก พูดว่า “ที่นั่นใช้ได้แน่นอน แต่ว่าคุณเป็น สมาชิกของพวกเราหรือไม่ อยากเป็นสมาชิกของที่นี่ อย่าง น้อยก็ต้องซื้อห้องเปล่าของดงเย็นไว้ คุณอย่าไปคาดหวัง ถึงชั้นสองเลยครับ”

เขารู้สึกดูถูกในใจ ในใจก็คิดว่าสองคนนี้แอบเข้ามาแล้ว ยังกล้าคิดที่จะเข้าไปใช้พื้นที่ให้บริการสำหรับสมาชิก เท่านั้นอีก ช่างน่าขำจริงๆ

รพีพงษ์นำบัตรสมาชิกที่ผู้จัดการมอบให้เขาในวันนั้น ออกมา ยืนต่อหน้าพนักงาน

“มีอันนี้ น่าจะได้นะ”

หลังจากที่พนักงานเห็นบัตรใบนั้นก็ขมวดคิ้ว ในใจก็คิด ว่าคนๆนี้ยังไม่ยอมเลิก แต่เมื่อเขาเห็นบัตรใบนี้ชัดเจนแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

“ท่าน…..ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ เชิญตามผมมา ผมจะ พาท่านไป”

ท่าทีของพนักงานเปลี่ยนไปร้อยแปดสิบองศา ท่าทาง อ่อนน้อมแบบนั้น เหมือนกับเห็นพ่อของตนเองอย่างนั้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท