พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 98

บทที่ 98

บทที่ 98 ตั้งแถวต้อนรับ

ทุกคนต่างมองไปทางคนขับรถทันที สายตามีแต่ความ สงสัย

“เขา…เมื่อกี้เขาพูดว่าจะพาพวกเราไปไหนนะ”

“ดงเย็นเหรอ ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม หรือว่าหูฉันมี ปัญหาไปแล้วเหรอเนี่ย”

ชรินทร์ทิพย์ลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งถามคนขับรถอีกรอบ “พี่คน ขับรถ คุณแน่ใจนะว่าตอนนี้พวกเราต้องไปที่ดงเย็นไม่ใช่เขต นอกเมือง” IN “ไม่ผิดหรอกคุณรพีพงษ์ คนนั้น ให้ผมขับรถพาพวกคุณ

ไปที่บริเวณด้านหน้าประตูของดงเย็น” คนขับรถพูด

ทุกคนต่างสูดลมหายใจเข้า ตลอดเวลาพวกเขาคิดว่าจะไป แถวหุบเหวอะไรทำนองนั้น ถึงได้เหมารถคันนี้มาให้ ไม่คิด เลยว่าคนขับรถจะพาพวกเขาไปที่ดงเย็น

หรือว่า รพีพงษ์ไปซื้อบ้านที่ดงเย็นจริงๆ

ธายุกรได้แต่จ้องคนขับรถตาเขม็งอยู่แวบหนึ่ง จนรู้สึกว่า เขาไม่เหมือนกับคนที่กำลังล้อเล่นอยู่

“งั้นรพีพงษ์บอกหรือเปล่าว่าให้คุณส่งพวกเราไปที่ดงเย็น

ไปทำอะไร” ธายุกรเอ่ยปากถาม

“เรื่องนี้ไม่ได้บอกเอาไว้ เขาก็แค่บอกให้ผมพาพวกคุณไป ส่งแค่นั้น” คนขับรถตอบ
“นัดดาหรือว่ารพีพงษ์จะซื้อบ้านที่ดงเย็นจริงๆ มีผู้หญิง คนหนึ่งเอ่ยถาม

ศศินัดดาสีหน้าก็ยังมึนงงอยู่เลย พร้อมทั้งเอ่ยปากพูด “ฉัน ก็ไม่รู้ ฉันก็เพิ่งไปดูบ้านที่เขาซื้อไว้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่ ว่าการที่เขาไปซื้อบ้านที่ดงเย็นเอาไว้ ไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้ มั่ง”

พูดจบ เธอกันหันมองทางอารียาแวบหนึ่ง แต่ว่าอารียาใน ตอนนี้กำลังหลับตานอนพักสายตา ทำเหมือนว่าไม่อยาก สนใจคนพวกนี้

“ไอ้คนกระจอกอย่างรพีพงษ์ ทำไมถึงมีปัญญาไปซื้อบ้าน

ที่ดงเย็นได้ล่ะ มีแค่ผีสางนางไม้เท่านั้นแหละที่รู้ว่าเขาทำ อะไร พอถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้เรื่องแล้ว” เธอเองก็ไม่เชื่อว่าคนอย่างรพีพงษ์ จะมีปัญญามาซื้อบ้านที่

ดงเย็นได้ ดังนั้นเลยคิดว่ารพีพงษ์กำลังสร้างเรื่องเล่นแผลงๆ

อยู่

“เจนพูดถูก คนอย่างรพีพงษ์จะมีปัญญาแค่ไหน อย่างมาก ก็ไปซื้อบ้านในหุบเหวได้ ฉันคิดว่าเขากำลังจงใจสร้างเรื่อง อยู่”

“ดงเย็นเป็นย่านชุมชนที่แพงที่สุดในเมืองริเวอร์ อย่าพูดถึง รพีพงษ์เลย ขนาดฉันปีนั้นยังไม่มีปัญญาซื้อบ้านที่ดงเย็นเลย เขาไม่มีทางไปซื้อบ้านที่นั่นได้”

ทุกคนต่างถกเถียงกันโหวกเหวกโวยวาย สักพัก พวกเขาก็

มั่นใจแล้วว่ารพีพงษ์ไม่มีทางไปซื้อบ้านที่ดงเย็นได้ การที่ให้

คนขับรถขับรถไปส่งพวกเขาที่นั่นนั้น มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
ธายุกรหรี่ตามองอารียาที่อยู่ด้านหน้า ในใจพลันคิดว่า เธอ ยังมีปัญญาซื้อรถแลนด์โรเวอร์ได้ ถ้าไปซื้อบ้านที่ดงเย็นได้ หนึ่งหลัง งั้นโครงการในครั้งนี้เธออมเงินไปไม่น้อยเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าตอนนี้เขากับอารียาจะทำงานดูแลเรื่องโครงการ อยู่ด้วยกัน แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะดึงเงินออกมามากมายขนาด นั้น

“เชอะ ฉันก็ได้แต่หวังว่าบ้านที่พวกแกซื้อไม่ใช่บ้านของดง เย็น ไม่งั้น ครั้งนี้ฉันก็จะมีเหตุผลที่สมเหตุสมผลแล้ว ที่จะให้ ปู่ไล่พวกแกออกไปจากบ้านตระกูลฉัตรมงคลสักที! ” ใบหน้า ของธายุกรปรากฏรอยยิ้มร้ายกาจ

“พวกแกคิดว่า หรือว่ารพีพงษ์จะสร้างภาพ เลยไปเช่าบ้าน ที่ดงเย็นเอาไว้สักหลัง” ตอนนี้เริ่มมีคนเอ่ยปากถาม “เป็นไปได้มาก ซื้อคนซื้อไม่ไหว ทำได้แค่เช่าอยู่ประเดี๋ยว

แค่สร้างภาพ โชว์ให้พวกเราดูเท่านั้นเอง” มีคนออกความเห็น

ตามมาทันที

ศศินัดดากับศักดาเมื่อได้ยินคนหลายคนถกเถียงกันไปมา ใบหน้าปรากฏอาการเก้อเขินขึ้นมาทันที

วิธีการเช่าบ้านพวกเขาคิดเอาไว้เหมือนกัน แต่ว่าอารียา ห้ามเอาไว้ก่อน แต่ว่าตอนนี้ ดีที่ไม่ได้ไปเช่าไว้ ไม่งั้นคงถูก จับผิดง่ายมาก

“ไอ้สวะรพีพงษ์ไม่ยอมให้เราไปเช่าบ้านไว้ แต่เขากลับมา เช่าบ้านที่ดงเย็นแทน เลยโดนจับได้เอาง่ายๆ แบบนี้ เงินค่า เช่าคงเป็นเงินของแคลร์ เดี่ยวกลับไปต้องให้เขาเอามาคืน” ศศินัดดากัดฟันพูด
“ถ้าเป็นดงเย็นจริงๆ ตามที่พูดแล้วละก็ คงไม่ได้เช่าหรอก บ้านที่นั่นไม่เคยปล่อยให้เช่ามาก่อนเลย”ธายุกรเป็นคนเอ่ย ขึ้นมาในเวลานี้

เมื่อได้ยินคำพูดนี้เข้า คนกลุ่มนั้นยิ่งสงสัยเข้าไปอีก บ้านที่ ดงเย็นไม่ให้เช่า ั้นรพีพงษ์ทำไมยังให้พวกเขาไปที่ดงเย็นอีก ล่ะ หรือว่าซื้อบ้านที่นั่นจริงๆ

“ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้เอง เพราะยังไงฉันก็ไม่เชื่อว่าเขาจะมี ปัญญาไปซื้อบ้านที่ดงเย็นได้” มีคนพูดขึ้นมา ส่วนคนที่เหลือ ก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับเขาไปตามๆ กัน

นานพอควร รถบัสขนาดกลางก็มาจอดที่หน้าประตูดงเย็น ญาติพี่น้องในตระกูลฉัตรมงคลต่างลงจากรถ

รพีพงษ์กำลังรออยู่บริเวณด้านหน้าของหมู่บ้าน พอเห็นว่า คนในตระกูลฉัตรมงคลเดินลงมาแล้ว ก็เดินเข้าไปหาทันที

อารียาเห็น รพีพงษ์ก็อุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย เธอเดินไปหยุด

ด้านหน้าของรพีพงษ์จากนั้นก็พูดอย่างน้อยใจ “คนพวกนี้เกิน เยียวยาเหลือเกิน ไม่มีใครเชื่อเลยว่าคุณซื้อบ้านที่นี่” รพีพงษ์ได้แต่ยิ้มให้ แล้วพูดออกมา “เชื่อหรือไม่เชื่อไม่ใช่

อาศัยแค่ลมปากพ่นออกมา เดี๋ยวเข้าไป พวกเขาก็เงียบปาก

เองแหละ”

อารียาพยักหน้าให้ การมีรพีพงษ์อยู่ด้วยนั้น มันทำให้จิตใจ ของเธอสงบลงขึ้นมาก นี่แหละเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ ตนเองรู้สึกว่าไม่สามารถห่างไปจากรพีพงษ์ได้

“รพีพงษ์นี่แกกำลังทำบ้าอะไรอยู่ ไม่ใช่บอกว่าจะพาพวก เราไปดูบ้านที่แกซื้อไม่ใช่เหรอ พาพวกเรามาที่นี่ทำไม”ชรินทร์ทิพย์ถาม

“แกอย่าพูดนะว่าแกพาพวกเรามาดูด้านนอกบริเวณรอบๆ ของดงเย็นสักรอบหนึ่ง งั้นพวกเราก็จะกลับเดี่ยวนี้” คิมหัตต์ อ้าปากพูด

รพีพงษ์ยิ้มให้ทุกคน จากนั้นก็เอ่ยขึ้น “บ้านที่ผมซื้ออยู่ใน

หมู่บ้านนี่แหละ เราเข้าไปดูด้วยกันเถอะ”

เมื่อได้ยินในสิ่งที่ รพีพงษ์พูดออกมา ทุกคนต่างมีสีหน้าไม่ เชื่อเขา

“แกประสาทหลอนเหรอไง ราคาบ้านของดงเย็นแพงหูฉี ขนาดนี้ แกพูดว่าซื้อก็จะซื้อได้งั้นสิ”ชรินทร์ทิพย์โมโหจัด

“รพีพงษ์แกอย่าทำให้เราสองคนขายหน้าอีกเลย ตั้งแต่แก มาที่บ้านฉัน ยังทำให้เราขายหน้าไม่พอเหรอไง วันนี้แกถึงได้ สร้างเรื่องอะไรขึ้นมาอีก”ศศินัดดาพูดด้วยความโมโห

“ดงเย็นไม่ใช่ว่าพูดจะเข้าก็เข้าไปได้ ยามรักษาความ ปลอดภัยของที่นี่เป็นคนอีกระดับ พวกเราขนคนเข้าไปด้าน ในเยอะขนาดนี้ ไม่แน่นะถูกคนเขาจับเอาไว้” ธายุกรพูดไปก็ ยิ้มไป

ทุกคนต่างตกใจ และก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เริ่มพูดว่าการที่ รพีพงษ์พาพวกเขามาที่นี่ ก็เพื่อจะกลั่นแกล้งคนคิดไม่ดีกับ

พวกเขา

“รพีพงษ์จงใจใช่ไหม ให้พวกเราเอาคนพากันมาที่นี่ตั้ง เยอะแยะ เดี๋ยวพอเดินเข้าไปกับเขา ถึงเวลานั้นก็ถูกจับตัว เขาถึงได้สบายใจได้”

“พูดถูก ฉันว่าปกติเขารู้สึกน้อยใจอยู่ตลอดเวลา ถึงได้คิดยืมมือของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของดงเย็น มา ลงโทษพวกเรานะสิ”

เมื่อศศินัดดาได้ยินที่คนอื่นพูดออกมา เลยรีบเดินไปยืน ตรงหน้ารพีพงษ์ทันที แล้วถามตรงๆ “แกมีความคิดที่ไม่ดีอยู่ ใช่ไหม ถึงได้หลอกพวกเราให้มาที่ดงเย็นนี่ได้ ตกลงว่าแกคิด จะทำอะไร”

“ผมไม่ได้หลอก ผมซื้อบ้านอยู่ในนี้” รพีพงษ์พูด เขาถึงหมดคำพูดกับคนพวกนี้ที่คิดเองเออเอง พอเห็นบ้าน แล้วยังจะจินตนาการได้อย่างเลิศล้ำไปอีก

“พวกแกรีบมาเร็ว ด้านนั้นมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เดินออกมากลุ่มหนึ่ง คงไม่ได้มาจับพวกเราใช่ไหม” แม่ของ ชรินทร์ทิพย์ชี้มือไปทางด้านในของดงเย็น

ทางด้านนั้นมีแถวยามรักษาความปลอดภัยเดินมุ่งหน้ามา

ทางประตูจริงๆ

“เรารีบกลับไปกันเถอะ คนเยอะแยะมายืนออกันที่ปาก ประตูของหมู่บ้าน คนอื่นเขาต้องมาไล่เราไปแน่ เดี๋ยวถ้าถูก จับแล้วยัดข้อหาให้ความก่อกวนคนในหมู่บ้านเข้า ถูกจับขึ้น มาเดี่ยวก็เกิดปัญหากันยกใหญ่” คิมหัตต์อ้าปากพูด

อารียาเองก็ยังสงสัยเลยหันไปมองรพีพงษ์อยู่แวบหนึ่ง ไม่รู้ ว่าเพราะอะไรทำไมถึงมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดิน ออกมามากมายขนาดนั้น

รพีพงษ์ยิ้มให้ จากนั้นก็พูดขึ้นมา “ไม่มีอะไรหรอก เจ้า หน้าที่รักษาความปลอดภัย พวกนั้นมาต้อนรับ”

ไม่นานรพีพงษ์ก็ไปทักทายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของดงเย็น พร้อมทั้งบอกว่าเดี่ยวจะมีญาติไปเยี่ยมบ้าน

พอเจ้าหน้าที่รู้ว่ารพีพงษ์เป็นหนึ่งในสิบคนที่ซื้อบ้านที่แพง ที่สุดในหมู่บ้าน จึงรีบตั้งแถวต้อนรับญาติของรพีพงษ์ทันที เพื่อทำให้พวกเขารู้สึกว่าอบอุ่นใจยามเมื่ออยู่ในหมู่บ้านดง เย็น

รพีพงษ์บอกว่าไม่ต้องทำอย่างนั้น แต่ว่าหัวหน้าฝ่ายรักษา ความปลอดภัยไม่ยินยอมเหมือนว่าไม่ให้ความเคารพกับรพี พงษ์ ยังคงยืนกรานว่าให้คนของเขาเข้าแถวต้อนรับ

รพีพงษ์ไม่สามารถขัดขวางความมีน้ำใจของหัวหน้ายามฯ

ของฝ่ายรักษาความปลอดภัยไว้ได้ เลยยอมตกลง

ยามรักษาการณ์ของหมู่บ้านดงเย็นต่างผ่านอบรมพร้อมทั้ง คัดสรรคนมาเป็นอย่างดี มีคนจำนวนไม่น้อยที่เคยเป็นทหาร แล้วปลดประจำการออกมา ดังนั้นเลยตั้งแถวได้สวยงามมาก

กลุ่มยามฯ ที่พอเดินมาถึงหน้าประตู ก็จัดแถวสองแถว

อย่างรวดเร็ว แล้วก็ยืนด้านข้างสองฝั่งถนนอย่างเป็นระเบียบ

เรียบร้อย ยืนตรงอกผายไหล่ผึ่ง ญาติพี่น้องในตระกูลฉัตรมงคลเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รักษา ความปลอดภัย พวกนี้ก็เกิดความสงสัยขึ้นมา รู้สึกว่าเหมือน

พวกเขาไม่ได้ออกมาจับคน

“คนพวกนี้มาทำอะไร ทำไมถึงได้ยืนเข้าแถวสองแถวอยู่ หน้าประตูล่ะ หรือว่าพอพวกเราเข้าไป พวกเขาจะจับพวกเรา ทันที”

“ไม่น่าจะใช่ ถึงแม้ว่าไม่ใช่หมู่บ้านเล็กๆ นี่ พวกเขาก็ไม่มี สิทธิ์ที่จะออกมาจับใครสุ่มสี่สุ่มห้าใช่มั้ย”
รพีพงษ์เห็นว่ามีคนอยู่กลุ่มหนึ่งไม่ยอมเดินเข้ามา เลยพูด อธิบายไปว่า “พวกเขาออกมาตั้งแถวต้อนรับ ตอนนี้ก็เป็น สังคมที่ใช้กฎหมายที่ถูกต้อง แล้วอยู่ดีๆ จะมาจับคนมั่วซชั่วได้ ไง ถึงแม้ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของดงเย็นก็ตาม ก็มีสิทธิ์แค่ดูแล ความปลอดภัยในตัวหมู่บ้านเท่านั้นเอง”

คนกลุ่มนั้นเมื่อได้ยินในสิ่งที่รพีพงษ์พูดออกมา สีหน้าก็ ดูถูกดูแคลนขึ้นมาทันที

“พูดโม้ไปเรื่อยหน้าด้านไม่อายเลยจริงๆ แกคิดว่าแกเป็น ใคร ถึงให้คนที่ดงเย็นออกมาตั้งแถวต้อนรับ”ชรินทร์ทิพย์เบะ ปากพูด

“ฮ่าๆ รพีพงษ์คงทำตัวกระจอกนานเกินไป คงคิดว่าตัวเอง เป็นไปแล้ว เลยคิดว่าที่เจ้าหน้าที่ ออกมา นั้นมาต้อนรับเขา”

“รพีพงษ์แกหยุดทำให้ฉันขายหน้าสักทีเถอะ เขาไม่มาจับ

แกก็ดีแค่ไหนแล้ว! แถมยังพูดว่าตั้งแถวต้อนรับแกอีก แล้ว

ทำไมแกไม่ลอยขึ้นฟ้าไปเลยล่ะ” สีหน้าของศศินัดดามีแต่

ความเกลียดชังจ้องมองมาที่รพีพงษ์

รพีพงษ์เห็นว่าไม่มีคนเชื่อเขาเลย ถึงกับสายศีรษะไปมา แทน แล้วหันไปหาอารียาพร้อมเอ่ยปากถาม “คุณเชื่อผมไหม เนี่ย”

อารียาลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ว่าก็ยังพยักหน้าให้เขา

สีหน้าของรพีพงษ์มีแต่รอยยิ้มอิ่มเอมใจ จากนั้นก็ดึงมือของ อารียาแล้วพาเธอเดินเข้าไปด้านใน

ศศินัดดาอยากจะเข้าไปห้ามเอาไว้ซะก่อน เพราะว่าอารียา เป็นลูกสาวของเธอ เธอไม่อยากให้รพีพงษ์ทำร้ายลูกสาวตนเอง

แต่ว่าเธอก็ยังกลัวว่ายามฯ พวกนั้นจะจับเธอด้วย ดังนั้นเลย ลังเลอยู่สักพัก เลยยังไม่ได้เดินเข้าไป

รพีพงษ์พาอารียาเดินไปถึงประตู เดินไปตรงกลางระหว่าง เจ้าหน้าที่พวกนั้น

เวลานั้นเองเจ้าหน้าที่ทุกคนโค้งคำนับให้อย่างพร้อมเพรียง กัน พร้อมทั้งตะโกนบอกกับรพีพงษ์และอารียาว่า”ยินดี ต้อนรับกลับบ้าน!”

อารียาตกใจทันที แต่ว่าก็ตั้งสติได้เร็ว พร้อมทั้งส่งสายตา ไปให้รพีพงษ์อย่างชื่นชม

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนั้น ยังตั้งใจออกมาตั้ง แถวต้อนรับพวกเขาจริงๆ

ทำไมรพีพงษ์ถึงทำแบบนั้นได้นะลูกบ้านของดงเย็นมีตั้ง มากมาย ไม่มีทางที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้จะ ออกมาตั้งแถวต้อนรับกันทุกคนแบบนี้มั้ง

นั่นก็หมายความว่ารพีพงษ์ต้องอยู่ในสถานะที่สำคัญเป็น

พิเศษของที่นี่

บรรดาญาติพี่น้องของตระกูลฉัตรมงคลที่มากันตั้งไกล ใน เวลานี้ต่างอ้าปากค้าง ครอบครัวของคิมหัตต์และศศินัดดา กับศักดาอีกหลายคน อ้าปากค้างจนเหมือนว่าคางจะหล่นไป อยู่ที่พื้นแล้ว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน