พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 123

บทที่ 123

บทที่ 123 ศศินัดดาโดนตบ

เมื่อรพีพงษ์เห็นว่าอารียาอยากไปกับเขา ในใจรู้สึกตื้น ต้นมาก เขาหยิบมาแค่รูปคู่กับอารียา ส่วนของที่เหลือไม่ ได้เอามา

“เราไปกันเถอะ”รพีพงษ์พูด

อารียาพยักหน้าอย่างแน่วแน่ แล้วทั้งสองก็เดินออกจาก วิลล่าไป

ศศินัดดาคิดไม่ถึงว่าอารียาจะไปกับรพีพงษ์ เธอจึงรีบ ตะโกน “ลูกแม่ จะไปทำไม วิลล่าหลังนี้เป็นของเราแล้ว แก ยังจะไปกับเจ้าเศษขยะนั่นทำไม เขามันก็แค่แมงดาเกาะผู้ หญิงกิน!

อารียาไม่สนใจแม่ของเธอ ออกไปโดยที่ไม่หันกลับไป

มอง

ทั้งคู่ออกมาจากวิลล่าแล้ว อารียาถามอย่างโมโห:”แม่ฉัน ทำเกินไปจริงๆ อีกอย่างทำไมคุณถึงต้องโอนวิลล่าให้แม่ ด้วย? ”

รพีพงษ์ยิ้มอย่างจำใจ แล้วพูดขึ้น:”แม่บอกให้โอนวิลล่า ให้แม่ จากนั้นจะไม่ยุ่งเรื่องของเราอีก”

“เห้อ คุณเชื่อคำพูดคนอย่างแม่ฉันได้ยังไง เธอชอบไม่

คิดถึงผลระยะยาวมาตลอด”อารียาพูดอย่างร้อนใจ

“ช่างมันเถอะ ยังไงมันก็แค่วิลล่าหลังหนึ่ง ให้ก็ให้เถอะ ผมแม่แค่คุณก็พอแล้ว”รพีพงษ์พูดพลางยิ้ม
“งั้นวันนี้พวกเราจะไปไหน? “อารียาถาม

รพีพงษ์คิดว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านเก่าสัก2-3วัน แต่เขากับ อารียาก็ไม่มีกุญแจ ดังนั้นรพีพงษ์จึงเสนอให้ไปนอนโรง แรมชั่วคราว

“ไม่นานหรอก เดี๋ยวแม่คุณก็ต้องเสียใจที่ไล่ผมออกมา

เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราคงได้กลับไป ช่วงนี้พักที่โรงแรมไป

ก่อนแล้วกันนะ”รพีพงษ์พูดและยิ้มเบาๆ

“คุณรู้ได้ยังไงว่าแม่ฉันจะเสียใจ? คุณโอนวิลล่าให้เธอ แล้วนะ”อารียาถามด้วยความสงสัย

รพีพงษ์พูดขึ้น:”วันนี้เป็นวันจ่ายค่าสินทรัพย์และค่า จัดการชุมชน”

“ต้องจ่ายเยอะงั้นเหรอ? “อารียาถาม

“ไม่เท่าไหร่ แต่ผมขอให้ทางชุมชนจัดการต้นไม้ให้เขียว ชอุ่มทั้งปี และให้จัดคนดูแลสวนมา ตกเดือนหนึ่งก็ ประมาณหนึ่งแสน”รพีพงษ์ตอบอย่างไม่แยแส

อารียาได้ยินรพีพงษ์พูดเช่นนี้ รู้สึกหายใจไม่สะดวกขึ้น มาทันที เธอไม่คิดว่าวิลล่าที่ราคาก็แพงอยู่แล้ว ยังจะต้อง จ่ายค่าอะไรมากมายต่อเดือนอีก

ถ้าศศินัดดารู้เรื่องนี้ คง ไม่ให้รพีพงษ์โอนวิลล่าให้แน่ๆ และไม่มีทางไล่รพีพงษ์ออกมาแน่นอน

เดือนละ1แสน อย่าว่าแต่ศศินัดดากับศักดาเลย สำหรับ อารียาแล้วเธอคงจ่ายไม่ไหวเช่นกัน
แต่ตอนนี้เธอไม่อยากสนใจศศินัดดาแล้ว เมื่อถึงตอนที่ คนมาเก็บค่าสินทรัพย์ ก็ให้แม่ของเธอจัดการเองเถอะ

ณ ประตูวิลล่า ศศินัดดาเห็นอารียาออกไปกับรพีพงษ์ เธอก็โมโหมาก “เหอะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพวกแกที่อยู่วิลล่าจนชิน จะไป

อยู่ข้างนอกได้ ไม่ช้าก็เร็วพวกแกก็ต้องกลับมาขอร้อง

ฉัน! “ศศินัดดาพูดอย่างมั่นใจ

ขณะนั้นเอง มีผู้ชายใส่ชุดสูทเดินมายังประตูวิลล่า มอง ศศินัดดาและศักดาอย่างนอบน้อม

“ขอโทษนะครับ คุณทั้งสองเป็นเจ้าของบ้านหลังนี่ใช่ ไหม? “ชายคนนั้นถามขึ้น

ศศินัดดาพยักหน้าและพูด :”ฉันเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ มี อะไรงั้นเหรอ? ”

“คืออย่างนี้นะครับ ผมเป็นฝ่ายสินทรัพย์ ถึงงวดที่ต้อง จ่ายค่าสินทรัพย์แล้วครับ “ชายคนนั้นพูด

ศศินัดดาคิดในใจว่าที่แท้ก็เป็นฝ่ายสินทรัพย์ แค่ค่า สินทรัพย์คงไม่เยอะเท่าไหร่ ตอนนี้เธอเป็นถึงเจ้าของวิลล่า หลังใหญ่นี้ แค่ค่าสินทรัพย์จ่ายได้อยู่แล้ว

“เท่าไหร่ล่ะ ฉันจ่ายล่วงหน้าให้หลายเดือนก็ยังได้ แค่ค่า สินทรัพย์เล็กๆน้อยๆ ฉันไม่แคร์อยู่แล้ว เราอยู่วิลล่าหลัง ใหญ่ขนาดนี้ คงไม่ขาดเงินหรอก คุณคงเข้าใจ? “ศศิ นัดดาแสร้งพูด

ฝ่ายสินทรัพย์คนนั้นยิ้มออกมาทันที แล้วพูดอย่างประจบประแจง:”คุณพูดถูกครับ ค่าสินทรัพย์ของคุณ บวกกับค่า จัดการชุมชน และบวกกับค่าดูแลต้นไม้ ดูแลสวน เปลี่ยน พืชต่างๆ ทั้งหมด1แสนต่อเดือน คุณจะจ่ายล่วงหน้ากี่เดือน ดี? หรือจะจ่ายครบ1ปีไปเลย? ”

เมื่อครู่ศศินัดดายังมีชีวิตชีวาอยู่ แต่เมื่อได้ยินฝ่าย สินทรัพย์พูดราคาออกมา เธอก็ตะลึงไปเลย

ศักดาก็สั่นเทิ่มไปทั้งตัว เดือนละ1แสน เงินที่พวกเขาเก็บ มาทั้งชีวิตยังมีแค่ไม่กี่แสนเอง ค่าสินทรัพย์ที่นี่เดือน ละ1 แสนงั้นเหรอ?

เธอมองผู้ชายคนนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ พลางพูด ขึ้น:”คุณหลอกใครกัน ถึงเราจะอยู่วิลล่าก็ถูก แต่ค่า สินทรัพย์คงไม่ได้เยอะขนาดนี้หรอก? คุณคงไม่ได้มา หลอกเอาเงินใช่ไหม?

ฝ่ายสินทรัพย์คนนั้นเมื่อเห็นศศินัดดาหน้าเปลี่ยนสี ก็รู้ สึกแปลกๆ อยู่วิลล่าหลังใหญ่แบบนี้ ทำไมถึงยังแคร์กับแค่ เงิน1แสน “เมื่อครู่ผมอธิบายกับคุณไปชัดเจนแล้ว นอกจากค่า

สินทรัพย์ยังมีค่าทำสวนต่างๆยิบย่อย นี่เป็นสิ่งที่คุณ

ร้องขอมานี่ครับ ตอนนี้คงจะไม่ใช่ไม่จ่ายเงินหรอกนะ?

“คนที่อยู่ที่นี่อย่างคุณ คงไม่สนใจเงินเล็กๆน้อยๆนี่

หรอก?

ฝ่ายสินทรัพย์มองศศินัดดาอย่างจริงจัง ศศินัดดาใจฝ่อขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันศศินัดดาก็ด่ารพีพงษ์ในใจ ทำไมเขาถึงทำเรื่องไร้ประโยชน์พวกนี้ ตอน นี้เธอยังจะต้องมาจ่ายเงินแทนรพีพงษ์อีก

ศักดาพูดข้างๆหูศศินัดดา”เราให้รพีพงษ์กลับมาดีไหม เราเอาเงินจากไหนมาจ่ายค่าสินทรัพย์ ที่แสนจะแพงนี้ได้ ล่ะ”

ศศินัดดาถลึงตาใส่เขา จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาอารียา

“อารี แกรีบกลับมาเถอะ เจ้ารพีพงษ์คนนี้ ตอนโอนบ้าน ไม่บอกฉันให้ชัดเจน ว่าค่าสินทรัพย์ของวิลล่าหลังนี้มัน แพงขนาดนี้ ถ้าฉันรู้คงไม่ให้เขาโอนให้หรอก”

“แกรีบให้รพีพงษ์กลับมาเลยนะ ให้เขาจ่ายค่าสินทรัพย์ ล่วงหน้าสัก10ปีแล้วค่อยไป”

อารียาได้ยินสิ่งที่ศศินัดดาพูด ก็ขมวดคิ้วพลางถามขึ้น ทันที :”เรื่องค่าสินทรัพย์แม่หาทางเอาเองเถอะ ตอนนี้วิลล่า เป็นของแม่แล้วนี่ รพีพงษ์ไม่จำเป็นต้องมาจ่ายแทนแม่”

พูดจบอารียาก็วางสายไป

ศศินัดดาโทรหาอารียาอีกหลายสาย แต่อารียาไม่รับ เธอจึงโมโหขึ้นมาทันที ค่าสินทรัพย์เดือนละ1แสนนี้ คิด

ดูแล้วน่ากลัวมาก “ขอโทษนะครับ จ่ายค่าสินทรัพย์ของเดือนนี้ด้วย ถ้าไม่ อย่างนั้นเราจะตัดน้ำตัดไฟวิลล่าหลังนี้”ฝ่ายสินทรัพย์พูด

ขึ้น กิริยาแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
ศศินัดดากัดฟันกรอดๆ เธอเอาเงินเก็บของตัวเองที่มีอยู่ ไม่กี่แสน มาจ่ายให้ฝ่ายสินทรัพย์ไป1แสน

ฝ่ายสินทรัพย์จึงกลับไป

“มันไม่ใช่วิธีที่ดีเลยนะ เดือนนี้1แสน พอเดือนถัดไปเรา จะทำยังไง”ศักดาพูดด้วยใบหน้าอมทุกข์

ศศินัดดาแสดงใบหน้าคับแค้นใจออกมา พลางพูด :”ฉัน ไม่เชื่อว่าอารีจะอยู่ด้านนอก กับเจ้าเศษขยะนั่นไปได้ ตลอด พวกเขาอยู่ด้านนอกได้ไม่กี่วันหรอก เดี่ยวทนไม่ได้ แล้วก็กลับมาเอง เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะให้รพีพงษ์คืน เงิน1แสนนี้ให้ฉันแน่นอน”

ศักดาเห็นศศินัดดาไม่มีทางออกแล้วจริงๆ เขาทำได้แค่ ส่ายหน้าแล้วเดินเข้าวิลล่าไป

กลางคืนในวันเดียวกัน รพีพงษ์กับอารียาไปพักที่โรงแรม

ตอนนอนรพีพงษ์คิดแล้วคิดอีก ว่าจะซื้อวิลล่าใหม่อีกหลัง

หนึ่งดีไหม แบบนี้ก็ดีไม่น้อย

ตอนที่เขาบอกความคิดนี้กับอารียา อารียาอ้าปากค้าง อีกนิดคางก็จะร่วงลงบนพื้นแล้ว

เธอไม่รู้ว่ารพีพงษ์มีเงินเท่าไหร่กันแน่ ถึงได้อยากซื้อ วิลล่าเพิ่มอีกหลัง

แต่ไม่ว่ารพีพงษ์จะมีเงินมากน้อยแค่ไหน อารียาก็ไม่ อยากให้รพีพงษ์ซื้อวิลล่าอีก นี่แค่มีวิลล่าหลังเดียวก็มีเรื่อง มากมายขนาดนี้ ถ้ามีอีกหลังคงมีเรื่องเพิ่มมาอีกเยอะแน่ๆ

เธอเข้าใจศศินัดดาดี รอให้ศศินัดดาทนไม่ได้ เธอก็จะมาร้องไห้อ้อนวอนให้พวกเขากลับไปเอง

ตอนเช้าของวันที่2 ศักดาออกไปเล่นไพ่ ศศินัดดานั่งใน ห้องรับแขกคนเดียว ปากก็บ่นไม่หยุดว่ายังไงอารียากับ รพีพงษ์ต้องกลับมาแน่นอน

“วิลล่าของฉันดีขนาดนี้ พวกเขาคงมาข้อร้องฉันในไม่ช้า เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะให้รพีพงษ์จ่ายให้ฉันไล้านเลย ไม่เช่น นั้นฉันจะไม่ให้เขาเข้าบ้าน”

ในขณะนั้นเสียงกริ่งประตูด้านนอกวิลล่าดังขึ้น ศศินัดดา ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ในใจคิดว่าต้องเป็นรพีพงษ์ที่กลับ มาขอร้องให้ฉันยกโทษให้แน่ๆ

เธอรีบเดินไปที่ประตู แล้วเปิดประตูออก แต่ขณะที่กำลัง จะพูด ก็เห็นว่าคนที่ยืนอยู่นั้นไม่ใช่รพีพงษ์ เธออึ้งไปทันที

คนที่ยืนอยู่ที่ประตูเป็นคนแต่งตัวดี ใส่เสื้อผ้าแบรนด์ ต่างประเทศทั้งตัว ใส่แว่นกันแดดสีดำ เป็นผู้หญิงมีคลาส ในมือถือกระเป๋าLVรุ่นฮิต

ด้านหลังของเธอมีบอดี้การ์ดร่างกำยำ4คน สวมสูทระ ดับไฮเอนด์ ดูแล้วสง่าผ่าเผยมาก

และมีรถฮัมเมอร์จอดอยู่ตรงประตูวิลล่า

“คุณมาหาใคร? “ศศินัดดาไม่เคยเจอคนคนนี้มาก่อน และเมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่าย เธอตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

“ฉันมาหารพีพงษ์ ไปเรียกเขาออกมาหน่อย”ผู้หญิงคน

นั้นพูด
“เธอมาหารพีพงษ์ทำไม? เจ้าเศษขยะคนนั้นโดนฉันไล่ ออกจากบ้านไปแล้ว พวกเธอรีบออกไปเถอะ”ศศินัดดาพูด อย่างไม่พอใจ

เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินสิ่งที่ศศินัดดาพูด เธอไม่พูดพร่ำ ทำเพลง ยกมือขึ้นตบศศินัดดาไปหนึ่งฉาด

เพี้ยะ!

เสียงตบดังกึกก้อง หน้าของศศินัดดาเป็นรอยมือตบแดง

เถือก

ศศินัดดาคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะกล้าตบเธอ อย่างฉับ พลันแบบนี้

“นังผู้หญิงสารเลว….”

เธอยังพูดไม่ทันจบ บอดี้การ์ดทั้ง4ของผู้หญิงคนนั้นก็ เข้ามาขวาง ทำท่าจะทำร้ายศศินัดดา

ศศินัดดาตกใจจนรีบหุบปาก

“ถึงรพีพงษ์จะไร้ประโยชน์ยังไง แต่ก็ไม่ใช่พวกดูถูก ตัดสินคนอื่นมั่วซั่วอย่างคุณ จากนี้ไปพูดให้มันดีๆหน่อย ไม่งั้นละก็ อย่าคิดว่าคุณจะได้พูดอีกเลย”ผู้หญิงคนนั้นพูด อย่างเยือกเย็น

เธอพูดสบประมาทอย่างผู้ดี นอกจากคนที่อยู่ในตระกูล ชั้นสูง คงไม่มีใครที่มีท่าทางแบบนี้

ศศินัดดาตกใจจนรีบพยักหน้า หล่อนมีบอดี้การ์ดตั้ง4คน ศศินัดดาไม่กล้าพูดอะไรแน่นอน ทำได้เพียงเก็บความโกรธนี้ไว้

ผู้หญิงคนนั้นส่งกระดาษให้ศศินัดดา พลางพูด”ถ้ารพี พงษ์กลับมาแล้ว มอบสิ่งนี้ให้เขา ให้เขาไปพบฉันที่นี่ ถ้า เขาไม่ไปละก็ คุณจบไม่สวยแน่”

ศศินัดดารับมาแล้วรีบพยักหน้า พลางพูดขึ้น “เข้าใจ แล้วๆ”

ผู้หญิงคนนั้นพูดจบก็เดินออกไป

ศศินัดดากลุ้มใจมาก เธอไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน อีก ทั้งยังโดนตบไปฉาดหนึ่ง ความโกรธในใจคงทำได้แค่ ระบายกับรพีพงษ์

“รพีพงษ์คนนี้ควรตายจริงๆ คงไปก่อเรื่องอะไรมาจนเขา มาหาถึงบ้าน ไอ้ตัวซวย ตัวเองเป็นคนก่อเรื่องเองแท้ๆ ฉัน ยังต้องมาซวยไปด้วย”

เธอบ่นพึมพำเดินเข้าวิลล่าไป จับหน้าตัวเองอย่าง ระมัดระวัง มันเจ็บไปหมด

จากนั้นเธอก็โทรหาอารียาด่ารพีพงษ์ไปครู่หนึ่ง แล้วให้ รพีพงษ์กลับมาขอโทษตน

ขณะนั้นเอง เสียงกริ่งของประตูวิลล่าดังขึ้นอีกครั้ง

ศศินัดดาใจหายวาบ พลางคิดในใจ คงไม่ใช่ผู้หญิงคน นั้นกลับมาอีกรีบหรอกนะ?

เธอรีบยืนขึ้นแล้วเดินไปยังประตู และเปิดอย่าง ระมัดระวัง พบว่ามีผู้ชาย2คนยืนอยู่
แขนของผู้ชายคนหนึ่งใส่เฝือกทั้งสองข้าง ราวกับคนตก ที่นั่งลำบาก

เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ผู้หญิงคนเมื่อครู่ ศศินัดดาก็โล่งอกขึ้นมา หน่อย เธอมองผู้ชายทั้ง2คนอย่างไม่พอใจ พลางถาม ขึ้น:”พวกคุณต้องการอะไร? ”

“บอกให้รพีพงษ์ออกมาเดี่ยวนี้ “ผู้ชายที่ใส่เฝือกมา ได้2วัน พูดอย่างเดือดดาล

คนคนนี้คือเลปกรที่โดนรพีพงษ์ทำร้าย จนแขนหักทั้ง สองข้างเมื่อ2วันก่อน

ส่วนคนที่ยืนข้างเขาคือคุณชายของตระกูลกุลสวัสดิ์

กุมุท

“มาหารพีพงษ์อีกแล้ว เจ้ารพีพงษ์คนนี้ไปก่อเรื่องด้าน นอกอะไรไว้บ้างเนี่ย พวกคุณไสหัวออกไป รพีพงษ์ไม่ได้ อยู่ที่นี่ ถ้าจะหาเขาก็ไปหาที่อื่น”ศศินัดดาพูดอย่างไม่ เกรงใจ

เธอรู้สึกว่าผู้ชาย2คนนี้ ไม่ได้ร้ายกาจเท่าผู้หญิงคนเมื่อ ครู่ ยังไงซะพวกเขาก็ไม่มีบอดี้การ์ด ส่วนอีกคนก็พิการ

เมื่อกุมุทได้ยินศศินัดดาบอกให้ไสหัวไป สีหน้าก็เปลี่ยน เป็นดูไม่ดีขึ้นมาทันที เขาคุณชายของตระกูลกุลสวัสดิ์ ไม่ เคยมีใครทำกับเขาแบบนี้มาก่อน

ดังนั้นเขาจึงยกมือขึ้น ตบลงไปบนหน้าของศศินัดดา “ให้ตายเถอะ นังผู้หญิงบ้านี่เป็นใครกัน แถมยังกล้าให้

ฉันไสหัวออกไป? อยากตายงั้นเหรอ? ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท