พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่119

บทที่119

บทที่119 ชรินทร์ทิพย์ถูกตบหน้า

รพีพงษ์หันหน้าไปมองอารียาทันที และไม่รู้สึก ถึงความผิดปกติใดๆ

เขารู้ว่าหน้าของอารียาแดงเพราะคำพูดของ ชุติเทพในเมื่อสักครู่ ทว่า โดยปกติที่อารียาหน้า แดงก็เป็นแบบนี้แหละ

“ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ?” รพีพงษ์เอ่ยถาม

“คุณดูสีหน้าของเธอสิ ภายใต้ผิวสีแดงแสดง ให้เห็นถึงความต้องการที่จะเป็นอิสระ เกรงว่า ร่างกายของเธอรอไม่ไหวตั้งนานแล้ว เสียดายที่ เธอไม่ได้รับสิ่งที่ควรได้รับ” เจสสิก้าพูดออกมา อย่างจริงจัง

ภายในใจของรพีพงษ์เหมือนกำลังพังทลาย หรือว่า ที่จริงแล้วอารียาต้องการมาโดยตลอด? ไม่เช่นนั้น ทำไมหน้าของอารียาแดงถึงเพียงนี้

ทุกครั้ง?

เขาคิดมาโดยตลอดว่าสีหน้าของอารียาเป็น แบบนี้ ตอนนั้นเขายังรู้สึกว่าสีหน้าที่แดงของอารียา ก็สวยดี ทำให้เขามีแรงกระตุ้นที่อยากจะทำผิด

ที่แท้อารียานั้นอดทนมาโดยตลอด
อารียารู้สึกทำอะไรไม่ถูก เธอไม่คิดว่าเจสสกา

จะสามารถมองทะลุความคิดของเธอได้ภายใน พริบตา ถ้ารู้แบบนี้ตั้งแต่แรก เธอก็ไม่มาพร้อมกับ รพีพงษ์แล้ว

ชุติเทพมองไปยังเจสสิก้า แล้วถามขึ้นว่า “เรื่อง พวกนี้คุณรู้ได้อย่างไร ผมไม่เคยสอนคุณมาก่อน”

บนในหน้าของเจสสิก้าแสดงความภาคภูมิใจ ออกมาเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นว่า “คุณจะรู้อะไร นี่มัน เป็นเซนส์ของผู้หญิง มีแค่ผู้หญิงที่สามารถดูออก ได้”

รพีพงษ์ พูดอะไรไม่ออก ที่แท้เจสสิก้าก็แค่พูด

มั่ว

“งั้นที่คุณรู้ว่าเธอเป็นแบบนี้ ก็แสดงว่า คุณก็ เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เช่นนั้นคุณจะสามารถ อธิบายอย่างชัดเจนแบบนี้ออกมาได้อย่างไร?” รพี พงษ์ถามกลับ

สีหน้าของเจสสิก้าก็แดงขึ้นมาทันที ไม่ค่อย ต่างจากสีหน้าของอารียาเลย

รพีพงษ์ หัวเราะออกมาทันที แล้วพูดขึ้นว่า “คุณดูตัวเองสิ สีหน้าของคุณแดงขนาดนี้ หรือว่า ภายในใจของคุณ ตอนนี้ก็กำลังคิดเรื่องพวกนี้ เหมือนกัน?”
เจสสิก้าถลึงตาใส่รพีพงษ์ จากนั้นก็รีบหนหลง แล้วเข้าไปข้างในทันที

ชุติเทพหัวเราะออกมาอย่างจนปัญญา รพีพงษ์ คงคิดว่าเจสสิก้ากำลังพูดเล่น แต่เขารู้ว่า ช่วงนี้เจส สิก้าต้องมาบ่นเรื่องของรพีพงษ์ข้างๆ หูของเขาทุก วันแน่นอน

ถึงแม้ปากของเจสสิก้าจะบอกว่ารพีพงษ์น่า เกลียดชัง ต้องบ่นถึงเขาทุกวัน ทว่า ชุติเทพรู้จักเจ สสิก้าดี เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้หวั่นไหวกับรพี พงษ์แล้ว

รพีพงษ์ ไม่ได้ตระหนักถึงปัญหานี้ ทำเพียงยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า “ผู้หญิงคนนี้อารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง จริงๆ พูดหยอกเล่นนิดหน่อยก็ไม่ได้”

“คุณอยากให้ผมไปดูอาการเมื่อไหร่?” ชุติเทพ เอ่ยถามขึ้น

“พรุ่งนี้” รพีพงษ์ตอบ

ชุติเทพ ก็ไม่มีความคิดเห็นใดๆ พอถามที่อยู่ที่ ชัดเจนกับรพีพงษ์แล้ว ก็บอกว่าพรุ่งนี้เขาจะไป อย่างแน่นอน

รพีพงษ์ ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น หลัง จากนั้นเขาก็พาอารียาจากไป

ระหว่างทางกลับบ้าน สีหน้าของอารียายังคงแดงก่ำ และชอบเหล่ไปมองรพีพงษ์อยู่บ่อยๆ ในใจ ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ทว่า รพีพงษ์ ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ เขาคิดว่า เจสสิก้าแค่กำลังพูดเล่น

วันต่อมา ณ วิลล่าตระกูลฉัตรมงคล

ธายุกับชรินทร์ทิพย์นั่งอยู่ในห้องรับแขก ญาติๆ ของตระกูลฉัตรมงคลก็ทยอยกันมาถึงแล้ว

“พี่ธายุ พี่คิดว่ารพีพงษ์จะสามารถพาหมอ เทวดาชุมาได้ไหม?” ชรินทร์ทิพย์ถามขึ้น

ธายุ หัวเราะออกมาทันที แล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ เธอไม่ต้องไปคิดมากหรอก เมื่อวานพี่ไปดูหมอ เทวดาชุทางนั้นมา วันนี้เขามีตรวจสามเคส ตาราง งานเต็มแล้ว และพี่ก็ยังลองเปิดประตูเข้าไปดู จน เกือบถูกสาวน้อยที่ร้อนแรงใช้มีดไล่ฟัน”

“พี่ไปที่นั่น พวกเขายังไม่ค่อยไว้หน้าเลย เศษ สวะอย่างรพีพงษ์ ก็น่าจะถูกพวกเขาไล่ฟันตายไป แล้ว ที่มันพูดว่าสามารถเชิญหมอเทวดาชุมาได้ ก็ 1 คงจะขี้โม้ และถ้าถึงเวลาจริงก็คงจะพาตัวปลอมมา หลอกพวกเรา”

หลังจากที่ชรินทร์ทิพย์ได้ยิน ก็หัวเราะแล้ว พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันก็คิดว่า แบบนั้นแหละ เศษสวะอย่างรพีพงษ์แบบนั้น จะเชิญหมอเทวดาชุมาได้อย่างไร”

ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน รพีพงษ์ และอารียาก็เดินเข้ามาในวิลล่า

คนรวมตัวกันทันที

ชรินทร์ทิพย์จ้องไปยังรพีพงษ์ แล้วพูดขึ้นด้วย ท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ว่า “รพีพงษ์ หมอเทวดาชุล่ะ แกบอกว่าจะเชิญหมอเทวดาชุมาไม่ใช่เหรอ ทำไม ตอนนี้มีแค่พวกแกสองคน?”

“เดี๋ยวหมอเทวดาชุจะตามมาทีหลัง” รพีพงษ์

พูดขึ้น

ทุกคนไม่เชื่อคำพูดของรพีพงษ์ ต่างก็รู้สึกว่า

เขากำลังโกหก

“ฉันว่าแกคงชอบโกหกจนติดเป็นนิสัยสินะหมอ เทวดาไปตรวจอาการให้คนอื่นแค่ปีละสามครั้ง และโควต้าสามครั้งนี้ใช้หมดไปนานแล้ว แกคิดว่า แกเป็นใคร หมอเทวดาชุถึงจะต้องยกเว้นให้แก?”

“ฮ่าๆ มันก็คงกำลังฝันกลางวันอยู่ ถ้าหมอ เทวดาชุจะออกตรวจเพื่อคนแบบนี้ พระอาทิตย์คง ขึ้นจากทิศตะวันตก”

“ไม่เช่นนั้นมันก็คงจะหาตัวปลอมมาแอบอ้าง” ธายุกรยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วมองไปยังรพีพงษ์จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “รพีพงษ์ ถ้าแกไม่สามารถเชญ หมอเทวดาชุมาได้ ก็พูดออกมาตรงๆ เถอะ ไม่ต้อง ทำให้ทุกคนเสียเวลา ชอบหลังจากนี้ไม่ว่ายังไง แก ก็จะถูกไล่ออกจากตระกูลฉัตรมงคลอยู่ดี”

“รู้จักท่าทีของแกแล้วคงไม่อยากให้ปูหายดีน่ะ สิธายุกร แกไม่อยากให้หมอเทวดามาใช่ไหม?” รพี พงษ์ยิ้มแล้วถาม

สีหน้าของธายุกรดูแย่ลงทันทีพูดด้วยน้ำเสียง ที่เย็นชา “ไม่ต้องมาพูดมั่วแถวนี้ ฉันก็หวังว่าอาการ ของปูจะดีขึ้น”

รพีพงษ์ แค่ยิ้มและไม่ได้พูดอะไร

“เฮอะ เสแสร้งต่อเถอะ วันนี้พวกเราจะรอเป็น เพื่อนทั้งวัน ถ้าวันนี้หมอเทวดาชุไม่ปรากฏพวกแกก็ ออกจากตระกูลไปเลย! ” ธายุกร กัดฟันแล้วพูด

รพีพงษ์และอารียา ไม่สนใจเค้าแล้วไปหาที่นั่ง

รอ

ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงเสียงกริ่งของวิลล่า ดังขึ้น อารียารีบเดินไปแล้วเปิดประตู พบว่าผู้มาคือ

ชุติเทพและเจสสิก้า

“หมอเทวดาชุมาแล้ว! “อารียาพูด คนที่อยู่ในห้องรับแขกลุกขึ้นทุกคนและมองไป

ทางประตู
พวกเขาต่างก็คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะหาชุต็เทพ มาได้

ชุติเทพและเจสสิก้าเดินไปทางวิลล่า ทั้งสองมี ความเยอะหญิงที่คนธรรมดาไม่มีไม่เหมือนที่ได้พบ เมื่อวานเลย

อารียาหันไปมองรพีพงษ์ ในใจคิดอยู่เพราะเค้า คงจะเป็นมิตรเฉพาะตอนที่อยู่หน้ารพีพงษ์มั้ง?

แต่รพีพงษ์ทำได้ยังไง?

หลังจากที่ชรินทร์ทิพย์และธายุกร ได้ยินคำ พูดของอารียาก็รีบเดินไปดู พอเห็นทางประตูมีคน เดินเข้ามาจริงๆ ต่างก็ตกใจ

ธายุกรมองไปทางเจสสิก้า จากนั้นสูดหายใจ เข้าลึกๆ เมื่อวานคนที่จะเอามีดฟันเขาก็คือเจสสิก้า คนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็คงจะเป็นชุติเทพ

เค้าหันไปมองรพีพงษ์ ในใจคิดอยู่ว่ารพีพงษ์ใช้ วิธีไหนถึงจะเชิญชุติเทพมาได้ เมื่อวานตอนที่เค้า ไปเกือบโดนฟันตาย

ชรินทร์ทิพย์ มองไปทางทั้งสองด้วยสีหน้าที่น่า สงสัย รู้สึกว่าสองคนนี้เป็นคนที่รพีพงษ์เรียกมา หรอกเพราะเขา
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้ว่าหน้าตาของชุติเทพ เป็นยังไง หลังจากที่ชุติเทพมาถึงก็รีบ ไปต้อนรับ อย่างเคารพ

“หมอเทวดาชุ คุณยอมมาที่นี่เป็นบุญวาสนา ของตระกูลเราจริงๆ”

“ใช่ รีบชงชาให้หมอเทวดาชู

“ไปชงให้หมอหน่อย”

ทุกคนเริ่มเดินไปพูดคุยเพื่อจะให้ภาพที่ดีแก่ ชุติเทพ ต่อไปมีปัญหาจะได้ไปให้ชุติเทพช่วย

ไม่ว่าสมัยไหน คนแบบไหน ก็จะไม่มีทางไป

เป็นศัตรูกับหมอเทวดา

ชรินทร์ทิพย์ เห็นทุกคนไปต้อนรับ บนใบหน้าก็

ปรากฏความพอใจ

เดี๋ยวจองไปทางชุติเทพและเจสสิก้า “สองคนนี้ ไม่เหมือนหมอเทวดาเลย อาจจะเป็นพวกต้มตุ๋นที่ รพีพงษ์หามาไม่ต้องถูกเขาหลอก”

ทุกคนได้ยินคำพูดของชรินทร์ทิพย์ต่างก็ ตกใจกันหมด นี่เป็นตัวจริงนะ จะเป็นพวกต้มตุ๋นได้ ยังไง

ธายุกร ขมวดคิ้ว เขาก็แค่ล้อเล่นกับชรินทร์ ทิพย์ไม่คิดว่าหล่อนจะจริงจัง
โง่จริงๆ เลย

หลังจากที่เจสสิก้าได้ยินคำพูดของชรินทร์ ทิพย์ ก็จิกตาไปทางชรินทร์ทิพย์ จากนั้นก็เดินไป ตรงหน้าของหล่อนและตบไปที่หน้าของหล่อน

เพีย!

ชรินทร์ทิพย์อึ้งไปเลย ใครจะคิดว่าจะมีผู้หญิง ที่อายุน้อยกว่าเธอจะแรงขนาดนี้ ไม่มีความลังเล แม้แต่น้อย

“เธอทำอะไร! เธอรู้มั้ยฉันคือใคร เธอกล้าตบ ฉันหรอพี่ธายุ รีบไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไป” ชรินทร์ ทิพย์โกรธ

“เฮอะ กล้าบอกว่าอาจารย์ฉันคือพวกต้มตุ๋น นี คือปฏิกิริยาการหาหมอของครอบครัวเธอหรอ?” เจ สสิก้า พูดดำน้ำเสียงที่เยือกเย็น

บนใบหน้าของธายุกร เต็มไปด้วยความหน้า แตก รีบเดินไปตรงหน้าของชรินทร์ทิพย์และทำ หน้าทำตาให้เธอ จากนั้นมองไปทางเจสสิก้า “ขอ โทษจริงๆ น้องสาวของฉันไม่เคยเข้าสังคม หวังว่า ทั้งสองจะไม่โกรธ ต้องขอโทษแทนน้องสาวด้วย”

ชรินทร์ทิพย์อึ้งไปสักแป๊บ ทำไมธายุกร เคารพ สองคนนี้ขนาดนั้น เมื่อกี้ผู้หญิงคนนี้ตบหน้าตัวเอง

นะ
“พี่ธายุ ทำไมต้องเคารพพวกเขาขนาดนั้น เป็น พวกต้มตุ๋นชัดๆ! ” ชรินทร์ทิพย์พูด

ญาติที่เหลือทนดูไม่ไหวไม่อยากจะเกี่ยวข้อง กับชรินทร์ทิพย์ก็เลยไปว่าชรินทร์ทิพย์

“เจน ทำไมไม่เคารพหมอเทวดาชุและลูกศิษย์ เขา เค้าเป็นคนที่มารักสาตัวคุณท่านนะ ถ้าทำให้ เขาโกรธเธอรับผิดชอบไหวหรอ?”

“รีบขอโทษหมอเทวดาชุ สะเพร่าจริงๆ เลย”

“เจนเอ้ยเจน ถ้าอาการของคุณท่านมีดีทุก อย่างก็จะลงโทษที่เธอนะ”

ชรินทร์ทิพย์ ไม่คิดว่าทุกคนจะมาว่าเธอ แต่ไม่มีใครคอยหนุนหลังเธอ เค้าก็ไม่กล้าพูด

อะไร

อารียาเห็นชรินทร์ทิพย์เสียเปรียบ ก็รู้สึกสะใจ

ปกติเธอรู้สึกว่าชรินทร์ทิพย์คือน้องสาวของ เธอก็เลยทำอะไรเธอไม่ได้ แต่เจสสิก้าไม่เห็น หล่อนอยู่ในสายตา หล่อนคือลูกศิษย์ของชุติเทพก็ ต้องมีความเย่อหยิ่งของตัวเอง ไม่ใช่คนอย่างชริน ทร์ทิพย์จะมารังแกได้

รพีพงษ์เดินไปตรงหน้าชุติเทพ “ขึ้นไปชั้นบนเถอะ”

ชุติเทพ พยักหน้าแล้วขึ้นไปชั้นบนพร้อม คนในตระกูลก็เริ่มเดินตามไป ชรินทร์ทิพย์ เอามือปิดหน้าตัวเอง โกรธแต่ไม่รู้

จะไปปลดปล่อยที่ไหน ก็เลยต้องเดินตามขึ้นไปชั้น

บน

เข้าไปในห้องของนภที่ ป์ หมอกำลังตรวจ สุขภาพให้นภทีปอยู่

ธายุกรรีบเดินไปพูด “ปู่หมอเทวดาชุมาแล้ว ปู่

รอดแล้ว! ”

นภทีปได้ยินคำพูดของธายุกร ก็ลุกขึ้นทันที

คนที่อยู่รอบข้างต่างก็ตกใจหมด ไม่คิดว่านภ ที่ป์ที่ป่วยหนักขนาดนี้แล้วยังลุกขึ้นได้อีก นภทีป์ หันไปดูหลังจากที่พบชุติเทพก็พูดด้วย น้ำเสียงที่สั่นว่า “หมอเทวดาชุ เป็นบุญวาสนาของ

ตระกูลเราจริงๆ ที่คุณยอมมารักษาตัวผม”

ชุติเทพสายมือให้กับนภทีป์ “แค่เห็นแก่หน้ารพี พงษ์เอง”

ทุกคนต่างก็มองไปทางรพีพงษ์ด้วยสีหน้าที่ ตกใจ ไม่คิดว่าเค้าจะมีอำนาจขนาดนี้ ชุติเทพบอก ว่าเพราะเห็นแก่หน้ารพีพงษ์ก็เลยมา
นภทีปไม่คิดว่ารพีพงษ์จะเชิญมาได้จริงๆ แต่ เวลาแบบนี้เค้าไม่มีเวลาคิด เพราะจะต้องรักษาตัว ก่อน

“หมอเทวดาชุรบกวนแล้ว ครั้งนี้รักษาเสร็จผม จะจ่ายให้หนักเลยครับ หวังว่าคุณจะรักษาผมให้ดี ที่สุด” นภทีป์ พูดดำน้ำเสียงที่จริงจัง

ชุติเทพ ไม่ได้พูดอะไรแต่เจสสิก้าที่อยู่ข้างๆ พูดมาว่า “โถ่ อาจารย์ พวกเราไม่ควรจะรักษาเขา เพราะว่าคนบ้านนี้เยื่อหยิ่งเกินไป บอกว่าพวกเรา คือคนหลอกลวง รักษาเขาให้ตายเลย”

นกที่ป์ได้ยินที่เจสสิก้าพูดก็อึ้งไปเลย ถาม อย่างสงสัยว่า “ไม่รู้ว่าคุณเป็น? ”

ธายุกร รีบพูดไปว่า “ปู่ เมื่อกี้เจนไม่ทันไประวัง ไปรบหรูสองท่านนี้”

สีหน้าของชรินทร์ทิพย์เปลี่ยนไปทันที ถ้าชุติ เทพไม่รักษานภทีป์ เพราะเธอ เธอก็จะกลายเป็น คนบาป

“เฮอะ นั่นเรียกว่าไม่ทันระวังหรอ ฉันว่าไม่ จริงใจมากกว่า ไม่มีแม้กระทั่งคำขอโทษ” เจสสิก้า พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

นภทีปพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ไอ้สาระเลว! ยังไม่ขอโทษอีก! ”
“ปู่หนูผิดไปแล้ว ให้อภัยหนูเถอะ” ชรีนทร์ ทิพย์ขอร้องนภทีป์

นภทีป์ จะเป็นลม กัดกรามแล้วพูดว่า “ฉันให้ ขอโทษกับฉันหรอ? ให้ขอโทษหมอเทวดาชุและ สาวน้อยคนนี้! ผิดไม่รู้จักแก้ ขอโทษหมอเทวดา เดี๋ยวนี้!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท