พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 122

บทที่ 122

บทที่ 122 ไล่รพีพงษ์ออกไป

ศศินัดดาได้ยินรพีพงษ์ตกลง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา ทันที จึงรีบพูดขึ้น:”งั้นแกยังจะรออะไรอีก เราไปโอนกันซะ ตอนนี้เลย อารีทำงานเธอไม่มีเวลา แกก็โอนให้ฉันก่อน จากนั้นฉันค่อยโอนให้อารีเอง”

รพีพงษ์ไม่พูดอะไร รีบเอาเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้วไปโอน วิลล่ากับศศินัดดา

แค่วิลล่าหลังละ15ล้านเอง ถ้าศศินัดดาได้วิลล่าไปแล้ว

ไม่ทำตามที่รับปากไว้งั้นรพีพงษ์ก็จะซื้อหลังข้างๆอีกหลัง ยังไงซะเงินเล็กน้อยพวกนี้เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร

ทั้งคู่ออกไปด้วยกัน เมื่อถึงสถานที่โอน ก็ใช้เวลาทั้งบ่าย ในการโอนวิลล่าหลังนี้ให้ศศินัดดา

ศศินัดดาดูทะเบียนบ้านเล่มใหม่ที่เขียนเป็นชื่อของเธอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ เธอไม่คิดว่าตัวเองจะมีวิลล่า หลังละ15ล้านเป็นของตัวเอง

“วิลล่าโอนให้คุณแล้ว คุณจำเรื่องที่รับปากผมไว้ ถ้าหลัง จากนี้ยังเข้ามายุ่งเรื่องของผมกับอารีอีก ผมไม่เกรงใจก็ อย่ามาโทษผมแล้วกัน”รพีพงษ์พูดน้ำเสียงเย็นชา

ศศินัดดาเบะปากใส่พี่ พงษ์ ในใจพลางคิดว่ารพีพงษ์นี้โง่ จริงๆ ตอนนี้วิลล่าก็เป็นของเธอแล้ว เธอจะทำอะไรรพีพงษ์ ก็ไม่อาจยุ่งได้หรอก

ถึงรพีพงษ์จะเอาวิลล่าคืน เธอก็ไม่ให้อย่างแน่นอน
“รพิพงษ์ ที่ทุกคนมองแกเป็นเศษขยะ ไม่ใช่ ไม่มีเหตุผล หรอกนะ ตอนนี้วิลล่าเป็นของฉันแล้ว ต่อไปถ้าแกกล้าพูด แบบนี้กับฉันอีก ฉันจะให้แกไปนอนบนถนน! “ศศินัด ดาฟีดฟัดใส่รพีพงษ์

รพีพงษ์ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ในใจคิดว่าตัวเองนี่ไร้ เดียงสาเกินไปจริงๆ ถึงได้คิดว่าศศินัดดาจะรักษาสัญญา

“เอาล่ะ ฉันกลับก่อนนะ เรื่องของแกกับอารี ฉันที่เป็นแม่ ต้องยุ่งแน่นอน คืนนี้แกไปนอนห้องที่เล็กที่สุดนะ ถ้าไม่ นอนก็ไสหัวออกไป! “ศศินัดดาพูด

“ฝันไปเถอะ! “รพีพงษ์พูดเสียงเย็นชา

ศศินัดดาเห็นรพีพงษ์ที่ไม่มีวิลล่าแล้ว ยังจะกล้ากำแหง แบบนี้ จึงรีบพูดอย่างรังเกียจ:”รพีพงษ์ จะบอกให้นะตอนนี้ วิลล่าเป็นของฉัน ถ้าฉันบอกว่าไม่ให้แกอยู่ แกก็ต้องไสหัว ออกไป! ”

“แค่วิลล่าหลังเดียว คุณคิดว่าผมจะฟังคุณเพราะเรื่องแค่ นี้จริงๆน่ะเหรอ? “รพีพงษ์พูด

“รพีพงษ์ แกเลิกเสแสร้งได้แล้ว แกซื้อวิลล่าหลังนี้ได้ คง

ใช้เงินทั้งหมดที่แกมี ตอนนี้วิลล่าก็เป็นของฉันแล้ว แกมันก็

แค่คนอนาถาที่ไม่มีอะไรเลย อย่ามาทำเป็นแข็งข้อกับ

ฉัน”ศศินัดดาพูดอย่างไม่พอใจ “เงินที่ซื้อวิลล่าหลังนี้สำหรับผมแล้ว แม้แต่เงินซื้อขนมก็ เทียบไม่ติด”รพีพงษ์พูด

ศศินัดดาคิดว่ารพีพงษ์คนนี้จะโอ้อวดเกินไปแล้ว จึงกลอกตามองบนใส่เขาไปหนึ่งที่ จากนั้นก็เดินจากไป

รพีพงษ์คิดจะตามไป แต่ทันใดนั้น เขาก็เห็นตาสีทองที่

อยู่ตรงมุมหลืบอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของตาสีทองไม่มีรอยยิ้ม แต่กลับเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม นี่ทำให้รพีพงษ์รู้สึกแปลกๆ เขาไม่ได้ตามศศินัดดาไป

แต่เดินไปยังตาสีทองแทน

“คุณชาย กลับตระกูลลัดดาวัลย์กับผมเถอะ ตอนนี้ ตระกูลลัดดาวัลย์ต้องการคุณ แม่คุณเร่งผมหลายครั้ง แล้ว”ตาสีทองพูดอย่างไม่อ้อมค้อม

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดขึ้น”ผมบอกไปแล้ว ผมจะไม่เข้าไปยุ่ง เรื่องของตระกูลลัดดาวัลย์

ตาสีทองถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แล้วพูดขึ้น:”ดู เหมือนผมจะโน้มน้าวคุณไม่ได้จริงๆ คุณชาย พรุ่งนี้ผมจะ ไปเกียวโตแล้ว คุณไม่กลับไปพร้อมผมจริงๆเหรอ?”

รพีพงษ์ส่ายหน้าพลางพูด:”เดินทางปลอดภัย”

ตาสีทองถอนหายใจ แล้วพูดขึ้น:”ผมกลับไปครั้งนี้ ไม่ได้ แสดงว่าตระกูลลัดดาวัลย์ทอดทิ้งคุณ พวกเขาแค่จะ เปลี่ยนคนมาโน้มน้าวคุณใหม่ หวังว่าเมื่อผมกลับไปถึงไม่ นานนัก จะได้เจอกับคุณอีก”

รพีพงษ์ชะงักทันที แล้วถามขึ้น:”ตระกูลลัดดาวัลย์จะ เปลี่ยนคนให้มาที่นี่? ใคร? ”

ตาสีทองยิ้มให้รพีพงษ์ แล้วพูด:”เมื่อถึงตอนทนั้นคุณก็จะรู้ เอง หวังว่าเธอจะเปลี่ยนใจคุณได้ ตอนนี้ทั้งตระกูลลัดดาวัลย์ล้วนรอคุณกลับไปทั้งนั้น”

ตาสีทองพูดจบก็เดินเข้าตรอกไป รพีพงษ์อยากถามว่า คนที่ตระกูลลัดดาวัลย์ส่งมานั้นเป็นใคร แต่เมื่อเขาตาม เข้าไปในตรอก ก็ไม่เห็นตาสีทองแล้ว

รพีพงษ์รู้สึกแปลกๆ ขนาดตาสีทอง ที่เป็นหัวหน้าพ่อบ้าน ของตระกูลลัดดาวัลย์ ก็ไม่อาจโน้มน้าวเขาได้ ตระกูลลัด ดาวัลย์จะเปลี่ยนคนมาใหม่ เป็นใครกัน?

ทันใดนั้นรพีพงษ์ก็นึกถึงใครบางคน ในหลายคนนี้ ไม่ว่า จะเป็นใครก็ล้วนทำให้รพีพงษ์ปวดหัวได้ทั้งนั้น

แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่าใครจะมา เขาก็ไม่กลับตระกูลลัดดาวัลย์

เมื่อออกมาจากตรอก รพีพงษ์ไม่ได้กลับบ้านทันที แต่ไป ที่สถานบันเทิงสตาร์กาย

ไม่กี่วันมานี้ อาการบาดเจ็บของไตรทศดีขึ้นมาก ร่างกายเขาแข็งแรง ฟื้นตัวเร็วจนน่าตกใจ คนทั่วไปต้องใช้ เวลาหลายเดือนถึงจะฟื้นตัวได้ แต่เขาครึ่งเดือนก็ฟื้นตัวได้ เกือบหมดแล้ว

เมื่อเห็นไตรทศไม่เป็นอะไรแล้ว รพีพงษ์ก็วางใจ

ขณะนั้นเองธฤตญาณเดินเข้ามาพลางพูด :”ครั้งก่อนที่ คุณให้สืบเลปกร ผมส่งคนไปสืบมาให้แล้ว พบเบื้องหลัง ของเลปกรอย่างชัดเจน”

“ลองพูดมาซิ “รพีพงษ์พูด

“ถ้าผมทายไม่ผิด เลปกรนี้เป็นตระกูลใหญ่สุดในเมืองริเวอร์ เป็นคนของตระกูลกุลสวัสดิ์”ธฤตญาณพูด

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ปกติเขาก็ได้ยินศศินัดดากับศักดาเคย พูดเรื่องตระกูลกุลสวัสดิ์บ้าง ได้ยินมาว่านภทีป์ประจบมา ตลอด แต่ตระกูลกุลสวัสดิ์ก็มองไม่เห็นตระกูลระดับล่าง อย่างฉัตรมงคล

ครั้งก่อนตอนที่เลปกรขอร้องรพีพงษ์ให้ยกโทษให้ บอก ว่าเป็นคนของคุณชายกุมุทแต่รพีพงษ์ไม่ทันได้คิดถึงด้าน นี้ ดูแล้วตอนนี้เลปกรคงจะเป็นคนของตระกูลกุลสวัสดิ์ จริงๆ

“เลปกรคนนี้คงเป็นบอดี้การ์ดคนสนิทของกุมุท คุณชาย ของตระกูลกุลสวัสดิ์ เคยสนิทกับพิชญุตม์เมื่อหลายปีก่อน หากครั้งนี้พิชญุตม์จะทำอะไรพวกเรา ก็ไปเชิญเลปกรมา แต่พวกเขาคงคิดไม่ถึง แม้แต่เลปกรก็ไม่ใช่คู่แข่งของคุณ”

“แต่ผมได้ยินมาว่ากุมุทคนนี้ป็นคนใจแคบมาก ถ้าเลปกร โดนคุณตัดแขนไปทั้งสองข้าง กุมุทไม่ปล่อยไว้แน่ เกรงว่า ใช้ได้ไม่เท่าไหร่ พวกเขาคงบุกมาหาเราแน่”

ธฤตญาณแสดงความกังวลออกมา

รพีพงษ์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น:”ยังไม่ต้องรีบร้อน พิชญุตม์โดนทำลาย ตอนนี้คุณเป็นใหญ่ที่สุดเมืองริเวอร์ ถึงจะเป็นคนของตระกูลกุลสวัสดิ์ ถ้าจะทำอะไรคุณก็คง ต้องไตร่ตรองดีๆแล้วล่ะ”

“แต่เรื่องความแค้นกับการบาดเจ็บเป็นเรื่องปกติ คนของ ตระกูลกุลสวัสดิ์คงเข้าใจกฎเกณฑ์นี้ ถ้าหากกุมุทผู้นั้นไม่รู้จักผิดชอบละก็งั้นผมจะสั่งสอนเขาเอง”รพีพงษ์พูด

ธฤตญาณประหลาดใจ และพูดขึ้น”นั่นเป็นถึงคุณชาย ตระกูลกุลสวัสดิ์เลยนะ ถึงคนของตระกูลกุลสวัสดิ์ไม่ทำ อะไรพวกเรา แต่แค่คุณชายคนหนึ่ง ก็สามารถรวบรวมคน ได้ไม่น้อย อีกทั้งพวกเขาไม่รู้ตัวตนของคุณ แต่เลปกรต้อง จำหน้าคุณได้แน่นอน ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูด ตอนนี้เขาอาจ กลัวผม แต่ไม่ได้กลัวคุณ ถึงตอนนั้นเกรงว่าคุณจะมี ปัญหา”

รพีพงษ์ยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น:”แค่ตระกูลกุลสวัสดิ์เล็กๆ ตระกูลหนึ่ง ร้ายกาจขนาดนั้นเลย? ไม่ต้องกังวล ถ้ากุมุท กล้ามาหาผม ผมจะทำให้เขาเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้”

ธฤตญาณกลืนน้ำลาย เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าตกลงแล้ว รพีพงษ์มีอำนาจขนาดไหนกัน ถึงได้กล้าไม่เห็นตระกูลกุล สวัสดิ์ที่เป็นตระกูลอันดับหนึ่ง ของเมืองริเวอร์อยู่ในสายตา

ทันใดนั้นโทรศัพท์ของรพีพงษ์ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู จึง เห็นว่าบุษบากรส่งข้อความมา

“ฉันเห็นคุณเข้าไปในสถานบันเทิงสตาร์กายแล้วล่ะ คุณ

มันผู้ชายปากไม่ตรงกับใจ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าคุณทำอะไร

ข้างในนั้น”

รพีพงษ์ไม่สนใจบุษบากร แต่เมื่อเก็บโทรศัพท์ไป บุษบา กรก็ส่งรูปมาให้เขา

เป็นรูปในคืนนั้น เป็นตอนที่เขาพาบุษบากรไปนอนบน เตียง และจู่ๆบุษบากรก็จับหน้าเขา
แต่มองจากมุมในรูปนี้แล้ว เป็นรพีพงษ์กดร่างบุษบากรไว้ บนเตียง เหมือนกำลังจะทำอะไร

รพีพงษ์ไม่คิดว่าบุษบากรจะมีรูปนี้ จึงได้รู้ว่าบุษบากรคง ไม่ได้เป็นลมไปจริงๆ เธอทำเพียงเพื่อถ่ายภาพๆนี้

“เธอจะทำอะไร? “รพีพงษ์ตอบเธอกลับไป

“ไม่บอก ผู้ชายเจ้าชู้ ไปที่แบบนั้นแต่ไม่คิดจะมาหาฉัน ฉันด้อยกว่าผู้หญิงพวกนั้นงั้นเหรอ?

รพีพงษ์เก็บโทรศัพท์กลับไป เขาไม่ได้สนใจบุษบากร ฉันว่าจินตนาการเธอล้ำเลิศจริงๆ ที่ตนมาที่นี่ก็แค่มาดู อาการป่วยของไตรทศก็แค่นั้น

เขาอยู่ในสถานบันเทิงสตาร์กายอีกพักหนึ่ง จากนั้นรพี พงษ์ก็ออกมา แล้วกลับดงเย็น

เมื่อเขามาถึงหน้าประตูวิลล่า แล้วเปิดประตูเข้าไป ก็เห็น ว่าบนพื้นหน้าประตูมีของทิ้งอยู่เต็มไปหมด ทั้งหมดล้วน เป็นของของเขา ด้านในยังมีรูปคู่ของเขากับอารียา

รพีพงษ์หยิบรูปใบนั้นขึ้นมาอย่างปวดใจนิดๆ ใช้มือเช็ด ไปมา นี่เป็นรูปคู่เขากับอารียาเพียงรูปเดียวที่มีอยู่ เขาเห็น รูปนี้เป็นสิ่งล้ำค่ามาตลอด คิดไม่ถึงว่าตอนนี้มันจะโดนโยน

ทิ้ง

ขณะนั้นเอง ประตูของวิลล่าได้เปิดออกอีกครั้ง ศศินัดดา โยนกล่องที่ตนถือลงไปกับพื้น ด้านในล้วนเป็นเสื้อผ้าของ รพีพงษ์

รพีพงษ์มองศศินัดดา แล้วถามขึ้น:”คุณทำอะไร? ”
ศศินัดดาเห็นว่ารพีพงษ์กลับมาแล้ว ก็ยิ้มเยาะใส่เขาแล้ว

พูดขึ้น:”แกยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ จะบอกแกให้นะบ้าน

หลังนี้ไม่ต้อนรับแกอีกต่อไป วันนี้แกไสหัวไปซะ ของของ แกอยู่ตรงนี้หมดแล้ว รีบออกไปได้แล้ว เห็นแล้วรำคาญ” รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่าศศินัดดาที่เพิ่งจะได้วิลล่าไป ก็รีบไล่ เขาออกแบบนี้ ในใจคิดไม่ถึง

“คุณแน่ใจเหรอว่าจะทำแบบนี้จริงๆ ? “รพีพงษ์จ้องศศิ นัดดาพลางถามเสียงเยือกเย็น

“รพีพงษ์ ตอนนี้วิลล่าเป็นของฉันแล้ว ใครจะอยู่ในวิลล่า ได้ มันก็ขึ้นอยู่กับฉัน ถ้าฉันจะให้แกออกไปแกก็ต้องออก ไป รีบเก็บของของตัวเองแล้วไปซะ อย่าให้ฉันเห็นหน้าแก อีก”ศศินัดดาพูดฉอดๆ

ขณะนั้นเองศักดาก็เดินออกมาจากด้านใน เมื่อเห็นว่าศศิ

นัดดาจะไล่รพีพงษ์ เขาจึงพูดขึ้น:”ให้รพีพงษ์อยู่ที่นี่เถอะ

เขาอยู่ยังพอทำความสะอาด ทำอาหารนู่นนี่ได้ ถ้าเขาไป พวกเราคงต้องจ้างแม่บ้าน” ศศินัดดาจ้องศักดาพลางพูด:”ถึงจะต้องจ้างแม่บ้านฉันก็ ยอม ดีกว่าให้เศษขยะคนนี้อยู่ที่นี่ต่อ! ”

ศักดาได้ยินศศินัดดาพูดแบบนี้ เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ เขากลัวว่าศศินัดดาจะไล่ตนออกไปพร้อมกับเขา

ขณะที่ศศินัดดาไล่รพีพงษ์อยู่นั้น อารียาเลิกงานและ กลับบ้านมาพอดี เธอเห็นของของรพีพงษ์โดนโยนออกมา บวกกับเห็นศศินัดดายืนข่มขู่อยู่ที่ประตู เธอจึงรีบเข้าไปถาม:”แม่ แม่ทำอะไรเนี่ย พวกคุณทำอะไรกัน?

ศศินัดดาพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความพอใจ “ลูกแม่ วันนี้เศษขยะรพีพงษ์โอนวิลล่าหลังนี้ให้แม่ จากนี้ไปวิลล่า หลังนี้เป็นของพวกเราแล้วนะ ตอนนี้แม่ไล่ให้เขาออกไป จากบ้านของเรา ต่อไปเราก็ไม่ต้องเจอหน้าเจ้าเศษขยะนี่ ทุกวันแล้ว”

อารียาได้ยินสิ่งที่ศศินัดดาพูด ในใจร้อนรุ่ม ไม่เข้าใจว่า ทำไมรพีพงษ์ถึงโอนวิลล่าให้ศศินัดดา

“แม่ทำอะไร ทำไมต้องไล่รพีพงษ์ด้วย? “อารียาถาม

“เขามันก็แค่เศษขยะ นอกจากวิลล่าหลังนี้เขาก็ไม่มีอะไร แล้ว ตอนนี้วิลล่าเป็นของแม่ แม่ไม่ให้เขาอยู่แน่นอน! “ศศิ นัดดาพูดอย่างมีเหตุผล

เธอหันไปมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง แล้วจับมือรพีพงษ์พลาง พูด:”เราไปกันเถอะ บ้านแบบนี้ไม่อยู่ก็ไม่เห็นเป็นไร ! “

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท